บุปผาพิษใต้เงาจันทรา

51.0K · จบแล้ว
สิบสามธันวา
28
บท
3.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

จากเด็กหญิงถูกทิ้ง สู่ผู้กุมความลับแห่งพิษ หลินเยว่สาบานจะลากคอฆาตกร แม้ทางเต็มด้วยอันตราย เล่ห์เหลี่ยม และทรยศ นางจะใช้สติปัญญาและความสามารถ ปลดเปลื้องความจริง ทวงคืนยุติธรรม ดำดิ่งสู่โลกแห่งวังวนอำนาจ ความรักที่ซ่อนเร้น และความแค้นที่กัดกินหัวใจใน "บุปผาพิษใต้เงาจันทรา"

นิยายจีนโบราณนางเอกเก่งจีนโบราณโรแมนติกพระชายากลอุบายในวังวังหลังมีลูกผู้สืบทอดราชวงศ์/ชนชั้นเจ้า

บทที่ 1 บุตรีต้องสาป 1/2

บทที่

1

บุตรีต้องสาป

แสงตะวันยามเช้ารอดผ่านรอยแตกบนบานหน้าต่างไม้เก่าคร่ำคร่า สาดส่องลงบนร่างเล็กของเด็กหญิงที่ขดตัวอยู่บนฟูกฟางบางๆ หลินเยว่ในวัยเพียงเจ็ดหนาว ผิวพรรณซีดเซียว ดวงตากลมโตกลับฉายแววขุ่นเคืองระคนหวาดระแวง เสียงซุบซิบน่ารังเกียจที่ดังแว่วมาจากนอกกระท่อมหลังเล็กในชายป่า ยังคงก้องอยู่ในหูของเธอไม่จางหาย

“นั่นไง บุตรีต้องสาป”

“จริงหรือ ช่างน่ากลัวนัก ว่ากันว่านางนำความอัปมงคลมาสู่หมู่บ้าน”

“อย่าเข้าใกล้เชียวนะ ใครเข้าใกล้อาจจะโชคร้ายไปด้วย”

หลินเยว่ กำมือแน่น เล็บจิกลงบนฝ่ามือเล็ก ๆ จนเกิดรอยแดง เธอชินชากับคำพูดเหล่านี้เสียแล้ว นับตั้งแต่วันที่มารดาจากไปอย่างกะทันหันด้วยอาการประหลาด และบิดาผู้เป็นที่รักก็ล้มป่วยลงอย่างทรุดโทรม ข่าวลือเรื่อง ‘บุตรีต้องสาป’ ก็แพร่กระจายราวกับไฟลามทุ่ง ชาวบ้านที่เคยยิ้มแย้มให้กลับกลายเป็นหวาดระแวง รังเกียจ และพยายามกีดกันสองพ่อลูกออกจากสังคม

“เยว่เอ๋อร์” เสียงแหบพร่าของบิดาดังมาจากมุมหนึ่งของกระท่อม หลินชานนอนอยู่บนเตียงไม้เก่า ๆ ใบหน้าซูบผอม ดวงตาเศร้าสร้อยมองมาที่บุตรีด้วยความรักและเป็นห่วง

“ท่านพ่อ” หลินเยว่รีบลุกขึ้นคลานเข่าเข้าไปหาบิดา จับมือสากกร้านของท่านไว้แน่น “ท่านรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่”

หลินชานส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง ไอแห้ง ๆ กระแทกออกมาจากลำคอ “พ่อไม่เป็นไรมาก เจ้าเองก็ดูแลตัวเองด้วยนะลูก อย่าออกไปข้างนอกบ่อยนักเลย”

“แต่ท่านพ่อต้องการยา” หลินเยว่เสียงสั่นเครือ ยาที่หมอเฒ่าในหมู่บ้านสั่งจ่ายนั้นมีราคาสูงลิ่ว เงินทองที่บิดาเคยเก็บหอมรอมริบไว้ก็ร่อยหรอลงทุกวัน การออกไปเก็บสมุนไพรในป่าลึกเพียงลำพังจึงเป็นทางเลือกเดียวที่เธอพอจะทำได้ แม้จะรู้ว่าต้องเผชิญกับสายตาและคำพูดที่แสนเจ็บปวดจากผู้คน

“ไม่ต้องห่วงพ่อหรอกเยว่เอ๋อร์ พ่อทนได้” หลินชานยกมืออีกข้างขึ้นลูบศีรษะบุตรีเบา ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสาร “เจ้าเป็นเด็กดีอย่าเก็บคำพูดเหล่านั้นมาใส่ใจเลยนะ มันไม่จริง”

“แต่” หลินเยว่เม้มปากแน่น ความน้อยใจและเสียใจจุกอยู่ที่อก เหตุใดกัน เหตุใดพวกเขาถึงต้องถูกปฏิบัติราวกับเป็นเสนียดจัญไร เพียงเพราะมารดาจากไปอย่างลึกลับ และบิดากำลังทรมานจากอาการป่วยที่ไม่ทราบสาเหตุ

ตั้งแต่เล็กจนโต หลินเยว่เป็นเด็กช่างสังเกต เธอจดจำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้อย่างแม่นยำ กลิ่นของดอกไม้แต่ละชนิด ร่องรอยของสัตว์ป่าบนพื้นดิน แม้กระทั่งสีหน้าและท่าทางของผู้คนที่เปลี่ยนไปเมื่อมองมาที่เธอ เธอสังเกตเห็นความผิดปกติในการจากไปของมารดา กลิ่นคาวแปลกประหลาดที่ลอยคลุ้งในห้องก่อนที่ท่านจะสิ้นลม และสีม่วงช้ำที่ปรากฏบนเรียวแขนขาวซีด

และความผิดปกติเหล่านั้นก็ยังคงเกิดขึ้นกับบิดา อาการป่วยของท่านทรุดลงอย่างรวดเร็ว ผิวหนังเริ่มมีผื่นแดงจ้ำ ๆ ขึ้นมา และลมหายใจก็เริ่มติดขัด หลินเยว่แอบได้ยินหมอเฒ่าคุยกับชาวบ้านด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล

“อาการเช่นนี้ข้าไม่เคยพบมาก่อน เหมือนถูกพิษร้าย”

คำว่า ‘พิษ’ ก้องอยู่ในหัวของหลินเยว่ราวกับเสียงฟ้าผ่า ความทรงจำเกี่ยวกับสีม่วงช้ำบนแขนของมารดาหวนกลับมาอีกครั้ง ความสงสัยเริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างชัดเจนในความคิดเล็ก ๆ ของเธอ

‘ไม่ใช่ความอัปมงคล ไม่ใช่โชคร้าย แต่เป็นพิษ’ตั้งแต่นั้นมา หลินเยว่เริ่มสนใจสมุนไพรต่าง ๆ ในป่าอย่างจริงจัง เธอจดจำลักษณะของพืชแต่ละชนิด กลิ่น รสชาติ และสรรพคุณต่างๆ อย่างละเอียด เธอแอบศึกษาตำรายาสมุนไพรเก่าๆ ที่บิดาเคยเก็บไว้ แม้ตัวหนังสือจะยากเกินกว่าเด็กเจ็ดขวบจะเข้าใจได้ทั้งหมด แต่ความกระหายใคร่รู้และความมุ่งมั่นที่จะช่วยบิดาผลักดันให้เธอพยายามอย่างไม่ย่อท้อ