บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ก้าวแรกสู่วังวน 2/2

บทที่

3

ก้าวแรกสู่วังวน

ขอทานชรามองหลินเยว่ด้วยสายตาที่ผ่านโลกมามาก “เด็กน้อย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการอย่าให้ใครสังเกตเห็นเจ้ามากเกินไป จงทำตัวให้เหมือนเงา เงียบและอย่าเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่น”

“เหมือนเงา” หลินเยว่ทวนคำ

“ใช่ จงเรียนรู้ที่จะก้มหน้าหลบสายตา พูดน้อยและทำทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายอย่างเงียบเชียบถ้าเจ้าทำได้เช่นนี้ เจ้าก็อาจจะเอาตัวรอดในเมืองหลวงแห่งนี้ได้”

หลินเยว่พยักหน้าช้า ๆ “ขอบคุณท่านลุงสำหรับคำแนะนำเจ้าค่ะ”

ในที่สุด หลินเยว่ก็มายืนอยู่หน้าประตูเมืองหลวงอันโอ่อ่า ความยิ่งใหญ่ของกำแพงเมืองและทหารยามที่ยืนเฝ้าอย่างแข็งขัน ทำให้หัวใจของนางเต้นแรงด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความตื่นเต้น หวาดระแวง และความมุ่งมั่นอันแรงกล้า นางรู้ว่าการก้าวเข้าไปในวังหลวงเป็นการเสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง แต่ความแค้นที่ฝังลึกในใจนั้นแข็งแกร่งกว่าความกลัวใดๆ

นางเดินเข้าไปในเมืองด้วยท่าทีนอบน้อม สอบถามผู้คนถึงโอกาสในการทำงานในวังหลวง จนกระทั่งได้รู้ว่ามีการรับสมัครนางกำนัลดูแลสวนสมุนไพร หลินเยว่ตัดสินใจว่านี่คือโอกาสของนาง แม้จะเป็นตำแหน่งที่ต่ำต้อย แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่นางสามารถแทรกซึมเข้าไปในวังวนอำนาจและเข้าใกล้เป้าหมายของการแก้แค้นได้

นางเข้าพบเจ้าหน้าที่คัดเลือกนางกำนัลด้วยท่าทีอ่อนน้อม

“ชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ มีใครรับรองเจ้าหรือไม่” เจ้าหน้าที่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ข้าชื่อเสี่ยวหลาน อายุสิบเจ็ดปีเจ้าค่ะ ข้า ข้าไม่มีญาติพี่น้อง แต่ท่านเว่ยจงฝากจดหมายมาให้เจ้าค่ะ” หลินเยว่ตอบพลางยื่นจดหมายให้ด้วยมือที่สั่นเทาเล็กน้อย

เจ้าหน้าที่รับจดหมายไปอ่าน ดวงตาเลื่อนไปตามตัวอักษร “หืมเว่ยจง นานแล้วสินะ (เงยหน้ามองหลินเยว่อีกครั้ง) เจ้าเคยทำงานอะไรมาก่อน”

“ข้าทำงานรับจ้างทั่วไปเจ้าค่ะ ช่วยคนเก็บสมุนไพร ดูแลไร่นาเล็กน้อยข้าอดทนและทำงานหนักได้เจ้าค่ะ” หลินเยว่ตอบด้วยแววตาเศร้าสร้อย

เจ้าหน้าที่พยักหน้าเล็กน้อยอย่างไม่ใส่ใจนัก “ในวังหลวงงานหนักกว่าที่เจ้าเคยทำมากนักนะ เจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งอย่างเคร่งครัด ห้ามถาม ห้ามสอดรู้สอดเห็น หากทำผิดพลาด โทษทัณฑ์จะหนักหนาสาหัส เจ้าเข้าใจหรือไม่”

“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะตั้งใจทำงานและเชื่อฟังคำสั่งทุกอย่างเจ้าค่ะ” หลินเยว่รีบตอบ

เจ้าหน้าที่มองอย่างพิจารณาอีกครั้ง “เจ้าดูผอมแห้งแรงน้อย จะไหวหรือกับการดูแลสวนสมุนไพร มันต้องใช้แรงกายมากนะ”

“ข้าแข็งแรงกว่าที่ท่านเห็นนะเจ้าค่ะ ข้าเคยช่วยเก็บสมุนไพรในป่าลึก ยกของหนัก ๆ ก็พอทำได้เจ้าค่ะ ข้าอยากมีงานทำจริง ๆ เจ้าค่ะ" หลินเยว่รีบกล่าวอย่างกระตือรือร้น

เจ้าหน้าที่ถอนหายใจเล็กน้อย “เอาเถอะ ในเมื่อท่านเว่ยจงฝากฝังมา ข้าจะให้โอกาสเจ้าหนึ่งครั้ง ไปรายงานตัวกับซูเจ้ที่สวนสมุนไพรทางด้านหลังตำหนักจินหลง อย่าทำให้ข้าผิดหวังก็แล้วกัน”

“ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง ข้าจะทำงานให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ” หลินเยว่โค้งคำนับด้วยความขอบคุณ ก่อนจะเดินตามเจ้าหน้าที่ไปยังส่วนต่างๆ ของวังหลวง

ภายใต้ชื่อใหม่และรูปลักษณ์ที่แสนจะธรรมดา หลินเยว่ได้ก้าวเข้าสู่วังวนแห่งอำนาจแล้ว ความแค้นที่ฝังลึกเป็นแรงผลักดันให้นางอดทนและเรียนรู้ ทุกการกระทำ ทุกคำพูด ทุกการสังเกตการณ์ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของแผนการอันยาวไกล เพื่อรอคอยวันที่ดอกไม้พิษแห่งการแก้แค้นจะเบ่งบานในวังหลวงแห่งนี้

การแทรกซึมเข้าไปในวังหลวงอันเป็นดั่งป้อมปราการนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับเด็กสาวกำพร้าที่ไม่มีญาติมิตรหรือเส้นสายใด ๆ โอกาสเดียวของหลินเยว่คือการปลอมตัวและสมัครเข้าไปทำงานในตำแหน่งที่ต่ำต้อยที่สุด

ด้วยความช่วยเหลืออย่างลับ ๆ จากเว่ยจง ผู้ที่เคยมีความสัมพันธ์อันดีกับคนในวังหลวงมาก่อน หลินเยว่ได้รับโอกาสให้เข้าไปทำงานเป็นนางกำนัลดูแลสวนสมุนไพรในส่วนที่ค่อนข้างห่างไกลจากเขตพระราชฐานชั้นใน เว่ยจงได้มอบจดหมายแนะนำตัวปลอมและสอนวิธีการพูดจาและวางตัวอย่างคนต่ำต้อย เพื่อไม่ให้ใครสงสัยในภูมิหลังที่แท้จริงของนาง

ภายใต้ชื่อใหม่ว่า “เสี่ยวหลาน” หลินเยว่ก้าวเท้าเข้าไปในวังหลวงเป็นครั้งแรก ความยิ่งใหญ่และความหรูหราของสถาปัตยกรรมทำให้นางรู้สึกราวกับอยู่ในโลกอีกใบ เสื้อผ้าอาภรณ์แพรพรรณของผู้คน กลิ่นหอมของเครื่องหอมนานาชนิด และเสียงพูดคุยจอแจที่ดังระงม สร้างความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับชีวิตอันเงียบสงบในป่าใหญ่

สวนสมุนไพรที่เสี่ยวหลานได้รับมอบหมายให้ดูแลนั้นตั้งอยู่ทางด้านหลังของตำหนักแห่งหนึ่ง เป็นพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง เต็มไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด ทั้งที่ใช้ปรุงยาและประดับประดา แม้จะเป็นตำแหน่งที่ไม่สำคัญ แต่ก็เป็นโอกาสให้หลินเยว่ได้ใกล้ชิดกับสมุนไพรต่าง ๆ และสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวภายในวังได้อย่างเงียบเชียบ

นางกำนัลอาวุโสผู้ดูแลสวนสมุนไพรมีชื่อว่า “ซูเจ้” เป็นหญิงวัยกลางคนที่มีใบหน้าถมึงทึงและปากคอเราะร้าย นางจ้องมองเสี่ยวหลานตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร

“นี่หรือเด็กใหม่ที่ท่านเว่ยฝากฝังมา” ซูเจ้ถามด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ

“เจ้าค่ะ ท่านซูเจ้” เสี่ยวหลานก้มหน้าตอบด้วยความนอบน้อม

“เงอะงะเซ่อซ่าก็อย่าให้เห็นนะ สวนสมุนไพรแห่งนี้ต้องได้รับการดูแลอย่างดี หากมีอะไรเสียหาย ข้าจะลงโทษเจ้าอย่างหนัก” ซูเจ้สั่งเสียงเข้ม

“เสี่ยวหลานจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่เจ้าค่ะ” เสี่ยวหลานตอบด้วยความเคารพ

ซูเจ้พยักหน้าเล็กน้อยอย่างไม่ใส่ใจนัก “ตามข้ามา ข้าจะพาเจ้าไปดูหน้าที่ของเจ้า”

ตลอดวันที่เสี่ยวหลานเริ่มงาน นางพยายามเรียนรู้งานทุกอย่างอย่างรวดเร็ว จดจำชื่อสมุนไพรแต่ละชนิด วิธีการรดน้ำ พรวนดิน และเก็บเกี่ยว นางทำทุกอย่างด้วยความขยันขันแข็งและเงียบเชียบ พยายามหลีกเลี่ยงการสุงสิงกับนางกำนัลคนอื่น ๆ เพื่อไม่ให้ใครจับสังเกตได้

ในขณะที่ทำงานอยู่ในสวน เสี่ยวหลานก็ไม่ลืมที่จะสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวรอบข้าง นางจดจำใบหน้าของข้ารับใช้และเหล่าขุนนางที่เดินผ่านไปมา จดจำเวลาและเส้นทางที่พวกเขาใช้ รวมถึงบทสนทนาที่นางแอบได้ยิน

เป้าหมายแรกของหลินเยว่คือ เสนาบดีตงฟางหลี่ นางรู้ว่าเขาเป็นขุนนางผู้มีอำนาจและมักจะเข้ามาในวังหลวงเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้ นางต้องหาโอกาสเข้าใกล้เขาและสืบหาหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของเขากับการล่มสลายของครอบครัวนาง

หลายวันผ่านไป เสี่ยวหลานยังคงทำงานอย่างเงียบ ๆ และอดทน นางเรียนรู้ชีวิตในวังหลวงอย่างรวดเร็ว สังคมที่เต็มไปด้วยการแบ่งชนชั้น การประจบสอพลอ และการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น นางเห็นนางกำนัลบางคนพยายามเอาใจเหล่าขุนนางเพื่อหวังความก้าวหน้า และเห็นข้ารับใช้บางคนถูกลงโทษอย่างรุนแรงเพียงเพราะความผิดพลาดเล็กน้อย

วันหนึ่งขณะที่เสี่ยวหลานกำลังรดน้ำต้นไม้ในส่วนที่ค่อนข้างร่มรื่น นางสังเกตเห็นร่างสูงสง่าในชุดขุนนางสีม่วงเข้มเดินเข้ามาในสวน สมองของนางทำงานอย่างรวดเร็ว นางได้ยินนางกำนัลเรียกชื่อของเขาผู้นั้น เสนาบดีตงฟางหลี่ เป้าหมายแรกของการแก้แค้นของนาง

หัวใจของหลินเยว่เต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นและความโกรธแค้น นางรีบก้มหน้าลงต่ำ ทำทีเป็นสนใจต้นไม้ตรงหน้า

ตงฟางหลี่เดินชมสวนอย่างสบายอารมณ์ พร้อมกับพูดคุยกับขันทีคนสนิทข้างกาย

“ดอกไม้ในสวนนี้ช่างงดงามยิ่งนัก ฝีมือของคนดูแลคงไม่เลว” เสียงทุ้มนุ่มของเขาดังขึ้น

“เป็นฝีมือของนางกำนัลใหม่พ่ะย่ะค่ะ ท่านเสนาบดี นางชื่อเสี่ยวหลาน” ขันทีตอบ

ตงฟางหลี่หยุดเดิน หันมามองไปยังร่างเล็กที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความสนใจ

“เด็กใหม่หรือ เงียบขรึมดีนี่” เขากล่าวพลางเดินเข้าไปใกล้

หลินเยว่รู้สึกตัวว่าถูกจับจ้อง นางพยายามควบคุมความสั่นเทาในร่างกายและค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น มองเสนาบดีด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความนอบน้อมและความหวาดกลัว

“ทำความเคารพท่านเสนาบดีเจ้าค่ะ” เสี่ยวหลานกล่าวเสียงเบา

ตงฟางหลี่จ้องมองใบหน้าของนางอย่างพิจารณา ดวงตาคมกริบราวกับจะทะลุทะลวงเข้าไปในจิตใจของนาง

“เจ้าชื่อเสี่ยวหลาน” เขาถามนางด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม

“เจ้าค่ะ ท่านเสนาบดี”

“หน้าตาคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน” ตงฟางหลี่พึมพำกับตัวเอง

หัวใจของหลินเยว่เต้นระส่ำ นางพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมา

“คงเป็นเพราะท่านเสนาบดีเคยเสด็จมาที่สวนแห่งนี้กระหม่อม” ขันทีรีบกล่าวแทรก

ตงฟางหลี่พยักหน้าช้า ๆ ราวกับคล้อยตาม “อาจจะเป็นเช่นนั้นเจ้าดูแลต้นไม้พวกนี้ดี ๆ ล่ะ หากมีอะไรผิดพลาด เจ้าจะถูกลงโทษอย่างหนัก”

“เสี่ยวหลานจะจดจำไว้เจ้าค่ะ” เสี่ยวหลานตอบด้วยความเคารพ

ตงฟางหลี่หันหลังเดินจากไปพร้อมกับขันที หลินเยว่ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา เหงื่อเย็นเยียบไหลซึมไปทั่วแผ่นหลัง การเผชิญหน้าครั้งแรกกับเป้าหมายของการแก้แค้นนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความหวาดหวั่น

‘หน้าตาของข้าคงเหมือนคนที่ท่านทำให้ต้องจากข้าไปสินะ ถึงได้รู้สึกคุ้นเคย’ หลินเยว่คิดในใจ นางรู้ว่าการเข้าใกล้ตงฟางหลี่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่นางจะไม่ยอมแพ้ นางจะใช้ความอดทนและความสามารถทั้งหมดที่มี เพื่อสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของเขา รวบรวมหลักฐาน และรอคอยโอกาสที่จะลงมือชำระแค้น

ก้าวแรกของหลินเยว่สู่วังวนแห่งอำนาจได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แม้จะเป็นเพียงตำแหน่งที่ต่ำต้อย แต่นางก็จะใช้สถานที่แห่งนี้เป็นฐานที่มั่นในการแก้แค้น รอคอยวันที่ดอกไม้พิษที่นางซ่อนไว้จะเบ่งบานและส่งกลิ่นหอมหวานแห่งการชำระแค้นให้ศัตรูได้ลิ้มลอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel