บทที่ 5 ร่องรอยแห่งความลับ
บทที่
5
ร่องรอยแห่งความลับ
ความสงบสุขในวังหลวงถูกรบกวนด้วยข่าวลือกระซิบกระซาบที่แพร่สะพัดไปทั่วทุกซอกทุกมุม ตำหนักของ พระสนมซูฮุ่ย พระสนมคนโปรดของฮ่องเต้ ตกอยู่ในความเงียบงันและความโศกเศร้า เมื่อพระนางทรงล้มประชวรอย่างกะทันหันด้วยอาการประหลาด พระวรกายอ่อนแรงลงอย่างรวดเร็ว ผิวพรรณซีดเซียว และมีอาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรง บรรดาแพทย์หลวงต่างพยายามถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถ แต่พระอาการกลับไม่ดีขึ้น สร้างความกังวลและโทมนัสให้กับฮ่องเต้อยิ่งนัก
ข่าวการประชวรของพระสนมซูฮุ่ยแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว เสี่ยวหลานที่ทำงานอยู่ในสวนสมุนไพรก็ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน นางรู้สึกใจหายอย่างประหลาด แม้จะไม่เคยมีโอกาสได้ใกล้ชิดพระสนม แต่ก็รับรู้ได้ถึงความสำคัญและเป็นที่รักของพระนางในหมู่ข้าราชบริพาร
ในขณะที่ทุกคนในวังหลวงต่างวิตกกังวลและคาดเดาถึงสาเหตุการประชวรของพระสนม องค์รัชทายาทรัชทายาทหลี่หมิงกลับทรงเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ พระองค์ทรงเรียกบรรดาแพทย์หลวงเข้าเฝ้าเป็นการส่วนตัว สอบถามถึงรายละเอียดของพระอาการและผลการตรวจต่าง ๆ อย่างละเอียด พระเนตรคมกริบของพระองค์จับจ้องไปยังรายงานการตรวจด้วยความใคร่ครวญ ราวกับกำลังมองหาร่องรอยบางอย่างที่ซ่อนอยู่
“อาการเช่นนี้ ท่านเคยพบมาก่อนหรือไม่” องค์รัชทายาทตรัสถามแพทย์หลวงอาวุโสด้วยพระสุรเสียงต่ำ
แพทย์หลวงอาวุโสส่ายหน้าด้วยความหนักใจ "ทูลองค์รัชทายาทกระหม่อมและคณะแพทย์ได้ตรวจพระอาการอย่างละเอียดแล้ว แต่ยังไม่พบสาเหตุที่แน่ชัด พระอาการประหลาดนักไม่ได้เหมือนโรคภัยไข้เจ็บทั่วไป”
“ไม่ได้เหมือนโรคภัยไข้เจ็บทั่วไป” องค์รัชทายาททวนคำ พระเนตรของพระองค์ฉายแววครุ่นคิด “แล้วท่านสงสัยในสิ่งใด”
แพทย์หลวงอาวุโสลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ทูลองค์รัชทายาทกระหม่อมมิบังอาจคาดเดาแต่พระอาการบางอย่างคล้ายกับการถูกพิษ”
คำว่า ‘พิษ’ แว่วเข้ามาในพระโสตขององค์รัชทายาทหลี่หมิง ราวกับเสียงกระซิบที่ดังมาจากความมืดมิด พระองค์ทรงขมวดพระขนงแน่น พระทัยเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
“ท่านแน่ใจหรือ” องค์รัชทายาทตรัสถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ทูลองค์รัชทายาทเป็นเพียงข้อสันนิษฐานเบื้องต้นพ่ะย่ะค่ะ ต้องมีการตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง” แพทย์หลวงตอบด้วยความระมัดระวัง
องค์รัชทายาทหลี่หมิงทรงลุกขึ้นจากพระเก้าอี้ เสด็จไปยังหน้าต่าง ทอดพระเนตรไปยังสวนหลวงที่เงียบสงบ พระทัยของพระองค์เต็มไปด้วยความกังวล พระสนมซูฮุ่ยเป็นคนดีและไม่เคยมีศัตรู พระองค์ไม่เชื่อว่าจะมีใครกล้าทำร้ายพระนางถึงเพียงนี้ แต่ข้อสันนิษฐานเรื่องพิษก็มิอาจละเลยได้
“ข้าจะทำการสืบสวนเรื่องนี้ด้วยตนเอง” องค์รัชทายาทตรัสด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ห้ามมิให้ผู้ใดแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปโดยเด็ดขาด หากผู้ใดฝ่าฝืน จะต้องได้รับโทษสถานหนัก”
ภายใต้ความมืดมิดของยามค่ำคืน องค์รัชทายาทหลี่หมิงทรงปลอมพระองค์เป็นข้าราชบริพารธรรมดา เสด็จไปยังตำหนักของพระสนมซูฮุ่ยอย่างเงียบเชียบ พระองค์ทรงตรวจดูรอบบริเวณตำหนักอย่างละเอียด สังเกตการณ์ร่องรอยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจเป็นเบาะแสสำคัญ พระเนตรคมกริบของพระองค์ไม่พลาดแม้แต่รายละเอียดเล็กน้อย
พระองค์ทรงเข้าไปภายในห้องบรรทมของพระสนม ทอดพระเนตรไปยังเครื่องใช้ต่าง ๆ บนโต๊ะข้างเตียง ถ้วยยาที่เหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวส่งกลิ่นสมุนไพรอ่อน ๆ พระองค์ทรงหยิบถ้วยยานั้นขึ้นมาดมอย่างพิถีพิถัน พระนาสิกของพระองค์สัมผัสได้ถึงกลิ่นแปลกประหลาดที่เจือปนอยู่ แม้จะเบาบางแต่ก็ทำให้พระองค์รู้สึกถึงความผิดปกติ
“นี่มิใช่กลิ่นของยาหลวง” องค์รัชทายาททรงพึมพำกับพระองค์เอง พระทัยเริ่มหนักอึ้ง
พระองค์ทรงสำรวจบริเวณโดยรอบอีกครั้ง จนกระทั่งสายพระเนตรของพระองค์ไปสะดุดกับผงสีขาวละเอียดที่ตกอยู่ข้างหมอนของพระสนม พระองค์ทรงใช้ปลายนิ้วแตะเบา ๆ และนำมาดม กลิ่นหอมหวานอ่อน ๆ ที่แฝงไว้ด้วยความฉุนเล็กน้อย ทำให้พระองค์ทรงนึกถึงบางสิ่งบางอย่าง
ทันใดนั้นเอง พระองค์ก็ทรงนึกถึงการพบพานครั้งล่าสุดกับนางกำนัลตัวเล็ก ๆ ในสวนสมุนไพร เสี่ยวหลานเด็กสาวที่มีความรู้เรื่องสมุนไพรอย่างน่าประหลาด และกลิ่นที่พระองค์ทรงได้กลิ่นจากมือของนางในวันนั้นช่างคล้ายคลึงกับกลิ่นของผงสีขาวนี้อย่างยิ่ง
ความสงสัยเริ่มก่อตัวขึ้นในพระทัยขององค์รัชทายาทหลี่หมิงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ นางกำนัลต่ำต้อยผู้นั้นมีความรู้เรื่องสมุนไพรมากเกินกว่าคนทั่วไป และการที่พระสนมประชวรด้วยอาการที่คล้ายกับการถูกพิษ มิใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน
ในเช้าวันรุ่งขึ้น องค์รัชทายาทหลี่หมิงทรงเรียกขันทีคนสนิทเข้าเฝ้า “จ้าวเฉิงเจ้าจงไปตามตัวนางกำนัลที่ชื่อเสี่ยวหลาน จากสวนสมุนไพร มาเข้าพบข้าเป็นการส่วนตัว” พระองค์ตรัสด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ขันทีจ้าวเฉิงรับพระบัญชาด้วยความสงสัย แต่ก็รีบไปปฏิบัติตามอย่างรวดเร็ว
ไม่นานนัก เสี่ยวหลานก็ถูกนำตัวมาเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทในห้องทรงงานส่วนพระองค์ นางคุกเข่าลงด้วยความหวาดหวั่น ไม่เข้าใจว่าเหตุใดองค์รัชทายาทจึงทรงเรียกนางมาพบ
“เงยหน้าขึ้น เสี่ยวหลาน” องค์รัชทายาทตรัสด้วยพระสุรเสียงราบเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยอำนาจ
เสี่ยวหลานค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นสบพระเนตรคมกริบขององค์รัชทายาท หัวใจของนางเต้นระรัวด้วยความประหม่า
“ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า” องค์รัชทายาทตรัส “เมื่อวาน เจ้าได้นำสมุนไพรชนิดใดไปส่งที่ตำหนักของพระสนมซูฮุ่ย”
เสี่ยวหลานนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยความสัตย์จริง “ทูลองค์รัชทายาท หม่อมฉันนำต้นหญ้าจันทราสีเงินไปถวายพระนางเพคะ”
“หญ้าจันทราสีเงิน” องค์รัชทายาททวนคำ พระเนตรของพระองค์จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเสี่ยวหลาน “เจ้ารู้จักสมุนไพรชนิดนี้ดีเพียงใด”
“ทูลองค์รัชทายาท หม่อมฉันดูแลสมุนไพรในสวนทุกวัน หม่อมฉันศึกษาตำราเกี่ยวกับสมุนไพรมาบ้าง และท่านเว่ยจงก็เคยสอนหม่อมฉันเกี่ยวกับสมุนไพรหลายชนิด รวมถึงหญ้าจันทราสีเงินด้วยเพคะ” เสี่ยวหลานตอบอย่างตรงไปตรงมา
“ท่านเว่ยจง” องค์รัชทายาททรงเลิกพระขนง “เจ้ามีความเกี่ยวข้องกับเขาด้วยหรือ”
“ทูลองค์รัชทายาท ท่านเว่ยจงเป็นผู้มีพระคุณของหม่อมฉัน เขาเคยช่วยเหลือครอบครัวของหม่อมฉันในอดีตเพคะ” เสี่ยวหลานตอบด้วยความเคารพ
องค์รัชทายาทหลี่หมิงทรงเงียบไปครู่หนึ่ง พระทัยของพระองค์กำลังประมวลข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้รับมา นางกำนัลผู้นี้มีความรู้เรื่องสมุนไพรอย่างน่าประหลาด และยังมีความเกี่ยวข้องกับบุคคลที่พระองค์ทรงไว้วางใจในระดับหนึ่ง
“เจ้าเคยปรุงยาหรือไม่” องค์รัชทายาทตรัสถามคำถามที่สำคัญที่สุด
เสี่ยวหลานลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตอบเสียงเบา “เคยบ้างเล็กน้อยเจ้าค่ะ ส่วนใหญ่เป็นการปรุงยาตามตำราเพื่อใช้ภายนอกเพคะ”
“แล้วเจ้ามีความรู้เรื่องพิษมากน้อยเพียงใด” พระสุรเสียงขององค์รัชทายาทคมกริบขึ้นเล็กน้อย
เสี่ยวหลานชะงักไป นางไม่คาดคิดว่าองค์รัชทายาทจะทรงถามถึงเรื่องนี้โดยตรง
"ทูลองค์รัชทายาท ในตำรายาสมุนไพรมีการกล่าวถึงพิษของพืชบางชนิด หม่อมฉันเคยศึกษามาบ้าง แต่ไม่เคยทดลองจริงเพคะ” เสี่ยวหลานตอบด้วยความระมัดระวัง
องค์รัชทายาทหลี่หมิงทรงลุกขึ้น เสด็จเข้ามาใกล้เสี่ยวหลาน พระเนตรคมกริบของพระองค์จ้องมองลึกลงไปในดวงตาของนาง ราวกับต้องการอ่านความคิดที่ซ่อนอยู่ภายใน
“ข้าพบผงสีขาวละเอียดที่มีกลิ่นคล้ายกับกลิ่นที่ข้าเคยได้กลิ่นจากตัวเจ้า ตกอยู่ในห้องบรรทมของพระสนมซูฮุ่ย” องค์รัชทายาทตรัสด้วยน้ำเสียงที่กดต่ำแต่หนักแน่น “เจ้าพอจะอธิบายเรื่องนี้ได้หรือไม่”
ใบหน้าของเสี่ยวหลานซีดเผือด นางรู้สึกราวกับถูกจับได้ ความลับที่นางพยายามปกปิดไว้กำลังจะถูกเปิดเผย
“ทูลองค์รัชทายาท หม่อมฉัน...” เสี่ยวหลานอึกอัก ไม่รู้จะตอบอย่างไร
“เจ้ามีความรู้เรื่องยาพิษ” องค์รัชทายาทตรัสต่อ “และเจ้าก็มีความเกี่ยวข้องกับสมุนไพรที่พระสนมได้รับ เจ้าจะบอกข้าได้อย่างไรว่าเจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
เสี่ยวหลานเงียบไปครู่หนึ่ง นางรู้ว่าการปฏิเสธอย่างไร้เหตุผลคงไม่มีประโยชน์ ในที่สุด นางก็ตัดสินใจเงยหน้าขึ้นสบพระเนตรองค์รัชทายาท แววตาของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความเด็ดเดี่ยว
“ทูลองค์รัชทายาท หม่อมฉันสาบานว่าหม่อมฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประชวรของพระสนมซูฮุ่ย” เสี่ยวหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แต่หากพระองค์ทรงสงสัยในความรู้ของหม่อมฉัน หม่อมฉันยินดีที่จะให้ความร่วมมือในการสืบสวนทุกวิถีทางเพคะ”
องค์รัชทายาทหลี่หมิงทรงจ้องมองเสี่ยวหลานอย่างลึกซึ้ง พระองค์ทรงพิจารณาแววตาที่แน่วแน่ของนาง และน้ำเสียงที่หนักแน่นนั้น ทำให้พระองค์ทรงรู้สึกถึงความจริงใจบางอย่าง
“ถ้าเช่นนั้น” องค์รัชทายาทตรัส “เจ้าจงช่วยข้าสืบสวนเรื่องนี้ หากเจ้าบริสุทธิ์จริง ความจริงก็จะปรากฏแต่หากข้าพบว่าเจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องเจ้าจะต้องได้รับโทษอย่างหนักที่สุด”
“หม่อมฉันน้อมรับพระบัญชาเพคะ” เสี่ยวหลานตอบด้วยความเคารพ แม้ในใจจะรู้สึกหวาดหวั่น แต่ก็มีความหวังเล็ก ๆ ว่านี่อาจเป็นโอกาสให้นางได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง และอาจนำไปสู่การเข้าใกล้ความลับเบื้องหลังการล่มสลายของครอบครัวนางได้เช่นกัน
ร่องรอยแห่งความลับได้ถูกเปิดเผยแล้ว และการสืบสวนคดีประหลาดในวังหลวงก็ได้เริ่มต้นขึ้น โดยมีองค์รัชทายาทรัชทายาทผู้เฉลียวฉลาดและนางกำนัลผู้มีความรู้เรื่องยาพิษเป็นผู้ร่วมมือกันอย่างไม่เป็นทางการ ความสนใจขององค์รัชทายาทที่มีต่อเสี่ยวหลานเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ ราวกับเมล็ดพันธุ์ที่ถูกหว่านลงในดินที่อุดมสมบูรณ์ ใครจะรู้ว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะนำพาพวกเขาไปสู่ความจริงอันน่าสะพรึงกลัว และความสัมพันธ์ที่คาดไม่ถึง
