ตอนที่ 4 ตื่นมาในร่างอันไม่คุ้นเคย [1]
“กระบวนการประสานร่างเสร็จสมบูรณ์ จิตวิญญาณและร่างกายประสานเข้าด้วยกันร้อยเปอร์เซ็นต์ จากนี้จะเป็นการปลุกผู้ถือครองเอไออัจฉริยะหมายเลข 000246 ให้ตื่นขึ้น เริ่มต้นกระบวนการดึงสติ”
“เนื่องด้วยระบบป้องกันการแทรกแซงจากปัจจัยภายนอกจึงได้มีการปิดกั้นความรู้สึกและสติของผู้ถือครอง กระบวนการปลุกสติจะเริ่มขึ้นในอีก”
สิบ...เก้า...แปด...เจ็ด...สาม...สอง
หนึ่ง...
“เฮือก!!”
“กระบวนการปลุกสติเสร็จสิ้น ผู้ถือครองเยว่อิงยินดีต้อนรับกลับมา”
สิ้นสุดเสียงของต้าเกอ คนที่ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเอาแต่นอนนิ่งไม่ไหวติง ไม่ตื่นขึ้น ไม่ขยับตัว มีเพียงลมหายใจเข้าออกบ่งบอกว่ายังมีชีวิต บัดนี้เปลือกตาขยับเปิดขึ้นแล้ว
เยว่อิงนอนนิ่ง มีเพียงเปลือกตาขยับขึ้นลงสายตาเลื่อนลอยกวาดมองโดยรอบ ท่าทางดูเหม่อลอยไร้สติ ทว่าหลังผ่านไปราวหนึ่งห้านาทีความเลื่อนลอยเหล่านั้นพลันเปลี่ยนไป
ดวงตาปรือปรอยเริ่มกลับมามีชีวิตชีวา ก่อนจะตามมาด้วยความรู้สึกสงสัย ความสงสัยนั้นส่งผ่านไปยังต้าเกอ แล้วเสียงเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอก็ดังขึ้น
“จากการสำรวจตลอดเจ็ดวันที่ผ่านมา พบว่าจิตวิญญาณของอิงอิงเข้ามาอาศัยอยู่ในร่างของใครอีกคน พื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วยป่า ความมีชีวิตชีวาซึ่งเรียกกันว่า ธรรมชาติ ทว่าภูมิประเทศและโครงสร้างของเผ่าพันธุ์โดยรอบนี้กับไม่ตรงกับประวัติศาสตร์ใด ทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่าตอนนี้พวกเราอาศัยอยู่ในยุคสมัยใด”
“ต้าเกอ แค่ก ๆ” คนที่ขยับตัวลุกขึ้นยกมือขึ้นจับคอ ลำคอรู้สึกเจ็บแสบอีกทั้งน้ำเสียงยังแหบแห้ง
“เนื่องจากร่างกายไม่มีการขยับตัว ส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงเล็กน้อยทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย จะเริ่มกระบวนการกระตุ้นกล้ามเนื้อโปรดรอสักครู่”
สิ้นสุดเสียงประกายบางอย่างพลันแล่นปราดไปทั่วทั้งร่างราวกับโดนไฟช็อต ก่อนความเมื่อยล้าเหล่านั้นจะลดน้อยลง
คนพึ่งฟื้นเหยียดขาตรงยาว มือสองข้างค้ำอยู่บนพื้น ดวงตากวาดมองไปมา ขยับปลายเท้าทำความคุ้นเคย
“จากการวัดระดับความสัมพันธ์ในร่างกาย พบว่าร่างกายเริ่มขาดน้ำ อิงอิงจำเป็นต้องกินน้ำตอนนี้”
“ไปที่ไหน?” แม้จะยังสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เยว่อิงก็เลือกจะทำตามคำแนะนำของต้าเกออย่างว่าง่าย
ไม่ใช่ว่าเธอไม่ตื่นตระหนก แต่เพราะเธอยังมีต้าเกอจึงพอจะสงบสติได้ หากไม่มีอีกฝ่ายเธอคงสติหลุดไปนานแล้ว
สำหรับเยว่อิงนอกจากต้าเกอจะเป็นผู้ช่วยสารพัดประโยชน์แล้ว อีกฝ่ายยังเป็นเสมือนคนในครอบครัว เมื่อคิดได้ว่าเธอไม่ได้ตัวคนเดียว อาการตื่นตระหนกระคนหวาดระแวงเหล่านั้นจึงเบาบางลง
คนพึ่งตื่นขยับตัวลุกขึ้นก้าวเดินไปตามทางที่ต้าเกอบอก การปรากฏตัวของเธอเรียกความแปลกใจให้ผู้พบเห็น พวกเขาเอาแต่มองไปยังคนที่พึ่งจะตื่นขึ้นมาในรอบหลายวัน
แม้ช่วงแรกความรู้สึกของพวกเขาจะเต็มไปด้วยสงสัย อยากรู้อยากเห็น ทว่าพอเวลาผ่านไปความรู้สึกเหล่านั้นพลันเบาบางจนไม่เหลือความรู้สึกใด ถึงอย่างไรนางก็เป็นเพียงคนในเผ่าคนหนึ่ง ไม่ได้สำคัญต่อการคงอยู่ของเผ่ามากนัก จะอยู่หรือไปล้วนไม่มีผลกระทบใดต่อพวกเขา แล้วจะให้เอาเวลาในการหาอาหารไปสนใจนางซึ่งไม่มีประโยชน์อันใดจึงเป็นไปไม่ได้
แม้จะไม่สนใจมากนักว่าจะอยู่หรือตาย แต่เมื่อเห็นว่าฟื้นแล้วจึงอดมองด้วยความอยากรู้ไม่ได้
คนถูกมองไม่ได้สนใจสายตาเหล่านั้น นอกจากกวาดตามองเพียงครู่หนึ่งแล้วถอนสายตากลับมา สิ่งที่ได้จากการมองเพียงครู่หนึ่งคือจำนวนคนซึ่งมีไม่ถึงสิบคน และสายตาไม่เป็นมิตร
ดูเหมือนเธอจะไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบมากนัก...
ด้วยความสงสัยว่าจำนวนคนมีเท่านี้จริงหรือ หญิงสาวจึงเอ่ยถามต้าเกอถึงได้รู้ว่ามีคนที่จำนวนหนึ่งออกไปหาอาหาร
