บทที่ 6: ระหว่างคำว่ารัก...กับเสียงของแค้น
แสงแดดยามสายลอดผ่านผ้าม่านบางในห้องพักเล็กหลังตำหนักสาวใช้ ร่างบอบบางของหญิงสาวยังคงนอนนิ่ง ดวงตาแดงช้ำและว่างเปล่า
เมื่อคืนที่ผ่านมา...ไม่ต่างอะไรกับพายุ
พายุที่รุนแรงทั้งในร่างกายและหัวใจ
“หลงเยี่ยน...” นางพึมพำชื่อเขาเบา ๆ อย่างไม่มีแรง
ชื่อของชายผู้นั้นเคยเป็น “เป้าหมาย” ของนาง
แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็น “เงา” ที่ตามหลอกหลอน
ภาพในอดีตผุดขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ...
คืนฝนพรำ...คืนที่พี่สาวของนางสิ้นใจในอ้อมแขนของตน
เสียงร้องไห้ของซูเมิ่งอวี้ยังฝังแน่นในหู
มือที่เย็นเฉียบ
ริมฝีปากที่พึมพำคำขอโทษซ้ำ ๆ ทั้งที่มิได้ผิดอะไรเลย
“เจ้าไม่ผิดอะไรเลย...พี่เมิ่งอวี้...”
ซูเหยียนหลับตาลงแน่น แต่น้ำตาก็ไหลอาบแก้มราวกับไม่เคยมีวันจาง
เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นนอกรั้วไม้ไผ่ ซูเหยียนรีบปาดน้ำตาและลุกขึ้นจัดเสื้อผ้า
“แม่นางซูเซียน!” เสียงสาวใช้คนหนึ่งดังขึ้นจากนอกฉากผ้า “มีคนจากฝ่ายในมาแจ้งให้เจ้าขึ้นตำหนักบุปผาวสันต์เดี๋ยวนี้!”
หัวใจของนางชะงัก
ตำหนักบุปผาวสันต์
ที่นั่นเป็นขององค์หญิงซูเหวิน—สตรีเพียงคนเดียวในวังที่นางพึงระวังมากที่สุด
ตำหนักบุปผาวสันต์งดงามราวแดนสวรรค์ แต่กลิ่นหอมของดอกไม้นั้น...ซ่อนคมหนามไว้ทุกมุม
ซูเหยียนคุกเข่าอยู่กลางลานไม้หยก ดวงตาก้มต่ำ
เบื้องหน้า...องค์หญิงซูเหวินนั่งอยู่บนเก้าอี้หยกขาว ห่มอาภรณ์สีเขียวมรกต ดวงตาคู่งามจ้องลงมาด้วยแววเหยียดหยาม
“เจ้าน่ะหรือ...สาวใช้ที่องค์ชายหลงเยี่ยนให้คนตามหาทั้งวัง?”
“หม่อมฉัน...มิกล้ารับคำเช่นนั้นเพคะ” ซูเหยียนตอบเบา ๆ
“หึ กล้าตอบกลับทันควันดีนัก” ซูเหวินวางถ้วยชาลงบนโต๊ะด้วยเสียงดัง “ข้าชอบหญิงที่รู้กาลเทศะ...แต่เกลียดนักหญิงที่แสร้งว่าไร้เดียงสา!”
เงียบ...
ซูเหยียนไม่ตอบโต้อะไร แม้หัวใจจะเต้นแรงก็ตาม
“เจ้าชื่อว่าอะไรจริง ๆ กันแน่?” ซูเหวินถามพลางลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้
ซูเหยียนยังคงเงียบ
“หรือว่า...เจ้าคือคนในตระกูลซูคนนั้น?”
คำว่า “ตระกูลซู” ทำให้นางเย็นวาบไปทั้งร่าง แต่ก็ยังฝืนใจตอบด้วยเสียงนิ่ง
“หม่อมฉัน...เป็นเพียงซูเซียนจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ทางเหนือเท่านั้นเพคะ”
ซูเหวินหรี่ตาลง มือเรียวเอื้อมมาสัมผัสใต้คางของนาง แล้วเชยขึ้นเบา ๆ
แต่แรงบีบของปลายนิ้วนั้นเต็มไปด้วยความรุนแรง
“ข้าจะเตือนเจ้าเพียงครั้งเดียว...อย่าคิดว่าเจ้าจะชิงสายตาขององค์ชายไปจากข้าได้ด้วยกลิ่นหอมราคาถูกกับท่าทีเว้าวอน!”
ซูเหยียนกลับมาที่เรือนพักของตนในยามบ่าย
นางเก็บกระเป๋าผ้าอย่างลวก ๆ ตั้งใจจะหลบออกจากวังในคืนนี้
แต่ทันใดนั้น...เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นด้านหลัง
“เจ้าคิดจะหนีไปอีกแล้วหรือ?”
เสียงนั้นคุ้นเคยยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก
เสียงที่ทำให้นางต้องยืนนิ่งเหมือนถูกตรึงไว้
“ข้าให้โอกาสเจ้าได้กลับมาแล้ว...”
องค์ชายหลงเยี่ยนก้าวเข้ามา ดวงตาเคร่งขรึมผิดจากทุกครั้ง
“แล้วเจ้าตอบแทนข้า...ด้วยการขึ้นตำหนักองค์หญิงซูเหวิน?”
“นางเรียกข้าไป ข้าปฏิเสธไม่ได้!” ซูเหยียนรีบตอบ
“เจ้ากลัวองค์หญิง...แต่เจ้ากล้าทิ้งข้า?”
“ข้าไม่ได้เป็นของใคร!” นางตวาดสวน เสียงเริ่มสั่น
เขาเงียบ...ก่อนจะยกยิ้มเย็นเฉียบ
“เช่นนั้น...ข้าก็จะทำให้เจ้ากลายเป็นของข้าอย่างแท้จริง”
เขาคว้าแขนนางไว้แน่น และในวินาทีนั้นเอง...
ความรู้สึกบางอย่างในใจนางก็แตกสลาย
นางหลับตาแน่น ความทรงจำของพี่สาวย้อนกลับมา
เสียงร้องไห้
มือที่เย็นเฉียบ
คำว่า “องค์ชาย”
นางลืมตาอีกครั้ง ดวงตาสั่นเทากลับกลายเป็นแน่วแน่
“หากเจ้าบังคับข้าอีกเพียงครั้งเดียว...ข้าจะไม่ลังเลที่จะฆ่าเจ้า”
เสียงของซูเหยียนเย็นเฉียบ และหลงเยี่ยน...ถึงกับชะงัก
เงียบ
มีเพียงเสียงลมหายใจหนัก ๆ จากเขา และเสียงหัวใจของนางที่เต้นรัวราวกลองศึก
เขาปล่อยแขนของนางช้า ๆ จ้องมองนางอย่างไม่เข้าใจ
“เหตุใดเจ้าถึงเหมือนคนสองคน...”
“เพราะข้าคือเงาของคนที่เจ้าลืมไปแล้ว...”
ซูเหยียนกล่าวจบก็หมุนตัวเดินออกจากห้อง ทิ้งเขาไว้กับความสับสน และความเจ็บแปลบที่เขาเองก็บอกไม่ได้ว่ามาจากที่ใด