บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

“ใช่ไหม”

“แล้วนี่พี่เอมคลอดหรือยัง” โสภิตาเอ่ยถามถึงอรสาขึ้นมาบ้าง เพราะมั่นใจว่ารติชาคงตามข่าวจากสามีเพื่อนรุ่นพี่อยู่เป็นแน่

“ยังเลย น่าจะใกล้แล้วละมั้ง”

“คลอดธรรมชาติใช่ไหม”

“อื้อ...เห็นว่าตั้งใจจะคลอดเอง”

“นับถือใจจริงๆ เพราะแค่คิดฉันก็เสียวตรงนั้นบอกไม่ถูก มันต้องกว้างขนาดไหนถึงจะให้เด็กคนหนึ่งคลอดมาได้” พูดไปแล้วโสภิตาก็ออกอาการขนลุกเบาๆ และใช่ว่ามีเพียงเธอเท่านั้นเพราะรติชาก็คล้อยตามเช่นกัน

“แกก็อย่าบิ้วสิ ฉันก็เสียวๆ อยู่” คนไม่เคยคลอดลูกออกอาการขนลุกตาม

“เออๆ งั้นเปลี่ยนเรื่อง แล้วนี่แกทำอะไรอยู่”

“แทะสลัด” ขณะเอ่ยตอบรติชาก็หยิบผักชิ้นโตเข้าปากจากนั้นก็เคี้ยวแล้วกลืนลงท้อง

“เป็นกระต่ายหรือไงยะ ถึงชอบกินผักนัก”

“ก็ชอบนี่ อร่อยออก”

“อร่อยตรงไหน” คนไม่ชอบกินผักรีบแย้ง แต่ถึงจะไม่ชอบกินแต่ก็ชอบปลูกให้คนอื่นกิน

“อร่อยตรงที่มันเป็นผักนี่แหละ คนไม่กินผักแบบแกไม่รู้หรอก”

“ไม่อยากรู้ เออ...เกือบลืมบอกอีกเรื่องไป”

“ทำไมหรือว่าแกจะแต่งงานเหรอ” รติชาแกล้งถามขึ้น ส่วนคนถูกแกล้งก็รีบแย้งทันทีเช่นกัน

“แต่งกับใครยะ”

“ก็แกพูดเหมือนจะเซอร์ไพรส์”

“ที่ฉันจะพูดคือฉันส่งอะโวคาโดจากสวนไปให้แกน่ะ”

“จริงเหรอ ปีนี้อะโวคาโดไร่แกแก่จนเก็บได้แล้วเหรอ” น้ำเสียงของรติชานั้นบ่งบอกว่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะเธอชอบไปที่ไร่ของโสภิตา

“แก่แล้ว สนใจมาปีนเก็บเหมือนปีก่อนๆ ไหมละ” เจ้าของสวนเอ่ยชวน

“สนใจ” แค่คิดรติชาก็นึกสนุกแล้ว เพราะทุกๆ ปีเธอจะหาเวลาไปช่วยโสภิตาเก็บอะโวคาโดที่ไร่เสมอ โสภิตาเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ที่สนใจทำเกษตรและพืชที่ศึกษาจนมีความรู้และนำมาปลูกคืออะโวคาโด ผลผลิตแต่ละปีถือว่าทำกำไรให้มากทีเดียว

แต่ในไร่ของโสภิตาไม่ได้มีแค่อะโวคาโดอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีผลไม้ชนิดอื่นๆ รวมถึงผักปลอดสารอีกหลายชนิด เรียกได้ว่าทุกอย่างที่ปลูกสร้างรายได้ให้แก่โสภิตาทั้งปี

“สนใจก็มา อาทิตย์หน้าหยุดยาวสามวันนี่มาได้ไหม”

“ขอดูอีกทีนะ ถ้าไปได้จะซิ่งน้องเรดไป” น้องแรดที่รติชาเอ่ยถึงคือรถมินิคูเปอร์คู่ใจ แต่อีกฝ่ายกลับแย้งเพราะไม่อยากให้เพื่อนขับรถทางไกลคนเดียว

“ซิ่งมาเพื่อ ไร่ฉันอยู่เชียงรายนะยะไม่ใช่ฝั่งธนที่แกจะขับรถข้ามสะพานไปกลับวันเดียวถึง นั่งเครื่องมาสิเดี๋ยวไปรับที่สนามบิน”

“นั่งเครื่องก็ดีประหยัดเวลาไปได้เยอะ”

“จะมาก็บอก โอเค้”

“โอเค” รติชาเอ่ยรับ ทั้งสองคนคุยกันต่ออีกนานก่อนที่รติชาจะตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ เมื่อสามีของอรสาส่งรูปมาให้ดูซึ่งมันคือรูปลูกของทั้งคู่ที่ตอนนี้คลอดอย่างปลอดภัยแล้วนั่นเอง โสภิตาพลอยดีใจไปด้วยก่อนจะคุยกับรติชาเรื่องของเยี่ยม โดยเธอฝากให้จัดการแทนเพราะอยู่ใกล้มากกว่าซึ่งอีกฝ่ายก็รับปากทันที

ประมาณสามทุ่มปิลันธน์จึงออกไปจากบริษัท ชายหนุ่มตรงกลับบ้านเช่นกันแต่เพราะเหนื่อยกับงานมาทั้งวันเขาจึงกินอะไรไม่ลง ปิลันธน์ตรงขึ้นห้องนอนเมื่อมาถึงก็วางกระเป๋าทำงานไว้บนเก้าอี้ เดินผ่านโซนแต่งตัวไปยังห้องน้ำจัดการเปิดน้ำอุ่นใส่อ่าง ระหว่างนั้นก็หันมาจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าบนตัวออกรวมถึงเครื่องประดับทุกชิ้น

ร่างสมส่วนที่มีความสูงเกือบร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ใบหน้าเรียบเฉยดูอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด นั่นเพราะหลายวันมานี้เขาทุ่มเวลาทั้งหมดไปกับโปรเจกต์ตัวใหม่ ปิลันธน์ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้กระจกเอียงซ้ายขวามองตัวเอง

กระทั่งระดับน้ำอุ่นในอ่างได้ที่จึงก้าวลงไปนอนแช่ในนั้น ปิลันธน์พาดแขนทั้งสองข้างไปกับขอบอ่างเอนหลังพิงพร้อมกับเงยหน้าขึ้นจากนั้นก็หลับตาปล่อยให้กระแสน้ำอุ่นโอบอุ้มร่างกายไว้ ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาหลายวันถูกบำบัดด้วยวิธีเรียบง่ายแต่มันก็ช่วยให้ชายหนุ่มสดชื่นได้ไม่น้อย ปิลันธน์ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำราวๆ หนึ่งชั่วโมงก็ออกมาใส่เสื้อผ้า จากนั้นก็ก้าวขึ้นเตียงพร้อมกับคว้าโทรศัพท์มากดดูงานอีกตามเคย แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเขาคือรูปทารกแรกคลอดลูกสาวของอรสา

ปิลันธน์จัดการสั่งของเยี่ยมและของใช้เด็กอ่อนจากเว็บไซต์พร้อมจัดแจงให้นำไปส่งจนถึงมือของอรสาที่โรงพยาบาล จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอนและหลับไปทั้งๆ ที่ในมือมีโทรศัพท์อยู่

เช้าวันที่สองของการไปทำงานแทนอรสา ทุกอย่างดูราบรื่นกว่าวันแรกมากแถมวันนี้รติชายังไปถึงที่ทำงานเร็วอีกด้วย ส่วนปิลันธน์นั้นเสียเวลารอรถคันใหม่เล็กน้อยเพราะคันที่ใช้อยู่ชายหนุ่มต้องส่งไปซ่อม

เมื่อมาถึงเขาก็ทักทายเธอเล็กน้อยจากนั้นก็เข้าห้องทำงานไป รติชาถูกเรียกไปพบปิลันธน์อธิบายเรื่องงานที่เธอต้องรับผิดชอบซึ่งงานพวกนี้อยู่นอกเหนือจากที่อรสาได้อธิบายไปเมื่อวาน ซึ่งเธอก็เข้าใจมันได้ในเวลาอันสั้น จากนั้นจึงกลับมานั่งทำงานที่โต๊ะ

กระทั่งพักเที่ยงแม่บ้านก็ยกมื้อเที่ยงเข้าไปเสิร์ฟให้ปิลันธน์ในห้องเพราะชายหนุ่มไม่ค่อยออกไปกินที่ไหน แต่เพราะชายหนุ่มไม่ชอบกลิ่นอาหารในห้องทำงานแม่บ้านจึงต้องเปิดหน้าต่างไว้ด้วย ส่วนรติชาที่ยังไม่รู้จักใครที่นี่ก็สามารถลงไปนั่งกินมื้อเที่ยงคนเดียวได้อย่างไม่รู้สึกเก้อเขินสายตาใคร จากนั้นก็แวะซื้อขนมติดไม้ติดมือมาสองสามอย่างเพื่อกินในช่วงบ่าย

“คุณกินข้าวเที่ยงแล้วเหรอ” เพราะเดินออกมาแล้วเจอกับรติชาเข้า ปิลันธน์จึงเอ่ยถามขึ้น

“ค่ะ”

“มีเพื่อนไปกินด้วยหรือเปล่า” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ทั้งๆ ที่เขาจะมองผ่านเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ไปก็ได้

“ไม่มีค่ะ ฉันไปกินคนเดียว”

“คนเดียว”

“ค่ะ...คนเดียว ทำไมหรือคะ”

“เปล่าครับ ไม่มีอะไร ถ้าไม่เป็นการรบกวนผมอยากได้ชาร้อนๆ สักแก้ว”

“ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการให้” รติชาเอ่ยรับเพราะการเป็นเลขานอกจากช่วยแบ่งเบาเรื่องงานแล้ว บางครั้งก็ต้องสวมบทเป็นคนเสิร์ฟน้ำชากาแฟให้เจ้านายด้วย ผ่านไปครู่ใหญ่รติชาก็นำชาร้อนๆ ไปเสิร์ฟให้ปิลันธน์ในห้องทำงาน ตอนเข้าไปในมือมีถ้วยชาแต่ตอนกลับออกมาถ้วยชาก็เปลี่ยนเป็นแฟ้มงานเสียแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel