บทที่ 1 หนี้สิน (3)
หลังจากอิ่มท้องกับอาหารมื้อเย็นเรียบร้อยแล้ว ลันตาจึงมาเอนหลังพักให้ข้าวเรียงเม็ดที่โต๊ะไม้ไผ่หน้าบ้าน และตากลมเย็นเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ทว่าอยู่ ๆ กลับมีรถตู้แล่นมาจอดหน้าบ้าน
คนแปลกหน้าได้ตรงเข้ามาหาแม่ของเธอ ดูจากการแต่งตัวและฟังจากสำเนียงภาษา รวมถึงผู้ติดตามที่สวมชุดดำดูเหมือนบอดี้การ์ด ลันตาเชื่อว่าแขกที่มาเยือนในครั้งนี้ น่ามาจากกรุงเทพ
พอรู้ถึง ‘ธุระ’ ที่ทำให้คนเหล่านี้ต้องเดินทางมาถึงที่นี่เท่านั้น เธอจึงรู้สึกเครียด และหนักใจกับเรื่องที่คนแปลกหน้าพามาไม่น้อยรื่นฤทธิ์สร้างหนี้สินให้ครอบครัวของเธอได้ชดใช้เป็นเงินเกือบหนึ่งแสนบาท!!
แต่นั่นไม่ทำให้เธอเครียดเท่ากับ รื่นฤทธิ์ออกจากงานแล้วหนีไปอยู่ที่อื่น!!!
“ตอนนี้ผมอยากเจอตัวนายรื่นฤทธิ์โดยเร็วที่สุด ผมต้องการเงินจำนวนนั้นคืน”
“เจ้ารื่นไม่กลับมาเหยียบบ้านจะปีแล้วพ่อหนุ่ม ฉันรอเจ้ารื่นกลับมาเหมือนกัน” นางชดช้อยที่ฟังอยู่นานเอ่ยปาก สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่สบายใจกับเรื่องที่คนแปลกหน้านำมาให้
“นี่ไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่ดีนะครับป้า ลูกชายของป้าสร้างหนี้เอาไว้ แล้วหนีหายไป ป้าเป็นแม่ของนายรื่นฤทธิ์ก็สมควรใช้หนี้แทนลูกชายสิครับ” ชายหนุ่มหน้าตาดี แต่งกายดูสะอาดสะอ้านเอ่ยเสียงเรียบ
ทว่าคำพูดนั้นกลับเพิ่มความเครียดให้กับนางชดช้อยซึ่งเป็นคนคิดมากเข้าไปอีก
“เงินตั้งมากมายขนาดนี้ ฉันไม่มีปัญญาหามาจ่ายคืนพ่อหนุ่มหรอก ฉันไม่เคยคิดโกงใครนะ แต่ฉันเองก็ไม่ค่อยจะมี ลำพังเงินจะรักษาตัวยังแทบไม่มี ฉันยังต้องกู้มาใช้เลยพ่อคุณ” บอกออกมาแค่นั้น น้ำตาจึงไหลลงมาเปื้อนใบหน้าที่ซูบซีดของนางชดช้อย
ลันตารีบเข้าไปประคองผู้เป็นแม่มานั่งลงบนเก้าอี้ไม้ไผ่ตัวเก่า เพราะเกรงว่าแม่ของตนจะเป็นลมล้มพับไปเหมือนเมื่อช่วงกลางวันอีก พอจัดการหาที่นั่งให้แม่เรียบร้อยแล้ว เธอจึงหันมาให้ความสนใจกับคนแปลกหน้าที่ตามมาทวงหนี้ถึงบ้าน
“ฉันคิดว่าคุณควรกลับไปทวงหนี้จากคนที่เอาเงินของคุณไปใช้จะดีกว่านะคะ มาทวงจากพวกเรา พวกเราไม่มีให้หรอก ก็อย่างที่แม่บอก เรามีเงินแค่พอค่ากับข้าวเท่านั้น”ลันตาเอ่ยเสียงเครียด หลังจากเป็นผู้ฟังมาพักใหญ่ ดูว่าเป็นเรื่องที่ชายแปลกหน้าพวกนี้พามาให้ที่บ้าน จะเป็นเรื่องใหญ่และเครียดอยู่พอสมควร
“พูดแบบนี้เหมือนไม่รับผิดชอบเลยนะสาวน้อย”
ลันตาไม่ชอบใจกับสรรพนามที่ชายแปลกหน้าใช้เรียกเธอแม้แต่น้อย แต่เธอก็ไม่แสดงอาการอะไรออกมาให้เห็น
“เราสองคนแม่ลูกไม่เคยปัดความรับผิดชอบ คุณควรไปทวงกับพี่รื่นถึงจะถูก”
“ผมทำแบบนั้นอยู่แล้ว แต่เพราะผมหาตัวนายรื่นฤทธิ์ไม่เจอน่ะสิ ผมถึงมาไล่เบี้ยจากคนในครอบครัว หวังว่าคุณจะเข้าใจนะ”
ลันตาจนด้วยคำพูด เธอรู้ว่าเจ้าหนี้มีสิทธิ์ทวงเงินจากลูกหนี้ได้ แต่การที่เจ้าหนี้มาไล่เบี้ยจากคนในครอบครัวของลูกหนี้ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ใช่เรื่องที่ถูกต้องแล้วหรือ?!
“ฉันเข้าใจค่ะ แต่คุณมากล่าวลอย ๆ ไม่มีหลักฐานอะไรมาแสดง คุณจะให้ฉันกับแม่เอาเงินไปให้คุณงั้นเหรอคะ? คุณอาจจะเป็นพวกมิจฉาชีพแอบอ้างก็ได้ ที่สำคัญฉันกับแม่ไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน”
คราวนี้ชายแปลกหน้ามองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ซึ่งลันตาไม่ชอบสายตาของคนพวกนี้เลย เธอไม่เคยชอบใจสายตาแทะโลมของพวกหนุ่ม ๆ ที่เห็นเธอเป็นของหวานแม้แต่น้อย!
“ผมกำลังทำความรู้จักกับครอบครัวของคุณอยู่นี่ไง”
“ฉันไม่อยากญาติดีกับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า” หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นน้อย ๆ มีสีหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที “พูดกันตรง ๆ เลยดีกว่า ฉันกับแม่ไม่สามารถหาเงินร่วมแสนมาคืนให้คุณได้หรอก เราสองแม่ลูกไม่ขอรับรู้อะไรเรื่องหนี้สินที่พี่รื่นก่อเอาไว้ เชิญคุณกลับไปเถอะค่ะ”
เมื่อหมดความอดทนลันตาจึงออกปากไล่ไปตรง ๆ แต่เธอกลับรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อถูกหนุ่มแปลกหน้ามองด้วยสายตากึ่งแทะโลม อีกทั้งยิ้มมุมปากชวนให้ขนลุก
“แต่ผมมีวิธีปลดหนี้ที่ดีมาแนะนำนะ” ผลิตโชคยิ้มเจ้าเล่ห์
“วิธีอะไร?” หญิงสาวถามเสียงห้วน
“มาทำงานในบ่อนพนันของผมสักครึ่งปี รับรองว่านอกจากปลดหนี้พนันให้พี่ชายคุณได้แล้ว ดีไม่ดีคุณอาจกลายเป็นเศรษฐีขึ้นมาก็ได้”
ลันตาหน้าตึงขึ้นมาทันที แต่เธอก็ควบคุมความโกรธของตัวเองได้เป็นอย่างดี ซึ่งการรู้ว่ารื่นฤทธิ์สร้างหนี้จากการเล่นการพนันก็ยิ่งทำให้เธอนึกโกรธรื่นฤทธิ์มากขึ้นกว่าเดิม และเธอก็มาพาลลงกับเจ้าหนี้
“เชิญคุณกลับไปเถอะ ฉันไม่สนใจงานที่คุณแนะนำหรอก”
มีรอยยิ้มจากชายแปลกหน้าอีกครั้ง
“ไม่สนใจก็ไม่เป็นไร วันนี้เราคงคุยกันไม่รู้เรื่อง เอาเป็นว่าว่าง ๆ ผมจะแวะมาใหม่”
“ถ้าเป็นไปได้ ไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก ฉันจะขอบคุณคุณมาก ๆ” หญิงสาวเอ่ยหน้าตาย แต่เธอกลับได้รับรอยยิ้มชวนให้ขนลุกจากชายแปลกหน้า
“ผมมาอีกแน่นอน”
ลันตาค้อนคมใส่คนพูด พอชายแปลกหน้าซึ่งมาประกาศตัวว่าเป็นเจ้าหนี้ของรื่นฤทธิ์กลับขึ้นรถตู้พร้อมกับผู้ติดตามไปแล้ว ลันตาจึงรีบพามารดาขึ้นบ้านพร้อมทั้งปิดประตูลงกลอนทันที
“คนพวกนั้นจะกลับมาที่นี่อีกมั้ยลันตา แม่ไม่สบายใจเลย”
“อย่าไปสนใจเลยแม่ คนพวกนี้อาจเป็นนักต้มตุ๋นก็ได้”
