บทย่อ
นางถูกทรยศ...ถูกเผาทั้งเป็น... แต่สวรรค์กลับให้ “หลี่ซูเหยา” ได้เกิดใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้ นางจะไม่ใช่หญิงอ่อนแอผู้รอคอยความรักอีกต่อไป หากแต่เป็น “บุปผาที่ซ่อนพิษ” งดงามเยือกเย็นและอันตราย ทุกคำพูดของนางคือหมาก ทุกย่างก้าวของนางคือกับดัก ทว่าในขณะที่นางกำลังเดินหมากแห่งการล้างแค้น หัวใจกลับหวั่นไหวให้กับบุรุษที่ไม่ควรเข้ามาข้องเกี่ยวในกระดานหมากนี้... “เซียวจิ้งเหยียน” แม่ทัพผู้เด็ดขาดที่พร้อมทลายกำแพงทุกอย่างเพื่อหญิงเพียงหนึ่งเดียว
ตอนที่ 1 เถ้าธุลี
ตอนที่ 1 เถ้าธุลี
เปลวเพลิงมอดไหม้ไปตามเนื้อไม้ ส่งกลิ่นและควันเขม่าไปทั่วห้อง หลี่ซูเหยาในยามนี้นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นเรือนที่ถูกทิ้งร้าง ร่างกายบอบช้ำจากยาพิษที่ฉีกทำลายอวัยวะภายในจนแหลกละเอียด ไอเย็นจากพื้นหินแทรกซึมเข้าสู่กระดูกทุกข้อ แต่กลับไม่หนาวเหน็บเท่าแววตาของคนทั้งสองคนที่ยืนมองนางอยู่ใกล้ๆ
คนหนึ่งคือ ‘มู่หรงเจวี๋ย’ ท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ บุรุษที่นางรักปักใจจนยอมทิ้งทุกอย่าง แม้กระทั่งยอมเป็นหมากในกระดานให้เขาเหยียบย่ำขึ้นสู่ตำแหน่งรัชทายาท แววตาของเขาที่เคยมองนางอย่างอ่อนโยน บัดนี้กลับว่างเปล่าและเย็นชาดุจหิมะที่หนาวเหน็บ
อีกคนหนึ่งคือ ‘ไป๋เยว่ซิน’ สหายรักที่เติบโตมาด้วยกันราวกับพี่น้อง นางสวมอาภรณ์หงส์ปักดิ้นทองอร่าม ซึ่งเป็นชุดที่ควรจะเป็นของนางในตำแหน่งชายาเอกของรัชทายาท ดวงตาที่เคยใสซื่อบัดนี้ฉายแววอำมหิต ริมฝีปากของไป๋เยว่ซินเคลือบยิ้มที่เย้ยหยันและสะใจ
“ซูเหยา...น้องหญิง เจ้าดูน่าสมเพชเสียจริง” ไป๋เยว่ซินเอ่ยขึ้น น้ำเสียงหวานใสแต่แฝงด้วยยาพิษร้ายแรง “ตำแหน่งชายาเอก รวมทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์เหล่านี้ ไม่เหมาะกับคนโง่เขลาเช่นเจ้าหรอก”
“เจ้...เจ้า...” หลี่ซูเหยาพยายามเค้นเสียงออกมา แต่มีเพียงเสียงลมแหบแห้งและลิ่มเลือดที่ทะลักออกจากปาก นางทำได้เพียงจ้องมองภาพบาดตาตรงหน้า
ภาพของบุรุษที่นางรักโอบประคองสตรีที่นางไว้ใจที่สุด
“ทำ...ไม...” นางเปล่งเสียงออกมาได้ในที่สุด แม้จะแผ่วเบาราวกระซิบ
มู่หรงเจวี๋ยขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างนึกรำคาญตา “เพราะเจ้าไร้ประโยชน์แล้ว หลี่ซูเหยา...ตระกูลหลี่ของเจ้าสิ้นอำนาจ บิดาของเจ้าถูกปลดจากตำแหน่งราชครู ข้าไม่ต้องการหมากที่ใช้การไม่ได้อีกต่อไป”
เขาพูดเสียงเข้มออกมาปรายตามองหญิงสาวราวกับคนแปลกหน้า ก่อนจะหันไปโอบกระชับร่างของไป๋เยว่ซินเข้าหา ทอดมองนางด้วยแววตาลึกซึ้ง “เยว่ซินต่างหากคือคนที่ข้ารัก”
คำพูดทุกคำเปรียบเสมือนมีดนับพันเล่มที่กรีดซ้ำลงบนบาดแผลในใจของนาง ตระกูลของนางล่มสลายก็เพราะนาง เป็นเพราะนางหลงเชื่อคำหวานของมู่หรงเจวี๋ย ยอมขโมยฎีกาสำคัญของบิดามาให้เขา ยอมทำทุกอย่างเพื่อปูทางให้เขาโดยไม่รู้เลยว่ามันคือการขุดหลุมฝังตระกูลของตัวเอง
“ข้า...ขอสาปแช่งพวกเจ้า...” หลี่ซูเหยากัดฟันกรอด ดวงตาแดงก่ำจ้องเขม็งไปยังคนทั้งสอง “แม้ข้าต้องกลายเป็นภูตผีปีศาจ ข้าจะตามอาฆาตพวกเจ้าไปทุกชาติภพ ให้พวกเจ้าไม่ได้อยู่อย่างสงบสุข”
ไป๋เยว่ซินหัวเราะคิกคัก “น่ากลัวจังเลย...แต่ว่าคนตายแล้วจะทำอะไรได้ ลาก่อนนะ...สหายรักของข้า”
สิ้นคำพูดของไป๋เยว่ซิน มู่หรงเจวี๋ยก็หันหลังเดินจากไปอย่างไม่ไยดี ทิ้งให้หลี่ซูเหยานอนรอความตายท่ามกลางเปลวเพลิงที่เริ่มลุกลามเข้ามาใกล้ สติของนางเริ่มเลือนราง ภาพสุดท้ายที่เห็นคือแผ่นหลังของทั้งสองที่เดินจากไป และรอยยิ้มอันเลือดเย็นของไป๋เยว่ซิน
จนกระทั่ง...ความมืดมิดได้เข้าครอบงำนางในที่สุด
“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” เสียงของชุนหลัน สาวใช้คนสนิทดังขึ้นจากหน้าประตู
หลี่ซูเหยาลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ความเจ็บปวดแสบร้อนที่ได้รับกลายเป็นความรู้สึกเย็นสบายอย่างประหลาด
สิ่งแรกที่เห็นคือม่านปักลายดอกโบตั๋นสีชมพูอ่อนที่คุ้นตา กลิ่นหอมอ่อนจากเครื่องหอมกำยานลอยอบอวลอยู่ในอากาศ
‘นี่มัน...ห้องนอนของนางในจวนตระกูลหลี่ไม่ใช่หรือ’
หลี่ซูเหยาพยุงตัวลุกขึ้นนั่งอย่างงุนงง หันมองไปรอบกายด้วยความประหลาดใจ ทุกสิ่งยังคงเหมือนเดิม โต๊ะเครื่องแป้งไม้สลักลวดลายเมฆา แจกันกระเบื้องเคลือบที่บิดายังไม่ได้นำไปถวายฮ่องเต้ ทุกอย่างล้วนเป็นของจริง
นางยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตัวเอง ผิวพรรณเนียนนุ่ม ปลายนิ้วเรียวงามปราศจากร่องรอยหยาบกร้านจากการถูกทรมานในจวนรัชทายาท
‘ร่างกายนี้...คือนางในวัยสิบหกปี’
หลี่ซูเหยามองหน้าชุนหลันที่ยังมีแก้มยุ้ยดูอ่อนเยาว์กว่าในความทรงจำสุดท้ายของนางลิบลับ น้ำตาของนางไหลทะลักออกมาอย่างไม่อาจกลั้น
ชุนหลันคือสาวใช้ที่ภักดีต่อนางจนตัวตาย นางถูกโบยจนตายเพราะพยายามขัดขวางไม่ให้คนทั้งสองโบยนาง จนสุดท้ายกลับกลายเป็นชุนหลันที่ต้องตายในอ้อมกอดของนางแทน
“คุณหนูเป็นอะไรไปเจ้าคะ ฝันร้ายหรือ” ชุนหลันตกใจรีบวิ่งเข้ามาประคอง
หลี่ซูเหยาส่ายหน้า นางปาดน้ำตาทิ้งอย่างรวดเร็ว แววตาที่เคยอ่อนโยนและเปี่ยมด้วยความฝัน บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นความนิ่งลึกและเย็นเยียบจนน่าขนลุก
นางไม่ได้ฝันร้าย...แต่เพิ่งตื่นจากฝันร้ายที่ยาวนานต่างหาก สวรรค์เมตตาให้นางได้กลับมาอีกครั้ง และครั้งนี้นางจะให้คนทั้งสองชดใช้ให้แก่นางอย่างสาสม
“ชุนหลัน วันนี้คือวันอะไร” นางถามเสียงเรียบ
“วันที่สิบห้าเดือนสามเจ้าค่ะ อีกสามวันก็จะถึงงานชมบุปผาที่ริมแม่น้ำฉวี่เจียงแล้วนะเจ้าคะ คุณหนูเยว่ซินยังฝากความมาบอกว่านางจะมาหาคุณหนูในวันพรุ่งนี้ เพื่อเลือกชุดที่จะใส่ไปงานด้วยกัน”
‘วันที่สิบห้าเดือนสาม...งานชมบุปผา’
หัวใจของหลี่ซูเหยากระตุกวูบ นางจำได้แม่นยำ งานชมบุปผาครั้งนั้นคือจุดเริ่มต้นของหายนะทั้งหมด ในงานนั้นเองที่ไป๋เยว่ซินวางแผนให้นางบังเอิญพลัดตกน้ำในจุดที่มู่หรงเจวี๋ยอยู่พอดี เพื่อสร้างโอกาสให้เขาช่วยเหลือและสร้างเรื่องราวรักแรกพบอันแสนโรแมนติกขึ้นมา ทำให้นางตกหลุมรักเขาอย่างหัวปักหัวปำ และนั่นคือการเปิดประตูสู่ขุมนรกของนาง
ในชาติก่อน นางตื่นเต้นดีใจที่สหายรักใส่ใจนางถึงเพียงนี้ แต่ในชาตินี้...
หลี่ซูเหยามองเงาสะท้อนของตนเองในกระจกทองเหลือง หญิงสาวในกระจกยังมีแววตาใสซื่อ แต่ส่วนลึกของดวงตานั้นมีความแค้นที่แผดเผาราวกับไฟนรกสุมอยู่
‘ไป๋เยว่ซิน...มู่หรงเจวี๋ย...ในเมื่อสวรรค์ให้โอกาสข้ากลับมา...ข้าจะไม่ยอมเป็นหลี่ซูเหยาคนเดิมที่โง่เง่าอีกต่อไป หนี้แค้นที่พวกเจ้าติดค้างข้าและตระกูลหลี่ไว้ในชาติก่อน ชาตินี้ข้าจะทวงคืนกลับมาทั้งหมด...ทั้งต้น...ทั้งดอก’
ริมฝีปากบางของหลี่ซูเหยายกขึ้น เป็นรอยยิ้มที่งดงามแต่กลับแฝงไปด้วยความอำมหิตที่ทำให้แม้แต่ชุนหลันที่ยืนอยู่ด้านข้างยังรู้สึกเย็นเยือกไปถึงสันหลัง
‘พรุ่งนี้...การแสดงฉากแรกของการแก้แค้นกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว’

