บทที่ 1 หนี้สิน (2)
แน่นอนว่านี่คือความเสียใจอย่างสุดซึ้ง แต่ลันตาไม่สามารถพูดหรือระบายให้ใครรับฟังได้เลย
ความแตกต่างระหว่างเธอกับพี่ชายมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเห็นชัดเจน หลังจากเรียนจบ รื่นฤทธิ์ได้ทำงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในกรุงเทพ ขณะที่เธอต้องแบกรับภาระของครอบครัว และเปลี่ยนตัวเองมาเป็นเสาหลักเพื่อดูแลสวนมะพร้าวที่ตกทอดมาตั้งแต่รุ่นตายาย
พอเจอกับงานหนักจนเกินกำลัง ความน้อยใจจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง!
ทั้ง ๆ ที่งานดูแลสวนมะพร้าวสมควรเป็นงานของผู้ชาย แต่เธอต้องมารับผิดชอบโดยปริปากบ่นไม่ได้สักคำ!แต่นั่นไม่ย่ำแย่เท่ากับว่า เธอกับแม่ต้องคอยตามใช้หนี้สินที่รื่นฤทธิ์ก่อขึ้น และที่ร้ายกาจไปกว่านั้นก็คือ คนก่อหนี้ได้หายเข้ากลีบเมฆไม่ยอมโผล่หัวมาที่บ้านนานเป็นแรมปี!!
“ป่านนี้พี่รื่นคงลืมเราไปแล้วมั้งจ๊ะแม่”
หลุดปากออกไปเท่านั้น คนฟังอย่างนางชดช้อยที่มีจิตใจอ่อนไหวจึงร้องไห้โฮออกมาทันที ซึ่งการเห็นแม่ของตัวเองร่ำไห้ด้วยความน้อยอกน้อยใจนั้นได้สร้างความหนักใจให้ลันตาไม่น้อย
“แม่จ๋า ลันตาขอโทษนะจ๊ะ ลันตาไม่ตั้งใจพูดให้แม่เสียใจ”
นางชดช้อยน้ำตานองอาบแก้ม พลางพยักหน้าให้บุตรสาวคนเล็กผ่านม่านน้ำตา
“แม่ไม่ได้โกรธลันตา แต่แม่น้อยใจเจ้ารื่นมัน ได้ดิบได้ดีก็ไม่เคยหันหลังกลับมาหาเราบ้างเลย ซ้ำยังก่อหนี้ให้ครอบครัวตลอด นี่ทำงานมาตั้งหลายปีแล้ว เงินสักสลึงแดงเดียวแม่ไม่เคยรับจากเจ้ารื่นเลย คิดแล้วก็น่าน้อยใจนัก” นางชดช้อยเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม ดวงตาของนางเจือนความโศกเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
ลันตาเงียบไป พลางเม้มปากเป็นเส้นตรง เพราะเธอเองก็จนใจกับพี่ชายคนนี้เช่นกัน
“เจ้ารื่น มันลื่นสมชื่อจริง ๆ เลยนะ เฮ้อ... ลื่นไหล แล้วก็หายหัวไปเลย” พอพูดถึงบุตรชายคนโต จึงมีรอยยิ้มขื่นจากนางชดช้อยให้เห็น
“แม่อย่าคิดมากเลยนะจ๊ะ”
“มันอดคิดไม่ได้จริง ๆ ลันตา แม่เหนื่อยกับเจ้ารื่นเหลือเกิน ไม่รู้จะทำยังไงกับมันแล้ว” หลุดปากสิ่งที่เก็บซ่อนงำไว้ในใจออกมา น้ำตามากมายจึงไหลพรั่งพรู
ลันตาบีบมือมารดาเบา ๆ เธอเลือกจมอยู่ในความเงียบพักใหญ่ จนชดช้อยหยุดร้องไห้
“แม่พักผ่อนเถอะนะ เดี๋ยวลันตาไปเตรียมกับข้าวกับปลาก่อน”
ชดช้อยพยักหน้าให้ พอลูกสาวคนเล็กจากไป เสียงถอนหายใจของนางชดช้อยจึงถูกผ่อนออกมาเบา ๆ
ทางด้านลันตา พอก้าวเข้ามาในครัวขนาดเล็ก ที่ต่อเติมและยื่นออกมาจากตัวบ้านลักษณะเหมือนเล้าไก่ ต้องหยุดเท้าเพียงเท่านั้นเมื่อพบนพพล พ่อเลี้ยงตัวแสบอยู่ในครัว หญิงสาวรีบหันหลังออกจากครัวทันที ทั้งนี้เนื่องจากสายตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่มของนพพลจอมขี้เมาที่มองเธออยู่นั่นเอง
“ขยันหลบหน้าเป็นนางอายเลยนะ” คนเมาเอ่ยปากขึ้นลอยๆ
ลันตาไม่สนใจสักนิด และไม่เคยคิดใส่ใจคำพูดของนพพลด้วย หรือถ้าพูดให้ถูก เธอไม่อยากเฉียดใกล้ผู้ชายคนนี้ ซึ่งมีฐานะเป็นพ่อเลี้ยงของเธอด้วยซ้ำทั้งนี้เป็นเพราะเธอเกลียดขี้หน้านพพลนั่นเอง!
หลังจากพ่อของเธอเสียชีวิตลงตอนที่เธออายุได้สิบห้าปี การเปลี่ยนแปลงในครอบครัวจึงเกิดขึ้น เมื่อขาดเสาหลักของบ้านไป แม่ของเธอจึงรับหน้าที่ดูแลสวนมะพร้าวซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากตายาย เพื่อหาเลี้ยงเธอกับพี่ชายเพียงลำพัง
ความเหนื่อยยากของแม่อยู่ในสายตาของลันตาตลอด เธอจึงพยายามแบ่งเบาภาระของครอบครัวให้ได้มากที่สุด ซึ่งเธอก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก นอกจากทำข้าวเหนียวหมูปิ้งไปขายเพื่อน ๆ ที่โรงเรียน และช่วยแม่ทำงานบ้านเท่านั้น
หลังจากมรสุมชีวิตลูกใหญ่พัดผ่านไป ท้องฟ้าจึงปลอดโปร่ง... ทว่าการเปลี่ยนแปลงจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง
แม่ของเธอที่ตกพุ่มหม้ายได้ปีเศษได้พบรักกับนพพลซึ่งเป็นพ่อค้าคนกลาง รับซื้อมะพร้าวตามสวน เธอเองไม่เคยคิดขัดขวางความรักของแม่ หากแม่จะมีรักครั้งใหม่เธอเองก็ยินดี เพราะเธออยากเห็นแม่มีความสุข และไม่อยากให้แม่นอนร้องไห้เพราะคิดถึงพ่อ แต่เมื่อนพพลก้าวเข้ามาเป็นพ่อเลี้ยงของเธอเท่านั้น ปัญหาต่าง ๆ จึงเกิดขึ้น!!!
นพพลเป็นผู้ชายเจ้าชู้ กะลิ้มกะเหลี่ย ติดเหล้า และให้ความสนใจในตัวเธอตั้งแต่เหยียบเข้ามาในบ้าน ตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเอง แต่พอจับได้ว่านพพลแอบดูเธอกระโจมอกอาบน้ำ จึงทำให้เธอต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น ชนิดทุกฝีก้าวเลยก็ว่าได้!
เรื่องนี้เธอไม่เคยบอกใคร และไม่กล้าบอกให้แม่รู้ด้วย เพราะเกรงว่าแม่จะไม่สบายใจ แต่การที่เธอไม่บอกใครนี่แหละ จึงทำให้นพพลได้ใจ พออยู่ลับหลังผู้คน นพพลจะคอยแทะโลมและพยายามลวนลามเธอตลอด สาเหตุนี้เองเธอจึงต้องระมัดระวังตัวเอง และพยายามหลีกห่างจากผู้ชายคนนี้ตลอดเวลาหากผู้ชายคนนี้อยู่ในบ้าน
“เฮ้อ...” ลันตาผ่อนลมหายใจออกมา ก่อนปลีกตัวไปทำงานบ้านอย่างอื่นแทน พอนพพลพ้นไปจากห้องครัวแล้วนั่นล่ะ เธอจึงเข้ามาจัดการทำกับข้าวกับปลา
