บทที่ 2 แรกพบ (3)
ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าคมคายที่หล่อกระชากหัวใจ แต่สิ่งที่ซ่อนเร้นในดวงตาและวิธีการมองของเขา ก็ส่งผลให้ลันตาหายใจไม่ทั่วท้อง...วิธีการมองของเขา ราวกับจะเปลื้องผ้าของเธอออกเลยทีเดียว!
‘เอ๊ะ เราคิดไปถึงไหนแล้ว ในเมื่อเขายังยืนเฉย ๆ’ ลันตาดุตัวเอง
ทว่าอยู่ ๆ ความชื่นชมเป็นอันต้องลดหาย ชายหนุ่มที่ดูดีทุกอิริยาบถเชยคางเธอขึ้น ดวงตาทรงอำนาจที่แฝงฝังความเย็นชาของเขามองลึกลงไปในดวงตาของเธอ และการมองแบบนี้เองที่ทำให้ลันตารู้สึกอึดอัด เขินอาย โกรธ และหลากหลายอารมณ์ในเวลาเดียวกันเธอจึงรีบปัดมือหนาของเขาออกทันที
“สนใจเป็นผู้หญิงของฉันมั้ย?”
“อะไรนะ?!” หญิงสาวทำหน้ายุ่ง
ที่ถามออกไปแบบนั้น ใช่ว่าเธอไม่ได้ยินคำถามที่ชัดเจนของเขาหรอกนะ แต่ที่หลุดปากออกไป เพราะตกใจกับคำชวนของเขาต่างหาก!!!
ชายหนุ่มไม่พูดซ้ำประโยคเดิม แต่เขาล้วงเอานามบัตรสีเงินใส่มือของเธอ
“สนใจก็ติดต่อมาได้ตลอดเวลา” บอกสั้น ๆ เท่านั้น ร่างสูงใหญ่ดูสง่างามและน่าเกรงขาม จึงเดินเอามือล้วงกระเป๋าก้าวผ่านเธอไป โดยมีลูกน้องผู้ติดตามซึ่งเป็นชายร่างยักษ์ตามหลังไปติด ๆ
พนักงานในบริษัทต่างก้มหน้าก้มตาทำงานของตนเองไป แต่ก็มีคนใจถึงกล้าทักทายเขา นอกจากนี้ยังมีบางรายที่มองมาที่เธออย่างให้ความสนใจ พอชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ซึ่งดูเหมือนชาวต่างชาติขึ้นลิฟต์ไปแล้ว ทุกเสียงจอแจที่หายไปเพราะการปรากฏตัวของเขาจึงกลับมาอีกครั้ง
ทว่าลันตายังยืนอึ้งอยู่กับที่อยู่อย่างนั้น
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?!!!!
เธอเคยถูกผู้ชายตามจีบมากมาย ไม่เว้นแม้แต่พ่อเลี้ยงจอมกะล่อนที่กะลิ้มกะเหลี่ยเธอ แต่ไม่คิดว่าเธอจะถูกหนุ่มต่างชายเอ่ยปากชวนเธอไปเป็นผู้หญิงของเขาดื้อ ๆ แล้วจะให้เธอตอบรับเหรอ
“ไม่มีทางหรอกอีตาบ้า!!!” ลันตางึมงำกับตัวเอง ก่อนจัดการฉีกนามบัตรในมือทิ้งโดยไม่อ่านชื่อเจ้าของนามบัตรแม้แต่น้อย จากนั้นเธอจึงหันไปหาพนักงานคนเดิม
“คุณพอรู้จักผู้ชายคนเมื่อครู่มั้ยคะ?”
“ค่ะ คุณประกาศิตเป็นเจ้าของบริษัทแห่งนี้ค่ะ”
ได้รับข้อมูลกลับมาลันตายิ่งอึ้งเข้าไปอีก ไม่อยากเชื่อผู้ชายที่หน้าตาเหมือนชาวต่างชาติจะมีชื่อไทยด้วย แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องมาใส่ใจนี่นาถึงเขาจะหล่อ ดูดี และถูกใจเธอแต่แรกเห็น แต่เมื่อเจอพฤติกรรมแบบนี้เข้าไป ทุกอย่างเป็นอันติดลบ!
“ถ้างั้น รบกวนคุณสักเรื่องนะคะ ช่วยฝากคืนนามบัตรให้เจ้านายของคุณด้วย”
วางเศษกระดาษไว้บนเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เรียบร้อยแล้ว ลันตาจึงรีบก้าวออกจากบริษัททันที โดยไม่สนใจสายตาอยากรู้อยากเห็นของเหล่าพนักงานอีก
กลับถึงบ้านได้พักใหญ่ แต่ลันตายังรู้สึกหงุดหงิดไม่หาย ด้วยว่าแววตา สีหน้า คำพูดของผู้ชายที่เหมือนชาวต่างชาติยังติดอยู่ในใจ และยังรบกวนความรู้สึกของเธออยู่นั่นเองพอกลับมานึกถึงคำพูดของเขา ก็ยิ่งทำให้เธอโมโหขึ้นมาอีกจนได้
‘ผู้ชายอะไร เหยียบย่ำศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงเหลือเกิน!’
“โอ๊ย!” ลันตาหดมือรีบวางมีดหั่นผักลงทันที ทั้งนี้เป็นเพราะเธอคิดอะไรเพลินไปหน่อย จึงพลาดหั่นเอานิ้วมือเข้านั่นเอง
“เป็นอะไรไปลันตา?” นางชดช้อยที่ช่วยตำน้ำพริกแกงส้มเงยหน้าขึ้นมองลูกสาว
“ไม่มีอะไรจ้าแม่” ลันตาปรด ก่อนห้ามเลือดให้ตัวเอง กระนั้นเธอกลับรู้สึกหงุดหงิดผู้ชายคนนั้นมากกว่าเก่าอีก
เพราะเขาคนเดียว เธอถึงเหม่อลอย จึงพลาดหั่นโดนนิ้วตัวเองเข้า!
“อีตาบ้าประกาศิต!!!”
“แน่ใจนะลันตาว่าไม่มีอะไร?”
อีกครั้งที่นางชดช้อยหันมาสนใจบุตรสาวที่ดูใจลอยจนผิดปกติ
“ไม่มีอะไรจ้าแม่” ลันตารีบเช็ดมือให้แห้ง จากนั้นจึงหันกลับมาทำกับข้าวต่อ
“วันนี้เราเข้าเมืองไปทำธุระอะไรมาล่ะลูก?”
พอมารดาป้อนคำถามให้ หญิงสาวจึงหยุดชะงักมือกับสิ่งที่ทำทันที“ไม่มีอะไรหรอกแม่”
“ไม่มีได้ไง ก็แม่เห็นเราออกไป”
หญิงสาวเม้มปากเป็นเส้นตรง เพราะรู้ว่าปิดบังมารดาคงเป็นเรื่องที่ยาก“ลันตาไปตามหาพี่รื่นมาจ้า พอดีเมื่อคืนลันตาลองติดต่อกับพี่โต้งเพื่อนพี่รื่นน่ะ”
“ได้ความไงบ้างลูก?” นางชดช้อยรีบวางมือจากสิ่งที่ทำ ตั้งอกตั้งใจฟังลูกสาวทันที
“พี่โต้งบอกว่าพี่รื่นลงมาทำงานที่ชุมพรแล้วจ้าแม่ ลันตาเลยไปตามหาที่บริษัท แต่พนักงานที่นั่นบอกว่าพี่รื่นถูกส่งตัวไปทำงานบนเกาะ”
นางชดช้อยพยักหน้ารับ พลางผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ “เฮ้อ... กลับมาถึงบ้านเกิดทั้งที แทนที่จะแวะมาหาแม่หาน้องบ้างไม่มีเลย เจ้ารื่นนะเจ้ารื่น ลื่นเป็นปลาไหลเหลือเกินพ่อคุณเอ๊ย”
ลันตามองหน้ามารดา พอเห็นสีหน้าไม่สบายใจของแม่ เธอก็รู้สึกไม่สบายใจตามไปด้วย“แม่อย่าคิดมากสิจ๊ะ ลันตาว่าจะไปตามพี่รื่นอยู่เหมือนกัน”
“ไปยังไงล่ะลูก ก็ไหนหนูบอกว่าเจ้ารื่นอยู่เกาะ”
