บท
ตั้งค่า

บทที่ 3: เผชิญหน้าใต้พระราชพิธี

เสียงฆ้องยามรุ่งอรุณดังสะเทือนไปทั่ววังหลวง เป็นสัญญาณว่า “พิธีบูชาเทพประจำฤดูใบไม้ผลิ” ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในเช้าวันนี้

ท้องพระโรงกลางถูกประดับประดาด้วยดอกเหมยสีขาวสะพรั่ง กลิ่นหอมของธูปกำยานลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ บรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ เงียบสงบ และยิ่งใหญ่

เหล่าขุนนาง ขันที นางใน และข้าราชบริพารแต่งกายงดงามเดินเรียงแถวตามตำแหน่งของตนอย่างพร้อมเพรียง ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยพิธีรีตรอง

ในขณะที่ซูเหยียน—หญิงสาวในคราบสาวใช้—กลับกำลังถูกบางสิ่งชักนำให้เดินเข้าใกล้ขอบเขตอันตรายที่นางเองไม่คาดฝัน...

“เจ้า ให้หญิงผู้นี้ไปช่วยจัดพานดอกไม้ที่ศาลากลาง” เสียงขันทีวัยกลางคนคนหนึ่งพูดกับหัวหน้าสาวใช้อย่างไม่ใส่ใจ แต่สายตาที่วูบผ่านกลับแฝงความตั้งใจลึกซึ้ง

หัวหน้าสาวใช้หันมอง “ซูเซียน” อย่างลังเล นางเพิ่งเข้ารับราชการได้ไม่นาน จะให้ไปทำงานใกล้ศูนย์กลางพิธีได้อย่างไร?

แต่ขันทีผู้มาใหม่เพียงยิ้ม และกล่าวด้วยเสียงที่ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ

“เป็นรับสั่งจากฝ่ายในโดยตรง อย่าทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่เลย”

ศาลาพระราชพิธีงดงามตระการตา เสาไม้แดงเข้มถูกแกะสลักลวดลายมังกรพันเถาวัลย์ หลังคาเคลือบทองเงางามต้องแสงอรุณ ซูเหยียนเดินก้มหน้าอย่างสงบ พลางประคองพานดอกเหมยอย่างมั่นคง

แต่เบื้องหลัง...ดวงตาคมกริบคู่หนึ่งจับจ้องไม่กะพริบ

องค์ชายหลงเยี่ยนในฉลองพระองค์สีแดงชาดประดับลายทองคำ ทรงยืนเด่นอยู่กลางศาลา ใต้ร่มไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ประกอบพิธี ใบหน้าของเขานิ่งงัน ทว่าสายตาทอประกายวาวโรจน์ขณะเฝ้าสังเกตหญิงสาวที่เพิ่งก้าวเข้ามาในสายตา

จนเมื่อซูเหยียนย่อตัวลงวางพานดอกไม้ตรงหน้าพระแท่นบูชา...

เขาก็เอ่ยเพียงคำเดียว

“เจ้า...”

เสียงทุ้มต่ำดังก้องในใจนางราวเสียงอสนีบาต

มือของนางสั่นไหวเกือบทำพานหลุดจากมือ นางค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นโดยพยายามคุมสีหน้าให้มั่นคง ทว่าเพียงสบตากับดวงเนตรคู่นั้น... หัวใจกลับสั่นระรัวอย่างน่าหวาดหวั่น

องค์ชายหลงเยี่ยนยิ้มบาง ๆ มุมปาก ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้โดยไม่สนใจว่าผู้ใดมองอยู่

“ช่างน่าประหลาด... กลิ่นของเจ้าช่างคุ้นเหลือเกิน”

“หม่อมฉัน...เป็นเพียงสาวใช้ ไม่มีสิ่งใดพิเศษพ่ะย่ะค่ะ” ซูเหยียนตอบเสียงสั่น ก้มหน้าแน่นหนา

“เช่นนั้นหรือ...” เขาโน้มตัวลงจนใบหน้าห่างเพียงคืบ “แล้วเหตุใดหัวใจข้าจึงเต้นแรงยามเจ้าอยู่ใกล้?”

ซูเหยียนสะอึก รู้สึกราวกับถูกปลดเปลื้องทุกเกราะกำบัง นางกัดฟันแน่นพยายามไม่ตอบโต้อะไร

องค์ชายยังคงจ้องนางไม่วางตา ก่อนจะกระซิบเสียงเบาแต่เร้าใจ

“เจ้าจะหนีข้าอีกครั้งหรือไม่... หากคืนนี้ ข้ารออยู่ที่เดิม...”

หลังพิธีจบลง องค์ชายหลงเยี่ยนทรงไม่กลับตำหนักของตน แต่กลับสั่งขันทีเว่ยจิ้นให้สืบข้อมูลหญิงสาวนางนั้นทันที

“ให้นำชื่อ นามสกุล อายุ วันเข้าวัง ทุกอย่างของนางมาให้ข้าในคืนนี้!”

“หากเจ้าต้องปิดปากใครสักคน...ก็ทำ”

“ทราบฝ่าพระบาท...” เว่ยจิ้นรับคำโดยไม่กล้าสบตา เขารู้ดีว่า...องค์ชายของเขากำลังตกอยู่ในห้วงพิษรักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ขณะเดียวกัน ซูเหยียนรีบกลับตำหนักสาวใช้อย่างร้อนรน

นางสับสนอย่างรุนแรง ใบหน้าแดงจัด หัวใจเต้นแรงไม่ต่างจากคืนที่ผ่าน

“เขาจำกลิ่นได้จริง ๆ...” นางพึมพำ

“หรือว่า...เขาจำข้าได้หมดแล้ว?”

นางยกมือขึ้นแตะปลายปากอย่างเผลอตัว ความรู้สึกในค่ำคืนนั้นย้อนกลับมาอีกครั้ง ราวกับผิวกายยังจำได้ถึงสัมผัสร้อนแรงของเขา มือที่ลูบไล้อย่างเร้าใจ ริมฝีปากที่แตะต้องอย่างหลงใหล

ความคิดเช่นนั้นทำให้ใบหน้าของนางแดงซ่านจนแทบระเบิด

ค่ำวันเดียวกันนั้น องค์หญิงซูเหวิน—พระขนิษฐาต่างมารดาขององค์ชายหลงเยี่ยน—กำลังนั่งจิบชาในตำหนักบุปผา เมื่อขันทีคนหนึ่งกระซิบรายงานเรื่อง “สาวใช้ปริศนา” ที่องค์ชายทรงให้ความสนใจ

“หึ...” องค์หญิงหัวเราะเย็นชา “ในวังหลวงนี้ ใครกล้าขึ้นหน้าองค์ชาย ต้องไม่มีวันได้ยิ้มเป็นครั้งที่สอง”

“ส่งคนไปจัดการ ‘ซูเซียน’ คนนั้นซะ ก่อนที่พี่ชายของข้าจะหลงงมงายจนเลยเถิด”

“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”

คืนนั้น... ตำหนักหยกแดงสว่างไสวด้วยแสงตะเกียง แม้ยามดึกยังมีบ่าวไพร่คอยรับใช้ไม่ขาด

องค์ชายหลงเยี่ยนยืนอยู่ริมหน้าต่าง ยกจอกสุราขึ้นจิบช้า ๆ ก่อนจะเอ่ยกับตนเอง

“เจ้ากลับมาเถิด... คืนที่เจ้าให้ข้า ข้าจะจดจำไปจนหมดลมหายใจ”

เสียงทุ้มต่ำสะท้อนอยู่ในห้องว่างเปล่า

เขาเดินไปยังเตียงนอน หยิบผ้าผืนนั้นขึ้นมาพันนิ้ว สัมผัสมันราวกับสัมผัสผิวกายนางในคืนนั้น

และเขาสาบาน...

หากนางกล้าไม่มาหาเขา เขาจะเป็นผู้ ‘ล่า’ นางด้วยตนเอง
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel