บอสขา...อย่าพึ่งมารัก

44.0K · จบแล้ว
วรนิษฐา
29
บท
24.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

งานเลขาใครบอกว่าง่าย ไหนจะงานที่รัดตัว ไหนจะต้องจับแมลงให้เจ้านาย ไหนจะต้องจับงูให้เขาอีก เปลี่ยนยางรถยนต์ก็ต้องทำ คิดแล้วรติชาก็อยากร้องไห้ แต่เพราะงานเหล่านั้นทำให้เธอได้เป็นตัวของตัวเองแบบไม่ตั้งใจจนกระแทกหัวใจบอสเข้า บอสหนุ่มอย่างปิลันธน์จะขายขนมจีบเธอแบบไหนนะ

นิยายรักโรแมนติกประธานเลขาพระเอกเก่งจีบเมียเก่าบอสซึนเดเระเศรษฐีรักหวานๆ18+

บทที่ 1

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“เข้ามา” เสียงทุ้มดังออกมาจากในห้องทำงานเพื่ออนุญาตให้คนที่รออยู่เข้าไปได้ ไม่นานประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกจากนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินถือแฟ้มเอกสารตรงไปยังเจ้าของห้องที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่

“งบบัญชีค่ะบอส” เอ่ยจบก็วางแฟ้มลงบนโต๊ะแล้วขยับออกไปรอรับคำสั่งอยู่ไม่ไกล

“ขอบคุณมาก”

“ค่ะ”

“นี่คุณยังไม่ลาคลอดอีกเหรอ” ชายที่อีกฝ่ายเรียกว่าบอสเอ่ยถามขึ้น ก่อนจะละสายตาจากงานที่กำลังทำอยู่แล้วหันมองไปยังเลขาส่วนตัวที่ทำงานด้วยกันมาหลายปี แต่สิ่งที่สะดุดตาเขาได้มากคงเป็นหน้าท้องของเธอที่เมื่อก่อนแบนราบทว่าตอนนี้กลับนูนออกมามาก มากเสียจนเขากลัวว่าเธอจะเดินไม่ไหวเสียด้วยซ้ำ นั่นเพราะตอนนี้อรสากำลังตั้งครรภ์และคงใกล้คลอดเต็มที

“ยังค่ะ ตั้งใจว่าจะทำงานอีกสองอาทิตย์ค่อยลา”

“สองอาทิตย์ก็ครบกำหนดคลอดพอดีไม่ใช่หรือ ทำไมไม่ลาตั้งแต่ก่อนหน้านั้น” ปิลันธน์เอ่ยถามด้วยใบหน้าจริงจัง นั่นเพราะเขาอยากให้เลขามีเวลาเตรียมตัวรอคลอดมากกว่านี้

“อยากเก็บวันลาไปไว้ใช้กับตัวเล็กเยอะๆ น่ะค่ะ เอมกะว่าน้ำเดินก่อนค่อยลา”

“เอาจริง”

“จริงค่ะ” ว่าที่คุณแม่ตอบรับกลับมาอย่างหนักแน่น

“คุณลาคลอดมากกว่าสามเดือนผมก็ไม่ว่าอะไรนะ ผมเข้าใจ”

“ขอบคุณมากค่ะ บอสคะ เรื่องเลขาที่จะมาช่วยงานตอนที่เอมลา บอสตัดสินใจหรือยังคะว่าเลือกใคร” อรสาเอ่ยถามนั่นเพราะจนถึงตอนนี้ปิลันธน์ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องเลขาคนใหม่แต่อย่างใด ถามกี่ครั้งก็บอกว่าเขาทำงานเองไหว ทั้งๆ ที่อรสารู้ว่าเจ้านายเธอคนนี้งานยุ่งมากกว่าใคร

“ยัง”

“บอสต้องมีเลขานะคะ ไม่อย่างนั้นบอสจะไม่มีเวลาได้พักผ่อนหรือทำเรื่องส่วนตัวแน่ งานบอสจะท่วมหัว บอสอาจโหมงานหนักเกินไปแบบไม่รู้ตัวจากนั้นก็เกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันแล้วก็สู่ขิตเอาได้ แบบนั้นไม่ดีนะคะบอส” เพราะทำงานกันมานาน บทสนทนาบางครั้งจึงเกิดจากความสนิท

“คุณพูดมาขนาดนี้แล้ว ผมว่าผมคงต้องหาเลขาจริงๆ จังๆ แล้วล่ะมั้ง” ปิลันธน์ส่ายหน้าให้เลขาส่วนตัว เพราะรู้นิสัยกันดี นี่ถ้าไม่ติดว่าท้องโตใกล้คลอดความห้าวของอรสาหรือจะลด

“ที่ผ่านมาไม่มีใครที่บอสพอจะเลือกได้เลยหรือคะ”

“ไม่มี” บอสหนุ่มเอ่ยรับออกไป เท่าที่ได้พูดคุยกันเหมือนมีบางอย่างยังไม่ใช่ เพราะรู้สึกแบบนั้นเขาจึงยังไม่ได้เลือกใครมาทำงานหน้าที่แทนอรสา

“คือจะเป็นไปได้ไหมถ้าเอมจะแนะนำคนนอก”

“ใคร”

“เธอชื่อรติชาเป็นรุ่นน้องของเอมเองค่ะ เคยทำงานเป็นเลขามาก่อนแต่ตอนนี้ลาออกแล้ว”

“ทำไมถึงลาออก”

“มีแพลนไปต่างประเทศค่ะ ที่เอมแนะนำรุ่นน้องคนนี้เพราะเห็นว่าทำงานดี อีกอย่างคือเอมอยากกลับมาทำงานกับบอสเลยกลัวว่าคนอื่นจะเลื่อยขาเก้าอี้ตอนลาคลอดด้วยน่ะค่ะ” คำตอบของเลขาส่วนตัวทำให้ปิลันธน์เผลอหัวเราะออกมา ซึ่งเป็นกิริยาที่น้อยคนจะได้เห็นมัน

“ผมไม่ให้ใครมาเลื่อยขาเก้าอี้คุณได้ง่ายๆ หรอก ยังไงเราก็ต้องทำงานด้วยกัน”

“ขอบคุณนะคะบอส”

“งั้นก็ลองให้เข้ามาทำงานดู ถ้าภายในสองอาทิตย์นี้คุณโอนงานให้คุณรติชาได้ครบถ้วน ผมก็จะให้เธอทำงานจนกว่าคุณจะพร้อมกลับมา” แม้จะยอมแต่ปิลันธน์ก็วัดความสามารถของรติชาด้วยการเรียนรู้งานเช่นกัน

“ได้ค่ะ” อรสายิ้มกว้างออกมา นั่นเพราะเธอคิดว่ารติชาเหมาะกับงานนี้มากกว่าใครจริงๆ แม้จะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ ก็ตาม

หลังจากออกมาจากห้องทำงานของปิลันธน์ อรสาก็ต่อสายตรงหารุ่นน้องสาวทันที นั่นเพราะเธอเคยเกริ่นบอกกับรติชาไว้บ้างแล้วว่าอยากให้มาช่วยงานบอสตอนเธอลาคลอด เรื่องเงินเดือนหรือสวัสดิการอะไรไม่ต้องห่วงปิลันธน์ซัพพอร์ทให้อย่างเต็มที่อยู่แล้ว

“พี่รู้ว่าปิ่นกำลังยุ่งๆ ที่จะเตรียมตัวไปนอก แต่พี่ก็อดสงสารบอสไม่ได้จริงๆ นะ เพราะแค่พี่ท้องแก่ลุกนั่งไม่สะดวกบอสก็รับผิดชอบงานแทนจนแทบไม่มีเวลาส่วนตัวเลย ถ้าได้ปิ่นไปช่วยก็คงดีมากๆ แน่ แค่สามเดือนเอง แถมบอสพี่ก็ยังโสดแล้วก็หล่อมากด้วยนะ”

“เรื่องโสดกับหล่อไม่ใช่ประเด็นเลยค่ะ เพราะต่อให้ขี้เหร่หน้าปลาดุกชนเขื่อนปิ่นก็เต็มใจจะช่วยพี่เอมอยู่แล้ว” รติชาเอ่ยบอกนั่นเพราะแค่ไปช่วยงานระยะสั้นๆ เธอสามารถทำได้อยู่แล้ว สามเดือนก็แป๊บๆ ไม่ได้นานอะไร คิดเสียว่าไปเปิดประสบการณ์ก่อนบินไปต่างประเทศ

“สรุปนี่คือปิ่นตอบตกลงใช่ไหม”

“ค่ะ”

“แล้วจะให้พี่พูดชักแม่น้ำทั้งห้าทำไมจ๊ะ...หืม” คนท้องแก่ใกล้คลอดเป่าลมออกปากหนักๆ นั่นเพราะกลัวเหลือเกินว่ารติชาจะปฏิเสธ จึงหว่านล้อมจนคอแห้งไปหมดแล้ว

“ก็อยากฟังเสียงพี่เอมนี่คะ”

“พี่ก็พูดจบหอบหายใจแทบไม่ทันแล้วเนี่ย”

“โอ๋ๆ ปิ่นขอโทษ เอาเป็นว่าปิ่นเริ่มงานได้พรุ่งนี้เลยค่ะพี่เอม” เพราะอยากช่วยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว รติชาจึงใช้เวลาตัดสินใจไม่นาน

“ดีมากน้องรัก งั้นพรุ่งนี้มาเจอกันที่บริษัทแล้วกันนะ”

“ค่ะ” รติชาเอ่ยรับจากนั้นจึงวางสายจากรุ่นพี่สาวไป ส่วนอรสาก็ยิ้มกว้างพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก มั่นใจมากว่ารติชาสามารถแบ่งเบาภาระเรื่องงานให้ปิลันธน์ได้เป็นอย่างดี นอกจากเรื่องงานแล้วถ้าสองคนนั้นจะพัฒนาความสัมพันธ์ในเรื่องส่วนตัวอื่นๆ เธอก็เห็นว่าเหมาะสมกันดี

เพราะถึงแม้รติชาจะทำงานเป็นเลขาส่วนตัวกินเงินเดือนเหมือนคนทั่วๆ ไป แต่พื้นฐานของครอบครัวถือว่ามีฐานะมากเรียกได้ว่าเป็นเศรษฐีคงไม่ผิด ซึ่งมีแค่คนสนิทๆ เท่านั้นที่จะรู้เรื่องนี้ รติชาเรียนจบปริญญาตรีที่เมืองไทยจากนั้นก็บินไปเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอก จบก็กลับมาทำงานหาประสบการณ์ที่เมืองไทยและเหตุผลที่ไม่ได้กลับไปช่วยงานที่บ้านเพราะไม่ค่อยกินเส้นกับพี่สะใภ้ จึงออกมาทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองจนกระทั่งอิ่มตัวเลยตั้งใจว่าจะไปใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์แต่เงินในบัญชีอู้ฟู่อยู่ต่างประเทศ