บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 เริ่มต้น

ตอนที่ 2 เริ่มต้น

รุ่งอรุณของวันใหม่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างไม้ฉลุลายเมฆมงคล ปลุกหลี่ซูเหยาจากการหลับใหลที่ไม่สนิทนัก

นางไม่ได้ฝันถึงเปลวเพลิงหรือความตาย แต่กลับฝันถึงเรื่องราวในวัยเยาว์อันแสนสุข วันที่หลี่เจินอี้ บิดาของนางยังเป็นราชครูผู้มีอำนาจ และหลี่จิงเหยา มารดาของนางยังแข็งแรง พวกเขาเฝ้าดูนางและไป๋เยว่ซินที่ยังคงเป็นเพียงสหายตัวน้อยที่วิ่งไล่จับผีเสื้อด้วยกันในสวน มันเป็นความทรงจำที่เคยหอมหวานและอบอุ่น แต่บัดนี้กลับขมขื่นจนบาดลึกถึงขั้วหัวใจ

หลี่ซูเหยาลุกขึ้นจากเตียงด้วยความสงบนิ่งอย่างผิดวิสัย

ชุนหลันซึ่งเข้ามาปรนนิบัติพอดีสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนั้นได้ชัดเจน คุณหนูของนางในยามนี้ไม่มีอาการงัวเงียและอิดออดเหมือนเช่นทุกครั้ง ท่วงท่าการเคลื่อนไหวดูสง่างามและเยือกเย็นขึ้นอย่างน่าประหลาด

“ชุนหลันไปเตรียมน้ำล้างหน้าเถิด แล้วนำชุดกระโปรงตัวนอกสีเขียวหยกปักลายดอกเหมยมาให้ข้า” หลี่ซูเหยาสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ชุนหลันชะงักไปเล็กน้อย “เอ่อ...แต่คุณหนูเคยบอกว่าไม่ชอบสีเขียวนี่เจ้าคะ ปกติท่านจะเลือกแต่สีชมพูอ่อนหรือไม่ก็สีฟ้าครามมิใช่หรือ”

หลี่ซูเหยาหันมายิ้มให้สาวใช้ เป็นรอยยิ้มที่งดงามแต่กลับไม่ส่งไปถึงดวงตา “คนเราย่อมมีวันที่เปลี่ยนแปลงได้มิใช่หรือ วันนี้ข้าอยากลองเปลี่ยนดูบ้าง”

นางจำได้...ในชาติก่อน วันนี้ไป๋เยว่ซินจะมาหานางและคะยั้นคะยอให้นางเลือกชุดสีชมพูอ่อนปักลายผีเสื้อตัวนั้น ชุดที่เนื้อผ้าบางเบา สวมใส่แล้วงดงามราวกับเทพธิดา แต่ก็เป็นชุดที่เมื่อเปียกน้ำแล้วจะแนบเนื้อจนเผยให้เห็นสัดส่วนอย่างน่าอาย

นั่นเป็นแผนการที่แยบยลของไป๋เยว่ซินที่ต้องการสร้างสถานการณ์ให้มู่หรงเจวี๋ยบังเอิญมาเห็นเรือนร่างของนางหลังจากช่วยขึ้นมาจากน้ำ เพื่อผูกมัดนางด้วยเรื่องของเกียรติยศและชื่อเสียง

ชาตินี้...นางจะไม่ยอมเดินซ้ำรอยเดิมอีกเป็นอันขาด

หลังจากแต่งกายเสร็จเรียบร้อย หลี่ซูเหยานั่งลงหน้าบานกระจกทองเหลือง ปล่อยให้ชุนหลันบรรจงเกล้าผมให้นางอย่างพิถีพิถัน

ทรงผมที่นางเลือกในวันนี้ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าปกติ นางประดับด้วยปิ่นหยกขาวเรียบเพียงอันเดียว ไม่ได้ประดับประดาด้วยดอกไม้หรือปิ่นระย้าเหมือนเช่นเคย

“วันนี้คุณหนูดูงดงามแปลกตานะเจ้าคะ” ชุนหลันเอ่ยชมอย่างจริงใจ “ดูเรียบง่ายแต่น่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถูก”

หลี่ซูเหยามองเงาสะท้อนของตนเองในกระจก ภายนอกนางยังคงเป็นหญิงสาวอายุสิบหก แต่แววตาที่จ้องกลับมานั้นลุ่มลึกเกินวัย

‘น่าเกรงขามหรือ...เช่นนั้นก็ดี...นี่แหละคือสิ่งที่ข้าต้องการ’

“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูไป๋มาขอพบเจ้าค่ะ” ไม่นานสาวใช้ด้านนอกก็เข้ามารายงาน

หลี่ซูเหยาสูดลมหายใจเข้าลึก กลั้นเก็บความเกลียดชังทั้งหมดไว้ภายใต้รอยยิ้มที่อ่อนหวานที่สุด “ให้นางเข้ามาได้”

ไป๋เยว่ซินในวัยสิบหกปีเดินเข้ามาในห้องด้วยรอยยิ้มสดใส นางสวมชุดสีเหลืองอ่อนดูบอบบางน่าทะนุถนอม ในมือถือห่อผ้าปักมาด้วย

“ซูเหยา ข้าเอาขนมกุ้ยฮวาที่เจ้าชอบมาฝากด้วย”

หากเป็นชาติก่อน หลี่ซูเหยาคงโผเข้าไปกอดสหายรักด้วยความยินดี แต่ครั้งนี้นางเพียงแค่ยิ้มรับบางๆ แล้วผายมือไปยังเก้าอี้ด้านข้าง “นั่งก่อนสิ”

ความเย็นชาที่ผิดปกติไปทำให้ไป๋เยว่ซินชะงักไปครู่หนึ่ง แต่นางก็กลับมาตีสีหน้ายิ้มแย้มได้ดังเดิม

“วันนี้เจ้าดูแปลกไปนะซูเหยา ชุดนี้...ช่างไม่เหมือนเจ้าทุกทีเลย”

“ข้าก็แค่ลองสิ่งใหม่เท่านั้น” หลี่ซูเหยาตอบ พลางรินชาให้สหายรักด้วยตนเอง “อีกสามวันก็จะถึงงานชมบุปผาแล้ว เจ้าเตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว”

ดวงตาของไป๋เยว่ซินเป็นประกายขึ้นมาทันที “ข้าก็รอมาปรึกษากับเจ้านี่เช่นใดเล่า ข้าได้ยินมาว่าปีนี้อ๋องมู่หรงเจวี๋ยก็จะไปร่วมงานด้วย เขาเป็นถึงบุรุษรูปงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงเชียวนะ หากพวกเราได้พบเขาสักครั้ง คงจะเป็นวาสนาไม่น้อย”

หลี่ซูเหยาแสร้งทำตาโตอย่างตื่นเต้น ทั้งที่ในใจนั้นเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง “จริงหรือ ข้าเองก็ได้ยินกิตติศัพท์ของท่านอ๋องมานาน แต่ไม่เคยมีโอกาสได้เจอสักครั้ง”

ไป๋เยว่ซินเห็นหลี่ซูเหยาติดกับ ก็รีบสานต่อแผนการทันที “ข้ามีแผนดีๆ นะซูเหยา ที่ศาลาริมน้ำด้านทิศตะวันออกของแม่น้ำฉวี่เจียงตรงนั้นวิวสวยที่สุด และคนก็น้อยด้วย พวกเราไปนั่งเล่นกันตรงนั้นดีหรือไม่ ข้าได้ยินมาว่าท่านอ๋องมักจะไปพักผ่อนที่ศาลานั้นบ่อยๆ”

ทุกอย่างเหมือนกับในชาติก่อนไม่มีผิดเพี้ยน ศาลาริมน้ำที่ค่อนข้างลับตาคน จุดที่พื้นไม้บางแผ่นผุพังเพราะความชื้น จุดที่เหมาะแก่การพลัดตกน้ำอย่างแนบเนียนที่สุด

หลี่ซูเหยาแสร้งทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มหวาน “เป็นความคิดที่ดีมากเลยเยว่ซิน เจ้าช่างรอบคอบเสียจริง แต่ว่า...” นางจงใจเว้นช่วง “ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากลัวน้ำไม่ใช่หรือ ตอนเด็กๆ เจ้าเคยเกือบจมน้ำในสระบัวหลังจวนของเจ้า...ข้าจำได้”

ใบหน้าของไป๋เยว่ซินซีดเผือดไปเล็กน้อย นางไม่คิดว่าหลี่ซูเหยาจะจำเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้ “เอ่อ...ก็...ก็แค่นิดหน่อย...ตอนนี้ข้าไม่กลัวแล้ว”

“ไม่ได้หรอก” หลี่ซูเหยาแสร้งทำเสียงจริงจัง พร้อมกับจับมือนางไว้แน่น “เจ้าเป็นสหายรักเพียงคนเดียวของข้า หากเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า...ข้าจะทำเช่นใด ข้าเป็นห่วงเจ้านะ”

คำพูดที่เปี่ยมด้วยความห่วงใยของหลี่ซูเหยาทำให้ไป๋เยว่ซินพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยิ้มแห้งรับคำ

หลี่ซูเหยาเห็นว่าถึงเวลาแล้ว จึงเดินไปเปิดหีบเครื่องประดับของตนเอง หยิบปิ่นปักผมหยกแกะสลักรูปผีเสื้อที่งดงามที่สุดออกมาอันหนึ่ง มันเป็นของล้ำค่าที่มารดาของนางมอบให้ และเป็นอันที่ไป๋เยว่ซินเคยเอ่ยปากชมว่าอยากได้อยู่หลายครั้ง

“เยว่ซิน...เพื่อเป็นการแสดงถึงมิตรภาพของเรา ข้าขอมอบปิ่นอันนี้ให้เจ้า” หลี่ซูเหยายื่นปิ่นส่งให้ “ในวันงานชมบุปผา เจ้าต้องปักมันไปด้วยนะ ข้าอยากให้เพื่อนของข้าเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในงาน”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel