ตอนที่ 3 แตกตื่น
“นางเป็นอันใด คงไม่ใช่ว่านางไปทำอันใดผิดจนถูกเทพแห่งสรรพสัตว์ลงโทษใช่หรือไม่?”
“เสียงนางดูเจ็บปวดมาก อาจจะเผลอไปทำอันใดให้ท่านเทพโมโหเข้าจริง ๆ พวกเราอย่าไปอยู่ใกล้นาง เพราะอาจจะโดนลูกหลงจากโทสะของท่าน”
“ไปเรียกท่านหัวหน้าเผ่ามา เรียกนักรบมา!!”
“นางจะตายหรือ? นางจะมาตายในกระโจมรวมไม่ได้ พวกเรายกนางออกไปดีหรือไม่”
“เจ้ากล้าจับหรือ? นางหากเกิดอาละวาดขึ้นมาแล้วทำร้ายพวกเราเล่า แล้วไหนจะโทสะของท่านเทพอีก เจ้ากล้าเข้าไปช่วยแบ่งรับหรือ” คนถูกถามส่ายหัวเป็นพัลวัน
“บางทีนางอาจจะไม่ได้โทษท่านเทพโมโห นางอาจแค่เจ็บปวด”
“เจ็บปวด? นางโดนอันใดถึงได้เจ็บปวดขึ้นมากลางดึก หากไม่ใช่โดนท่านเทพลงโทษสภาพนางคงไม่เป็นเช่นนี้ ปกติก็เป็นได้เพียงตัวภาระของเผ่า ไม่แปลกที่ท่านจะลงโทษในความไม่เอาไหนของนาง”
ผู้คนในกระโจมต่างคาดเดากันไปต่าง ๆ นานา ส่วนใหญ่ต่างคิดว่าที่นางเป็นเช่นนี้เพราะนางทำตัวนางเอง
สตรีตรงหน้าพวกเขาแต่ละวันมักไม่เคยทำประโยชน์อันใด ออกไปหาของป่าก็ได้กลับมาเพียงผลไม้ไม่กี่สิบลูก ระหว่างทำงานยังชอบบ่นว่าเหนื่อยไม่อยากทำงานแล้ว
พอนางกลายมาเป็นเช่นนี้จึงไม่มีใครนึกสงสารหรือเห็นใจ
พวกเขาทั้งหมดต่างทำเพียงยืนอยู่ห่าง ๆ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้คนที่ดิ้นไปมาข้างกองไฟเลย ทุกคนถอยมายืนชิดกระโจมกันหมด สายตามองตรงไปยังจุดเดียวกัน สายตาซึ่งเต็มไปด้วยความหวาดระแวง สงสัย และสมเพช
การที่นางเป็นเช่นนี้ทำพวกเขาไม่ได้หลับนอน เมื่อพระอาทิตย์ลอยเด่นเหนือท้องนภาพวกเขายังต้องออกไปทำงาน แต่กับต้องมาเสียเวลาอันมีค่าไปเพราะสตรีคนหนึ่ง ทำเอาหลายคนต้องการให้เทพแห่งสรรพสัตว์ลงโทษนางให้ตายตกไปเสียรู้แล้วรู้รอด
ตัวตนซึ่งถูกเรียกว่าเทพแห่งสรรพสัตว์สำหรับพวกเขาคือสิ่งสำหรับยึดเหนี่ยวจิตใจ ความเคารพยำเกรง ความศรัทธาอันแรงกล้า กลุ่มชนเผ่ามากมายล้วนมีความเชื่อตามเรื่องเล่าว่า คนที่ถูกเทพแห่งสรรพสัตว์ลงโทษร่างกายจะผิดแปลกไปจากปกติ สติปัญหาจะไม่เหมือนเดิม บ้างก็กลายเป็นจำใครไม่ได้ บ้างก็อาละวาดทำร้ายผู้อื่น บ้างก็สูญเสียพละกำลัง บ้างก็แข็งขาบิดเบี้ยว เรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้ฟังมาทำให้พวกเขาหวาดกลัว กลัวว่านางจะลุกขึ้นมาทำร้าย
คนในกระโจมหลังนี้หากไม่ใช่เด็กที่ไม่มีใครดูแล ต่างก็เป็นผู้อ่อนแอไม่สามารถออกไปล่าสัตว์ได้ทั้งนั้น เป็นกลุ่มคนที่ทำได้เพียงออกไปหาของป่ากลับมากินประทังชีวิต หรือรอรับการแจกจ่ายเนื้อจากกลุ่มล่าสัตว์
ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หญิงสาวข้างกองไฟ
หลังยืนหวาดระแวงได้ไม่นานนัก หัวหน้าเผ่าของพวกเขาได้ก้าวเข้ามาในกระโจมแล้ว
หัวหน้าเผ่าร่างกายอุดมสมบูรณ์ ผิวสีน้ำผึ้ง ใบหน้าติดอ่อนโยนแต่น่าเกรงขาม เขาก้าวเข้ามาภายในกระโจมอย่างมั่นคง ก่อนกวาดตามองผู้คนภายในกระโจมมาหยุดลงบนร่างกายบนพื้น
สีหน้านางบิดเบี้ยว เนื้อตัวเต็มไปด้วยดินจากการดิ้นรนไปมา ทำให้ดูไม่ออกว่าความจริงแล้วหน้าตางดงามหรือขี้ริ้วขี้เหร่ ร่างกายของนางบิดเกร็ง นิ้วหงิกงอ ส่งเสียงร้องลั่นกระโจมไม่หยุด
“เฟิงซือจับตัวนางไว้”
คนถูกสั่งก้าวไปหยุดยืนบริเวณส่วนศีรษะตัวต้นเหตุความวุ่นวาย เขาย่อตัวลงจัดการจับแขนทั้งสองข้างกดลงกับพื้น แรงที่สะท้อนกลับมาทำเขานึกประหลาดใจ สตรีผู้หนึ่งไม่คิดว่าจะมีแรงมาพอดันมือเขากลับมา ชายหนุ่มถึงเพิ่มแรงกดมือลงไปมากขึ้น จากนั้นใช้หัวเข่ากดลงบนหัวไหล่ทั้งสองข้าง ก่อนจะมือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายแนบพื้น
หัวคิ้วคนถูกเรียกว่าเฟิงซือขมวดเป็นปม หลุบตามองสำรวจใบหน้าอีกฝ่าย
“พวกเจ้าออกไปก่อน”
เหล่าคนที่รอฟังคำพูดนี้ต่างรีบก้าวออกจากกระโจมทันที ยกเว้นเพียงสตรีผู้หนึ่ง นัยน์ตานางทอประกายไม่น่าไว้ใจชั่วขณะยามมองตรงไปยังบุรุษบนร่างสตรี ก่อนจะถอนสายตาหันหน้าก้าวออกจากกระโจมไป
ภายในกระโจมจึงเหลือเพียงคนสองคนและหนึ่งตัวการ
หัวหน้าเผ่าก้าวเข้าไปใกล้ สำรวจสีหน้าและท่าทางของอีกฝ่าย ก่อนจะล้วงของบางอย่างออกมา ยัดเข้าใส่ปากเคี้ยว ๆ แล้วเป่าใส่คนบนพื้น
คนบนพื้นยังคงดิ้นรนขัดขืน ส่งเสียงดังจนพาทำให้รู้สึกวิงเวียน ถึงอย่างนั้นการกระทำของชายสูงวัยก็ยังดำเนินต่อไป ภายใต้การจับกดของเฟิงซือ
“ถึงผู้ใช้งานเอไออัจฉริยะหมายเลข 000246 ขณะนี้มีการก่อกวนเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการหลอมรวมจิตวิญญาณและร่างกาย เพื่อป้องกันไม่ให้ทุกอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุมของระบบจนส่งผลให้ผู้ใช้งานตกอยู่ในอันตราย ต่อจากนี้จะเริ่มทำการกระตุ้นและบรรเทาความเจ็บปวด ป้องกันการบุกรุกจากปัจจัยภายนอก”
สิ้นสุดเสียงความเจ็บปวดอันยากจะทานทนพลันทุเลาลง สีหน้าบิดเบี้ยว ร่างกายดิ้นพล่านเริ่มหยุดนิ่ง ก่อนจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม แม้ลมหายใจจะยังหนักหน่วง ทว่าร่างกายได้กลับมานอนนิ่งเช่นเดิมแล้ว
ต้าเกอได้เข้าจัดการทำให้ความเจ็บปวดลดน้อยลงโดยการกระตุ้นสารบางอย่างซึ่งคล้ายกับการฉีดยานอนหลับด้วยเกรงว่า หากยังปล่อยให้มีการแทรกแซงจากปัจจัยภายนอกจะส่งผลให้ผู้ใช้งานถูกรบกวนมากเกินไป
สองผู้มาใหม่เมื่อเห็นว่าอาการของนางไม่เหมือนคนกำลังถูกสิ่งชั่วร้ายเข้าทำร้ายจึงหยุดการกระทำ เฟิงซือขยับตัวลุกขึ้นยืน จ้องหน้านางอีกครั้งก่อนหันหลังเดินออกจากกระโจม
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นางเพียงถูกบางอย่างรบกวนตอนนี้สงบลงมากแล้ว” หัวหน้าเผ่ากวาดตามองลูกเผ่าพลางเอ่ย หลังได้ยินคำยืนยันจากเขาผู้คนหน้ากระโจมต่างพากันถอนหายใจโล่งอก ใบหน้าเผยรอยยิ้ม
“ท่านหัวหน้าเผ่าขอบคุณท่านมาก!!”
“สมแล้วที่เป็นหัวหน้าเผ่า”
“ท่านหัวหน้าเผ่าสุดยอด!!”
หลังความกังวลผ่านพ้นไปทุกคนต่างเอ่ยเยินยอหัวหน้าเผ่าของตน คนถูกเยินยอเพียงยิ้มรับก่อนเอ่ยขึ้นมาอีกประโยค
“เอาละ ๆ พวกเจ้ากลับเข้าไปด้านในได้แล้ว หากเกิดเรื่องเช่นนี้อีกก็อย่าได้แตกตื่นไป ส่งคนไปเรียกข้าเหมือนคราวนี้ก็พอ”
“เข้าใจแล้ว”
พวกเขาต่างพยักหน้าเข้าใจก่อนจะทยอยเดินเข้าไปในกระโจม ทำเหมือนว่าเมื่อสักครู่ไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้น
“เฟิงซือเจ้าเป็นอันใด? เหตุใดถึงได้มองเข้าไปในกระโจม”
“ไม่มีอะไร” ชายหนุ่มเอ่ยตอบ “ข้าขอตัวก่อน” กล่าวจบก็เดินผละจากไปทันที
การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาทำหัวหน้าเผ่ารู้สึกผิดปกติ แต่หลังจากได้เห็นท่าทางเช่นเดิมจึงไม่ได้คิดอะไร
ชายสูงวัยหันหลังมองกระโจมอีกครั้ง เมื่อมั่นใจแล้วว่าความวุ่นวายสงบลงแล้วจริง ๆ จึงก้าวเดินจากไป แตกต่างจากคนในกระโจม
หลังพวกเขาเข้ามาแล้วพบว่าท่าทางของเยว่อิงเป็นปกติ จึงรีบผลักนางไปชิดกระโจม ปล่อยให้นอนห่างจากคนอื่น ๆ
คนทั้งหมดนั่งจ้องมองนางอยู่เช่นนั้นนานหลายเค่อ ต้องการดูให้แน่ใจว่านางจะไม่ตื่นลืมตาขึ้นมาก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น
