บำบัดรักต่างมิติ

65.0K · ยังไม่จบ
JustMoonLight
25
บท
97
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

นักศึกษาแพทย์ทะลุเข้าไปเป็นนางร้ายในนิยายที่กำลังอ่าน ในเมื่อกลับโลกปัจจุบันไม่ได้ เฉินเจียอิงจึงต้องปรับเลี่ยนชีวิตของเฉินเหม่ยอิงให้ดี ไม่อาจปล่อยให้นางใช้ชีวิตแบบทำร้ายตัวเองและคนรอบข้างได้

นิยายรักโรแมนติกท่านอ๋องนางเอกเก่งข้ามมิติพระชายาจีนโบราณ

บทที่ 1 ชีวิตของเด็กมหาลัยปีสุดท้าย

ณ.เมือง H เฉินเจียอิง สาวน้อยผู้กำลังเรียนระดับบัณฑิตศึกษา สาขาพยาบาลศาสตร์ปีสุดท้าย ซึ่งหลังสอบเสร็จมีเวลาว่างระหว่างรอผลสอบ จึงอ่านนิยายออนไลน์เพื่อคลายเครียด เฉินเจียอิงอ่านแล้วติดหนึบทันที นิยายเรื่องหยกหงส์เคียงบัลลังก์ โดยนิยายเรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องยาวอ้างอิงสมัยราชวงศ์ถัง แต่ผู้เขียนเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ผู้ครองราชย์ไม่ใช่คนเดิมฮ่องเต้ไม่ใช่ผู้ใช้แซ่หลี่ เป็นเรื่องราวการแก่งแย่งความรัก ความแค้นของคนรุ่นพ่อแม่ส่งผลมาถึงรุ่นลูก การดำเนินเรื่องสนุก นางเอกของเรื่องเป็นบุตรสาวของคนตระกูลใหญ่ที่พลัดพรากไปอยู่กับมารดาและพี่ชายอีกสองคน พี่ชายทั้งสองเรียนเก่งจนสุดท้าย ก็ผลักดันจนนางเอกกลายเป็นพระชายาของอ๋องท่านหนึ่ง นิยายเน้นเรื่องความเก่งของพระเอกและนางเอก ตัวร้ายหน้าสวยต้องแพ้ภัยนางเอกผู้เก่งและฉลาดกว่า

เฉินเจียอิงอ่านนิยายแล้วลุ้นจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนจนมีเสียงคนมาเคาะประตู

“เจียอิง ทำอะไรอยู่ลงมากินข้าวได้แล้ว” เฉินชิงอิ๋งมาปลุกน้องสาวเพื่อให้ลงไปกินข้าวด้วยกัน

“ทำไมวันนี้พี่สาวยังไม่ไปทำงานอีกละคะ” เฉินเจียอิงถามและหันมาปิดคอม

“วันนี้วันหยุดแล้ว นี่ไม่ได้ดูปฏิทินเลยหรือไง ถึงขนาดไม่รู้วัน รีบลงมาแม่ทำอาหารรอเต็มโต๊ะแล้วพี่จะไปปลุกพี่ฉีจือ” เฉินชิงอิ๋งออกไปเคาะประตูห้องของเฉินฉีจือ ต้องเคาะหนักๆ เพราะหากเบาไปชิงอิ๋งรู้ดีว่าพี่ชายไม่ยอมตื่น

“โหว ตื่นแล้วๆ จะเคาะรุนแรงทำไมเนี่ย” ชายหนุ่มร่างสูงหัวยุ่งเหยิงขยี้ตาและบ่นพึมพำเดินออกมาจากในห้องนอน

“แม่ทำอาหารเช้ารอแล้ว นี่อย่าบอกนะว่าพี่ชายจะลงไปสภาพนี้ กลับไปล้างหน้าแปรงฟันก่อน ยี๋สกปรก” เฉินชิงอิ๋งพูดก่อนจะลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว

ด้านล่างคุณแม่วัยกลางคนกำลังยุ่งวุ่นวายกับการทำอาหารให้ลูกๆ ทั้งสาม เฉินปิงเหยียน ดีใจที่วันนี้ลูกๆ มาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าจึงดีใจเป็นพิเศษ

เฉินปิงเหยียนเมื่อก่อนใช้แซ่จาง ปิงเหยียนแต่งงานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ โดยแต่งงานกับเฉินกว่างมาได้30ปีแล้ว ซึ่งยามนี้ทั้งสองแยกกันอยู่แต่ไม่ได้หย่ากัน เฉินปิงเหยียนทำงานเป็นนางพยาบาล โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่ง จึงไม่ค่อยมีเวลาทำอาหารมื้อใหญ่ให้ลูกชายและลูกสาวของนางกินเช่นนี้

“แม่ไม่น่าลำบากทำเยอะขนาดนี้เลย มาเดี๋ยวหนูช่วยอีกแรง” เฉินชิงอิ๋งแม้จะบ่นแต่แววตาเปล่งประกายความสุข

“ปลุกน้องลงมาหรือยัง แม่กลับมาตอนตีสี่เห็นห้องน้องของลูกยังเปิดไฟอยู่เลย”

“เรียกแล้วค่ะ เจียอิงตอนนี้ติดนิยายออนไลน์ค่ะแม่ อ่านจนตาบวมแล้ว” เฉิงชิงอิ๋งฟ้องผู้เป็นแม่ทันที

“อั่ยหยา...เพิ่งสอบเสร็จแทนที่จะพักผ่อนพักสายตาให้ดี ประเดี๋ยวก็สายตาเสียอ๊ะ” เฉินปิงหยวนบ่นเสร็จกลับสะดุ้งเมื่อมีมือเล็กมากอดทางด้านหลัง

“ว้าย! เล่นอะไรไม่เข้าท่าเจียอิง หากว่าแม่ทำหมอน้ำซุปนี่ตกลงพื้นพวกเราสามคนได้โดนน้ำร้อนลวกแน่ ไปๆ คนซุ่มซ่ามอย่างเราออกให้ห่างครัวเดี๋ยวนี้เลย” เฉินปิงเหยียนทำเสียงดุแต่อดที่จะยิ้มอย่างเอ็นดูบุตรสาวคนเล็กไม่ได้

“ใครกันที่เคยชมว่าหนูทำอาหารอร่อย พอพี่ชิงอิ๋งอยู่ด้วยหนูกลับกลายเป็นคนซุ่มซ่ามซะได้” เฉินเจียอิงเดินไปนั่งโต๊ะกินข้าวด้วยใบหน้าน้อยใจเล็กน้อย

ทั้งสี่คนนั่งกินข้าวพร้อมกันด้วยบรรยากาศอบอุ่น เฉินฉีจือปกติทำงานอยู่ในเมืองA ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ เขาซื้อคอนโดหรูหราอาศัยอยู่กับแฟนสาว เฉินชิงอิ๋งก็มีแฟนแล้วเช่นกัน แต่ยังไม่แต่งงานอาศัยอยู่กลับแม่ที่เมืองนี้ ส่วนเฉินเจียอิงไปเรียนมหาลัยที่เมืองC เช่าหอพักอยู่ร่วมกับเพื่อนสาวอีกสองคน มหาลัยแม้ไม่โด่งดังแต่ก็มีชื่อเสียงมานานโดยเฉพาะด้านการแพทย์และสาธารณสุข เฉินเจียงอิงจึงมุมานะสอบเข้าที่นี่จนได้ เพราะอยากเป็นพยาบาลเหมือนผู้เป็นแม่ เหนื่อยแต่ได้ช่วยเหลือคนเจ็บป่วย

ส่วนเฉิงกว่างผู้เป็นพ่อ เขาเป็นนักธุรกิจรายใหญ่มีกิจการมากมาย จึงย้ายไปอาศัยอยู่เมืองใหญ่หลายที่ และก็เปลี่ยนสตรีหลายคนตามสถานที่ ที่เขาไปอาศัย แต่เขาไม่ยอมมีลูกกับคนอื่น จึงมีลูกแค่สามคนนี้ โดยทั้งสามคนไม่มีใครสนิทกับพ่อ มีเพียงเฉินฉีจือที่ได้ใช้ชีวิตในวัยเด็กร่วมกับพ่อมากที่สุด และพ่อมักจะติดต่อโทรหาพี่ชายอยู่เสมอ

เมื่อทุกคนกินข้าวอิ่ม เฉินฉีจือลังเลเล็กน้อยก่อนพูดบอกกับทุกคนว่า “เมื่อวานพ่อโทรมา บอกว่าถ้าเจียอิงได้รับใบแจ้งผลสอบและรู้วันรับปริญญาให้บอกพ่อด้วย พ่อจะมา”

เฉินเจียอิงเหลือบมองหน้าแม่ของตนก่อนจะเอ่ยเบาๆ “ผลสอบยังไม่ออก ก็คิดถึงเรื่องจะมารับปริญญาด้วยแล้ว”

เฉินชิงอิ๋งเห็นแม่ของตนเงียบขรึม จึงรีบพูดเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ “เป็นเพราะพ่อเขามั่นใจในความเก่งของแกไง เวลานี้พวกเรารอลุ้นแค่แกจะได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งหรืออันดับสองเท่านั้น อย่างไงแกก็เรียนจบอยู่แล้ว”

เฉินปิงเหยียนจึงหันมามองบุตรสาวคนเล็กด้วยความภูมิใจ “แม่คุยกับผอ.โรงพยาบาลเอาไว้แล้ว รอแกได้ใบประกอบโรคศิลป์ก็นำมายื่นสมัครงานได้เลย ต่อไปพวกเราสองแม่ลูกจะได้ทำงานที่เดียวกันแล้ว”

“แล้วนี่ผลสอบออกเมื่อไหร่ แกจะไปมหาลัยวันไหนพี่จะไปเป็นเพื่อนแกเอง จะได้ช่วยแกขนของที่หอพักกลับมาบ้าน”

“ผลสอบออกพรุ่งนี้ค่ะ เช็คผลสอบในเน็ตก็ได้ แต่ต้องไปรับใบคะแนนและสรุปวุฒิที่มหาลัย เพื่อเอาไปยื่นขอใบประกอบโรคศิลป์ค่ะ เป็นอาทิตย์หน้าพี่ชายจะว่างเหรอ”

“บอกวันมาก็พอ พี่บินมาแป๊บเดียว”

“ความจริงให้หนูขับรถไปเองก็ได้นะคะ พี่ไม่ต้องลำบากมาหรอก”

“ไม่เอา แกขับรถไม่แข็งพี่ไม่ไว้ใจ”

“ถ้าพี่ฉีจือไม่ว่างก็ไม่ต้องมาหรอก เดี๋ยวฉันให้ซานเป่ยขับรถพาเจียอิงไปก็ได้เมืองC ขับรถสามชั่วโมงก็ถึง” เฉินชิงอิ๋งเอ่ยถึงแฟนหนุ่ม

“แกก็ไปบงการชีวิตของแฟนแกเกินไป ยังไม่ถามเขาเลยว่าว่างหรือเปล่า แล้วค่อยมาบอกน้อง แล้วพ่อแม่เขาก็มาสู่ขอแกแล้ว แกก็ไม่ยอมแต่งงานกับเขาสักที” เฉินปิงเหยียน บ่นลูกสาวคนรอง

“งานของเขานั่งเขียนแบบอยู่ที่บ้าน ขับรถไม่กี่ชั่วโมงเขาว่างแน่นอน ส่วนเรื่องแต่งงานรอให้เจียอิงย้ายมาอยู่กับแม่ที่นี่ก่อน หนูถึงจะแต่งงานออกไป หนูเป็นห่วงไม่อยากให้แม่อยู่คนเดียวนี่คะ” เฉินชิงอิ๋งพูดเช่นนี้จึงเรียกรอยยิ้มจากทุกคนในห้องได้หมด

“แกก็แต่งงานแล้วชวนแม่ไปอยู่กับแกก็สิ้นเรื่อง หาข้ออ้างไปเรื่อย” เฉินฉีจือแขวะน้องสาวคนรองอย่างหมั่นไส้

“เอ๋ ถ้าทำอย่างนั้นเจียอิงก็ต้องอยู่บ้านคนเดียวนะสิ ทีนี้พี่นั่นแหละจะไม่สบายใจเอง” เฉินชิงอิ๋งเอ่ยแซว เพราะรู้ว่าในบรรดาพี่น้องฉีจือเป็นห่วงน้องสาวคนเล็กมากที่สุด เขาชอบบ่นบ่อยๆ ว่าไม่รู้ว่าเจียอิงเป็นน้องสาวของพวกเขาได้ไง ทั้งซุ่มซ่าม ไว้ใจคนง่าย จิตใจดีงามเกินไปจนโดนคนอื่นเอาเปรียบ ถ้าโดนคนอื่นหลอกไปทำอะไรไม่ดีก็คงเดินตามเขาไปอย่างให้ความร่วมมือเต็มที่อย่างแน่นอน

แต่สำหรับเฉินชิงอิ๋งแล้ว เจียอิงเป็นเด็กสาวที่มีจิตใจดี เพราะมีพี่สาวและพี่ชายคอยปกป้องมาโดยตลอด จึงไม่ค่อยเห็นความเลวร้ายของจิตใจคนอื่นเท่าไหร่ ดูอย่างเมื่อวาน คุยกันเรื่องนิยาย เจียอิงกลับไปสงสารชีวิตของตัวร้ายเสียอย่างนั้น ดังนั้นเฉินชิงอิ๋งและเฉินฉีจือจึงเป็นห่วงน้องสาวคนเล็กมากจริงๆ

สองวันต่อมาผลสอบของเฉินเจียอิงออกมา สรุปคือเจียอิงเรียนจบแล้วด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เฉินเจียอิงดีใจมากรีบโทรศัพท์ไปบอกพี่ชายด้วยเสียงตื่นเต้น ตามด้วยแม่และพี่สาว เมื่อวางสายคนทั้งสามเสร็จ เฉินเจียอิงมองภาพครอบครัวที่อยู่ครบทั้งห้าคน เวลานั้นเฉินเจียอิงอายุสามขวบยังจำอะไรไม่ได้ และภาพนี้ก็เป็นภาพเดียวที่พ่อกับแม่ยอมถ่ายรูปร่วมกัน ภาพที่เหลือเป็นตนเองถ่ายกับแม่และพี่ชายพี่สาว อีกภาพก็เป็นภาพของพ่อที่ถ่ายกับพี่ชาย พี่สาว และเจียอิง ส่วนใหญ่พ่อมักจะพาเจียอิงไปเที่ยวต่างเมืองเวลาเขาว่าง ซึ่งแน่นอนว่าแม่ไม่ยอมไปด้วย

เฉินเจียอิงลังเลเล็กน้อยก่อนจะโทรหาพ่อ เสียงสัญญาณรอสายดังนานอยู่หลายครั้งก่อนที่คนรับสายจะเป็นเสียงผู้หญิง “ยามนี้ท่านประธานไม่ว่างค่ะ เดี๋ยวจะเรียนท่านประธานให้นะคะว่าคุณหนูเจียอิงโทรมา” เจียอิงจึงวางสายด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยตนเอง ทุกครั้งพ่อจะเป็นฝ่ายโทรหาเวลาที่เขาว่างเท่านั้น แต่เวลาที่เจียอิงต้องการพูดคุยกับพ่อ เขาไม่เคยว่างเลย ตอนนี้เจียอิงเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่ถึงไม่ยอมติดตามพ่อไปทำงานทุกที่ ทำงานของตัวเองทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุขดีกว่าต้องคอยไปวิ่งตามคนอื่น

เฉินเจียอิง ปิดหน้าคอมประกาศผลสอบและเปิดอ่านเวบนิยายต่อ เรื่องหยกลายหงส์เคียงบัลลังก์ นางเอกกำลังเดินทางเข้าเมืองหลวง เฉินเจียอิงได้แต่ส่ายหน้าให้กับตัวร้าย ไม่ใช่นางเอกฉลาดมากแต่บทนี้นางร้ายโง่มากกว่า เจียอิงอ่านถึงบทที่พ่อของนางร้ายเข้ามาปกป้องบุตรสาว เฉินเจียอิงอ่านตรงนั้นวนซ้ำอยู่หลายรอบด้วยความประทับใจ