บทที่ 1 หนี้สิน (4)
ถึงจะได้รับคำปลอบใจจากลูกสาว แต่ชดช้อยกลับไม่รู้สึกสบายใจแม้แต่น้อย ซ้ำยังรู้สึกหนักอกหนักใจและเป็นกังวลยิ่งกว่าเดิม ทั้งนี้เป็นเพราะนางห่วงใยในตัวรื่นฤทธิ์นั่นเอง
“แม่ปล่อยเรื่องนี้ไปโดยไม่สนใจไม่ได้หรอกลันตา กี่ครั้งแล้วที่เจ้ารื่นมันก่อเรื่อง แล้วปล่อยให้เราสองคนแม่ลูกต้องร่วมกันรับผิดชอบ
เฮ้อ... แม่อยากเจอหน้าเจ้ารื่นเหลือเกิ๊น” นางชดช้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ ดวงตาโศกเศร้าหม่นแสงลง เพราะรู้จักนิสัยของลูกชายเป็นอย่างดี
นางเลี้ยงลูกไม่ดีเอง การพะเน้าพะนอตามใจรื่นฤทธิ์ตั้งแต่เล็กจนโต และสอนให้ลูกอยู่กับความสบายจนเคยชิน จึงทำให้รื่นฤทธิ์กลายเป็นคนหัวสูง หยิบโหย่ง ทำงานหนักไม่เป็น แต่ที่สร้างความหนักใจให้นางชดช้อยมากที่สุดก็คือ รื่นฤทธิ์ติดการพนัน!!!
“ลันตาไปตามพี่รื่นที่กรุงเทพได้มั้ยจ๊ะ? ลันตาพอมีเพื่อนที่กรุงเทพ ลันตาไปขอความช่วยเหลือเรื่องที่พักจากพวกเขาได้”
“อย่าเชียวนะลันตา เป็นผู้หญิงไปกรุงเทพตัวคนเดียวมันอันตราย แม่ไม่ไว้วางใจใครทั้งนั้น อีกอย่างเรารู้เหรอจะไปตามหาตัวเจ้ารื่นจากที่ไหน?”
เจอคำถามนี้เข้าไป ลันตาก็จนปัญญาที่จะตอบนางชดช้อยเช่นกัน
นั่นสิ เธอจะไปตามหาพี่ชายตัวแสบได้จากที่ไหน ในเมื่อพี่ชายของเธอเปลี่ยนงานและย้ายที่อยู่อาศัยเป็นว่าเล่น ที่สำคัญเธอไม่เจอหน้าพี่ชายจะร่วมปีแล้ว
“ลันตาก็ไม่รู้เหมือนกัน”สุดท้ายแล้วหญิงสาวก็ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้
“ตอนนี้แม่มีลันตาคนเดียวเท่านั้น แม่เป็นห่วงเรานะ แม่ไม่อยากให้ลันตาอยู่ไกลจากสายตาของแม่ด้วยซ้ำ”
หญิงสาวยิ้มชืดกับความห่วงใยของมารดาบังเกิดเกล้า “ลันตาไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะแม่ ปีนี้ลันตาอายุยี่สิบสองแล้วนะ”
นางชดช้อยส่ายหน้าช้า ๆ
“เด็กหนอเด็ก หนูจะอายุเท่าไหร่ ในสายตาของคนเป็นแม่ หนูก็ยังเป็นเด็กในสายตาของแม่อยู่ดี”
หญิงสาวพยักหน้า รู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาอย่างประหลาด ที่แม่เห็นเธออยู่ในสายตาบ้างแล้ว...
“ถ้าลันตาอายุเจ็ดสิบล่ะจ๊ะ แม่จะยังเห็นลันตาเป็นเด็กอยู่มั้ย?” หญิงสาวป้อนคำถามให้ ก่อนเอนกายลงกับพื้นแล้วหนุนตักอุ่นของนางชดช้อยต่างหมอน
“ถึงหนูจะอายุเก้าสิบ ถ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่ หนูก็ยังเป็นเด็กในสายตาของแม่อยู่ดี”
ลันตาหัวเราะคิกคักลืมความเครียดไปชั่วขณะหนึ่งเธอนึกภาพอนาคตอันไกลโพ้นไม่ออกเช่นกัน ว่าตอนที่เธออายุเก้าสิบจะมีหน้าตาเป็นเช่นไร แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้ก็คือ แม่ของเธอรักเธอแม้จะน้อยกว่ารื่นฤทธิ์ก็ตาม...
##### บทที่ 2
แรกพบ
ดวงจันทร์กลมโตเคลื่อนตรงศีรษะแล้ว แต่ลันตาไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ หญิงสาวยังนั่งกอดเข่าจมอยู่กับความกระวนกระวายใจกับเรื่องที่ชายแปลกหน้านำมาให้...
ใช่ว่าเธอจะไม่เชื่อเรื่องที่รื่นฤทธิ์ก่อหนี้สินเอาไว้ให้ครอบครัว แต่ที่เป็นกังวลและรู้สึกเครียด เห็นจะเป็นตัวเลขจำนวนเกือบหกหลักที่เธอและแม่ต้องหามาใช้หนี้การพนันต่างหาก!
ลมหายใจถูกผ่อนออกมาอีกครั้ง พอไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ ลันตาจึงตัดสินใจกระทำบางสิ่ง นั่นคือการเข้าไปค้นห้องนอนของพี่ชาย เผื่อว่ารื่นฤทธิ์จะทิ้งเอกสารที่พอติดต่อได้บ้าง ซึ่งเข้าไปค้นตามลิ้นชักและหัวเตียง ลันตาไม่พบเอกสารใด ๆ นอกจากสมุดโทรศัพท์เล่มเล็กที่เก่าจนแทบขาด
เธอนั่งดูเบอร์โทรและรายชื่อ ก่อนตัดสินใจโทรหาคนเหล่านั้นเพื่อถามหาข่าวคราวของพี่ชาย ซึ่งคนส่วนใหญ่บอกกับเธอว่าไม่ได้ติดต่อกับรื่นฤทธิ์มานานแล้ว จนกระทั่งได้เบาะแสของรื่นฤทธิ์จากใครคนหนึ่งซึ่งลันตาพอจะรู้จักเขา
“ไอ้รื่นมันกลับไปชุมพรสักพักแล้วลันตา ตอนนี้ทำงานที่ชุมพรนั่นล่ะ”
“ไม่เห็นพี่รื่นกลับมาบ้านเลย”หญิงสาวบอกเสียงแผ่วหัวใจเหี่ยวแฟบ
“อะไรกันมันยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ?!”
“พี่รื่นไม่มาเหยียบบ้านเกือบปีแล้ว”
“แย่จริง เจ้ารื่นนะเจ้ารื่น มันลื่นสมชื่อเลยจริง ๆ เอาอย่างนี้พี่จะให้ชื่อที่ทำงานใหม่ของมันไป แต่ลันตาอย่าไปบอกมันนะว่าพี่บอก พี่ไม่อยากมีปัญหากับมัน”
“ได้จ้ะ” คนปลายทางให้รายละเอียดที่เป็นประโยชน์กับลันตาช่างโชคดีเหลือเกินที่รื่นฤทธิ์ไม่หนีไปไกลอย่างที่เธอคิด แต่รื่นฤทธิ์อยู่แค่ปลายจมูกของเธอเท่านั้น!
แน่นอนเธอรู้ว่าจะไปตามหาพี่ชายตัวแสบจากที่ใด
“ขอบคุณพี่โต้งมากเลยค่ะ”
