บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 เจ็บป่วยครั้งใหญ่

เฉินเจียงอิงขยับตัว ความรู้สึกเจ็บปวดกระจายไปทั่วร่าง จนต้องส่งเสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวดออกมาเบาๆ

“คุณหนูสี่รู้สึกตัวแล้วเร็วเข้า เจ้าให้คนวิ่งไปบอกนายท่านและฮูหยิน” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดด้วยความตื่นเต้น แต่เฉินเจียอิงอยากลืมตาขึ้นมองก็ยกเปลือกตาขึ้นไม่ได้ รู้สึกว่าเปลือกตาหนักอึ้งเกินกว่าจะยกไหว ในใจเฉินเจียอิงจึงเริ่มรู้สึกหวาดกลัวไม่ใช่ว่าอุบัติเหตุทำให้ตาบอดไปแล้วหรอกนะ เมื่อคิดได้ดังนั้นเฉินเจียอิงจึงร้องไห้ออกมา ทั้งความเจ็บปวดที่เผชิญอยู่ทั้งความหวาดกลัวที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองบาดเจ็บระดับไหน

มีผ้ามาซับน้ำตาให้เจียอิงอย่างอ่อนโยนและมีเสียงปลอบแผ่วเบา “คุณหนูของบ่าวไม่ร้องนะเจ้าคะ อีกหนึ่งถ้วยชานายท่านและฮูหยินคงจะรีบมาหาคุณหนูอย่างแน่นอน”

คราวนี้เฉินเจียอิงจึงค้นพบว่ามีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น ทำไมผู้หญิงคนนี้จึงพูดด้วยภาษาที่แปลกไป คำพูดเหมือนภาษาในนิยายย้อนยุคที่ตนเองเพิ่งอ่านจบ นี่คงจะยังอยู่ในความฝันยังไม่รู้สึกตัวสินะ มิน่าจึงยังลืมตาไม่ขึ้น เฉินเจียอิงคิดได้เช่นนี้ความหวาดกลัวจึงคลายลง

เสียงฝีเท้าของหลายคนเดินเข้ามาใกล้นางอย่างร้อนรน เฉินเจียอิงนอนฟังอย่างสงสัย คนพวกนี้เป็นใครกันนะ

“เหม่ยอิง แม่มาแล้วเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” เฉินฮูหยินเถียนซื่อ เอ่ยถามบุตรสาวและใช้มืออบอุ่นลูบไล้ใบหน้าของเฉินเหม่ยอิงอย่างกังวลใจ

เฉินเจียอิงรู้สึกถึงมืออบอุ่นลูบมาที่ใบหน้าของตน ทำให้รู้สึกว่ามือคู่นั้นเย็นกว่าร่างของตนเองในเวลานี้ เจียอิงจึงสรุปได้ว่าตอนนี้ตนเองคงมีไข้สูงอย่างแน่นอน แต่กลับต้องตกใจอีกครั้งเมื่อคิดได้ว่าเสียงพูดของผู้หญิงที่ลูบหน้าตนเมื่อครู่เรียกชื่อเหม่ยอิง คงไม่ใช่เฉินเหม่ยอิงนางร้ายตัวรองที่เจียงอิงเพิ่งอ่านจบไปหรอกนะ นี่ตนเองกำลังฝันถึงเรื่องในนิยายที่เพิ่งอ่านจบเมื่อรุ่งเช้าของวันนี้อยู่ใช่ไหมนะ เจียอิงถามตัวเองในใจ

“ท่านพี่เหม่ยอิงตัวร้อนจัด หน้าขาวซีดปากแดงจัดจนน่ากลัว ท่านพี่ให้คนไปตามท่านหมอมาอีกครั้งเถิดเจ้าค่ะ”

“เมื่อเย็นก็ตามมาครั้งหนึ่งแล้ว วันนี้ตามมาสามครั้งแล้ว อิงเอ๋อร์ยังไม่ดีขึ้นพวกเราควรเปลี่ยนเป็นตามหมอท่านอื่นมารักษาจะดีกว่า แต่ค่ำคืนเช่นนี้ ข้าควรจะไปตามท่านหมอคนไหนดี” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดอย่างร้อนใจ เจียอิงรับรู้ได้ว่าผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นห่วงเหม่ยอิงมาก

“มิสู้พวกเรารบกวนคุณชายใหญ่จ้าวเฟิงอวิ๋นมาตรวจรักษาบุตรสาวของพวกเราดีไหมเจ้าคะ ข้าเคยได้ยินมาว่าคุณชายใหญ่เป็นท่านหมอมีชื่อเสียงมากอยู่ที่เมืองลั่วหยาง” เฉินฮูหยินเอ่ยเสนอด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง

คุณชายใหญ่ จ้าวเฟิงอวิ๋น ผู้นี้เป็นบุตรชายคนโตนายท่านสามตระกูลจ้าว และมีศักดิ์เป็นหลานชายคนโตบ้านเดิมของเฉินฮูหยินคนก่อนจ้าวเจียงซู ซึ่งนางตายไปตั้งแต่คลอดคุณชายสามเฉินหย่งฝู ทำให้นายท่านเฉินจึงแต่งนาง เถียนชิงเหยียนเข้ามาเป็นฮูหยินคนที่สอง ดังนั้นเฉินฮูหยินเถียนซื่อจึงไม่อยากขึ้นชื่อว่าเรียกใช้หลานชายของภรรยาคนแรกของสามี แต่ยามนี้บุตรสาวของนางกำลังป่วยหนักนางไม่อาจทนเพื่อระมัดระวังคำพูดของผู้อื่นได้อีกต่อไป

เฉินหยางกวงตบหน้าผากตนเองแล้วพูดขึ้นว่า “เป็นข้าที่เลอะเลือน ฮูหยินเอ่ยเตือนถูกต้องแล้ว เฟิงอวิ๋นมีฝีมือทางด้านนี้มาก ใครก็ได้ ไปตามคุณชายใหญ่จ้าวเฟิงอวิ๋นมาที่เรือนฮวาอวี่เดี๋ยวนี้” ก่อนจะเดินมานั่งข้างเตียงบุตรสาวคนเล็ก และเอื้อมมือไปจับมือของบุตรสาวคนเล็กมากุมไว้ “อิงเอ๋อร์ พ่ออยู่ข้างๆ เจ้าแล้ว เจ้าไม่ต้องหวาดกลัวไปนะ เดี๋ยวอีกสักพักญาติผู้พี่ของเจ้าต้องมารักษาเจ้าจนหายอย่างแน่นอน”

เฉินเจียอิงได้ยินเสียงผู้ชายคนนี้พูดด้วยเสียงอ่อนโยน มือของเขากุมมือของตนไว้อย่างปกป้องทำให้เจียอิงรู้สึกอบอุ่นที่ใจ จึงฝืนเอ่ยคำพูดอย่างยากเย็น

“..พ่ออ” เสียงเล็กแหบพร่าเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา แต่เถียนชิงเหยียนที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงบุตรสาวกลับได้ยินเสียงนี้ชัดเจน จึงรีบพูดว่า “ใช่แล้วเหม่ยอิง ท่านพ่อของเจ้าเขากลับมาแล้ว เจ้าต้องรีบหายป่วยท่านพ่อของเจ้าจะได้พาเจ้าไปชมสวนดอกเหมยที่เจ้าอยากไปดูอย่างไรล่ะ หืม เหม่ยอิงของแม่เจ้าต้องอดทนไว้นะ พ่อกับแม่อยู่เป็นเพื่อนเจ้าที่นี่แล้ว” เสียงอ่อนโยนพูดปลอบใจทำให้เฉินเจียงอิงสงบใจลงได้นางคงกำลังอยู่ในความฝัน ช่างเป็นฝันที่ทรมานร่างกายแต่อบอุ่นหัวใจยิ่งนัก

เวลาผ่านไปไม่นานก็ปรากฏบุรุษร่างสูงสองคนเดินเคียงคู่กันมาก่อนจะคำนับตามธรรมเนียมพร้อมกัน

“ลูกคำนับท่านพ่อและท่านแม่ขอรับ” / “เฟิงอวิ๋นคำนับท่านลุงและท่านป้าขอรับ”

“หย่งฉีเจ้าก็มาด้วยหรือ เฟิงอวิ๋น อิงเอ๋อร์ไม่สบาย ลุงจึงต้องให้คนไปตามเจ้าดึกดื่นเช่นนี้ เมื่อหัวค่ำลุงให้คนไปเชิญท่านหมอชื่อดังในเมืองฉางอันมารักษาแล้ว แต่ตอนนี้อิงเอ๋อร์ยังอาการไม่ดีขึ้นเลยสักนิด ดูคล้ายป่วยหนักมากกว่าเดิม” เฉินหยางกวงหันไปทักทายบุตรชายคนโต ก่อนจะหันไปบอกกล่าวเล่าเรื่องให้หลานชายของฮูหยินของตนที่เสียชีวิตไปนานแล้วฟัง

เฉินหย่งฉีเอ่ยตอบผู้เป็นบิดาว่า “ข้าไปอ่านตำราที่เรือนพักของเฟิงอวิ๋นพอดีขอรับ สาวใช้ไปบอกว่าเหม่ยอิงไม่สบายหนัก ข้าจึงตามมาดูขอรับ น้องสาวป่วยไข้มาหลายวันแล้ว ไม่ใช่ว่าเมื่อสองวันก่อนดีขึ้นแล้วหรือเหตุใดจึงกลับมาป่วยหนักอีกได้” เฉินหย่งฉีเอ่ยถาม มองมารดาเลี้ยงของตนที่ยามนี้ใบหน้าของนางฉาบไปด้วยน้ำตาแห่งความเป็นห่วงอย่างสงสัย

“นางซุกซนแอบออกไปต้อนรับท่านพ่อของเจ้าที่เรือนหน้า สาวใช้เหล่านี้ก็ห้ามปรามนางไม่ได้ วันนี้หิมะตกหนักเหม่ยอิงรีบวิ่งจึงลื่นล้มลงบนพื้นที่มีหิมะกองอยู่ ตอนเย็นท่านพ่อของเจ้าให้คนไปตามท่านหมอมาตรวจรักษาแล้วไม่นึกเลยว่าจะไม่ดีขึ้น” เฉินฮูหยิน เถียนซื่อเอ่ยตอบบุตรชายคนโตของบ้านด้วยเสียงสะอึกสะอื้น นายท่านเฉินไปทำงานต่างเมืองอยู่นานเป็นสัปดาห์เพิ่งกลับบ้านวันนี้ บุตรสาวที่ไม่ได้เจอหน้าพ่อของตนมาหลายวันจึงใจร้อนวิ่งออกไปต้อนรับถึงหน้าเรือน สุดท้ายกลับต้องมาป่วยหนักเช่นนี้ ทำให้ทุกคนที่ได้ฟังรู้สึกปวดใจ

ในขณะที่จ้าวเฟิงอวิ๋นเข้าไปตรวอาการของเด็กน้อยอย่างเป็นห่วง ใบหน้าของเด็กน้อยยามนี้หน้าขาวซีดปากแดงก่ำแค่มองด้วยตา เฟิ่งอวิ๋นก็พอรู้แล้วว่าญาติผู้น้องคนนี้กำลังไข้ขึ้นสูง เขารีบใช้มือตรวจชีพจรของเด็กน้อย ก่อนจะเอ่ยว่า “ช่วยเตรียมสุราขาวมาผสมน้ำอุ่นมาสักหนึ่งอ่างเพื่อเอาไว้เช็ดตัวญาติผู้น้อง อีกทั้งข้าจะต้องฝังเข็มเพื่อลดไข้ จำเป็นต้องเปิดบริเวณหน้าอกของน้องสาวสักเล็กน้อย ท่านลุงและท่านป้าจะอนุญาตหรือไม่ขอรับ”

เฉินหยางกวงมองบุรุษหนุ่มอายุ15 ปีตรงหน้าด้วยแววตาสับสนเล็กน้อย เขาไม่เคยได้ยินการรักษาแบบนี้มาก่อน แต่ที่เมืองลั่วหยางคุณชายจ้าวผู้นี้มีชื่อเสียงว่าเป็นลูกศิษย์ของหมอเทวดา เขาเหลือบมองบุตรสาวคนเล็กที่หน้าซีดแต่ปากแดงก่ำ ยามนี้เฉินเหม่ยอิงอายุเพียง แปดปี ยังเป็นเด็กน้อยผู้หนึ่งขอเพียงรักษาอาการป่วยครั้งนี้หายได้ ต่อให้บุตรสาวโตกว่านี้เขาก็ต้องยินยอมอยู่ดี “ได้ ทำเพื่อรักษาโรคอีกทั้งนางก็ยังเป็นเพียงเด็กน้อยผู้หนึ่ง ไปเตรียมของที่คุณชายจ้าวสั่งเมื่อครู่นำมาให้พร้อม หย่งฉีเจ้าออกไปรอฟังข่าวกับพ่อด้านนอกก็แล้วกัน ปล่อยให้ท่านแม่ของเจ้าอยู่เป็นเพื่อนอิงเอ๋อร์ก็พอ”

“ขอรับท่านพ่อ” เฉินหย่งฉีรับคำ ก่อนจะเดินตามหลังผู้เป็นพ่อออกไป

เถียนชิงเหยียนโล่งอก จ้าวเฟิงอวิ๋นเปิดหน้าอกบุตรสาวแค่เพียงนิดเดียวไม่ได้มากอย่างที่นางคิด แต่เขากลับเอ่ยขออนุญาตก่อนช่างเป็นสุภาพบุรุษที่ดี นางชื่นชมเขาเพียงในใจ เห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าเคร่งขรึมฝังเข็มอย่างมีสมาธิจึงไม่พูดกวนใจอีกฝ่าย

มือเรียวงามฝังเข็มลงไปบริเวณหน้าอกของเด็กน้อยอย่างรวดเร็วและแม่นยำจึงเสร็จไวขึ้น คราวนี้เด็กน้อยไม่ร้องครวญครางเพราะความเจ็บปวดอีกแล้วคล้ายจะหลับลึกขึ้น

“ประเดี๋ยวเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นผสมสุราจนตัวเริ่มเย็นค่อยปลุกญาติผู้น้องขึ้นมาดื่มยาได้ขอรับ เดี๋ยวหลานจะเขียนใบสั่งยาให้สาวใช้ลองหาดูว่ามีสมุนไพรตามนี้ไหม หากไม่มีให้สาวใช้มาหาหลาน จะได้ปรับสูตรยาให้ใหม่ขอรับ ต้มยาแล้วนำมาป้อน อาการของญาติผู้น้องจะดีขึ้น”

“ได้ ป้ารู้สึกขอบคุณเฟิงอวิ๋นมาก ต่อไปหากไม่รังเกียจก็เรียกเหม่ยอิงว่าอิงเอ๋อร์หรือเหม่ยอิงก็ได้ ไม่ต้องมากพิธีไปหรอก ลำบากเจ้าแล้วนี่คงกำลังท่องตำราเตรียมสอบอยู่ละสิ” เถียนชิงเหยียนเอ่ยขึ้นด้วยความเกรงใจ

“ไม่เป็นไรขอรับอาการป่วยของอิงเอ๋อร์สำคัญมากกว่า ข้าได้ยินมาหลายวันแล้วว่าอิงเอ๋อร์ไม่สบาย แต่เห็นว่ามีท่านหมอมารักษาแล้วจึงวางใจไม่ได้มาเยี่ยม ไม่คิดว่าอิงเอ๋อร์จะเป็นหนักขนาดนี้ ไข้ลงปอดทำให้หายใจลำบาก และมีอาการปวดไปทั่วร่างกาย อย่างไรเสียพรุ่งนี้ข้าจะมาฝังเข็มให้อิงเอ๋อร์อีกน่าจะทำให้อาการดีขึ้นขอรับ”

“ได้ขอบใจเจ้ามากนะ” เถียนฮูหยินเดินไปส่งจ้าวเฟิงอวิ๋นและตอบคำถามของเฉินหย่งฉีที่หน้าเรือนกลับพบว่าเฉินหย่งหรูเร่งเดินมาอย่างร้อนใจ

“หรูเอ๋อร์เหตุใดเจ้าจึงเดินมาที่นี่ยามดึกเช่นนี้ หิมะตกพื้นลื่นแล้วค่ำๆ มืดๆ เจ้าไม่ควรเดินมาเลย” เฉินหยางกวงเอ่ยตำหนิบุตรสาวคนรองด้วยความเป็นห่วง

“สาวใช้บอกว่าน้องสาวป่วยหนักมาก ข้าจะนอนหลับได้อย่างไร เหตุใดไม่มีคนไปแจ้งข้า นี่ถ้าสาวใช้ของข้าไม่พบว่ามีสาวใช้ไปตามพี่เฟิงอวิ๋นข้าก็คงไม่รู้เรื่องราวอะไรอยู่คนเดียว” เฉินหย่งหรูพูดด้วยเสียงแหลมสูง และปรายตามองเถียนชิงเหยียนบ่งบอกว่าไม่พอใจ

“แม่ผิดเอง ไม่อยากให้เจ้ากังวลจึงไม่ได้บอก อีกอย่างเมื่อตอนหัวค่ำน้องสาวของเจ้าไม่ได้อาการหนักเช่นนี้” เถียนชิงเหยียนเอ่ยแก้ตัวเสียงเบา จนสามีนำมือมาแตะแขนของตน นางจึงเงียบเสียงลง

“ข้าจะไปดูอิงเอ๋อร์ก่อนไม่คุยกับพวกท่านแล้ว” ร่างงามของเด็กสาวเดินเข้าไปในเรือนฮวาอวี่อย่างเอาแต่ใจ

“เจ้าอย่าถือสาหรูเอ๋อร์เลย ที่นางแสดงกิริยาไม่ดีต่อเจ้าเมื่อครู่เป็นเพราะนางเป็นห่วงอิงเอ๋อร์” เฉินหยางกวงพูดแก้ตัวให้บุตรสาวคนรอง

“น้องรู้เจ้าค่ะ” เถียนชิงเหยียนฝืนยิ้ม นับวันเฉินเหม่ยหรูยิ่งโต หน้าตาก็สวยงาม แต่นิสัยกลับเริ่มร้ายกาจขึ้นเรื่อยๆ แม้ตนอยากจะตักเตือนสั่งสอนแต่ติดที่ตนเป็นเพียงแม่เลี้ยงจึงต้องปล่อยตามแต่ใจนาง เพราะอีกไม่กี่ปีนางก็แต่งงานออกเรือนไปแล้ว ถึงยามนั้นเถียนชิงเหยียนคิดว่าตนเองคงจะสบายใจมากขึ้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel