บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 ซ้ำเติมกันอย่างโจ่งแจ้ง

เขาย้ายเปลวเพลิงไปไว้ใต้เตาหลอมโอสถทองสัมฤทธิ์ หลังจากเตาหลอมถูกเผาจนแดง จึงเติมน้ำเข้าไปเล็กน้อย แล้วเติมสมุนไพรเสริมพลังกับสมุนไพรล้ำค่าอื่น ๆ อีกหลายสิบชนิด แล้วต้มเคี่ยวอย่างช้า ๆ

ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน ฤทธิ์ยาของสมุนไพรเสริมพลังกับสมุนไพรล้ำค่าอื่น ๆ ก็ถูกสกัดออกมาเป็นยาน้ำสีน้ำตาลอมแดง

เย่เฉิงเฟิงจึงเร่งไฟแรงขึ้นพร้อมประสานอินไม่หยุด ตราผนึกสีแดงเข้มหลายสายถูกเขากดอัดเข้าไปในเตาหลอมโอสถ

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง เย่เฉิงเฟิงเหนื่อยจนเหงื่อท่วมศีรษะ ในขณะเดียวกันภายในเตาหลอมโอสถทองสัมฤทธิ์พลันเปล่งแสงสีแดงแสบตา พร้อมกลิ่นหอมของยาโชยแตะจมูก

“สำเร็จแล้ว!”

เย่เฉิงเฟิงเปิดเตาหลอมโอสถด้วยความตื่นเต้นดีใจ พบว่ายาเสริมพลังสีแดงอมน้ำตาลแปดเม็ดนอนอยู่ในนั้นอย่างสงบ

ตอนหยิบขึ้นมายังอุ่น ๆ อยู่เลย

เขาจึงรีบใช้ขวดหยกบรรจุมันไว้เรียบร้อย หยิบออกมาเพียงเม็ดเดียวแล้วทานลงไป จากนั้นก็ใช้พลังวิญญาณกลั่นฤทธิ์ยาให้กระจายตัว

วูบ!

ในชั่วพริบตา ปราณวิญญาณแผ่กระจายในกายเขาอย่างพลุ่งพล่านราวกับกระแสน้ำหลาก ทำให้เขารีบกระตุ้นเคล็ดวิชาบำเพ็ญ กลั่นปราณวิญญาณทั้งหมดให้กลายเป็นพลังวิญญาณแล้วสะสมไว้ในตันเถียน

“ฮู่ว ในที่สุดก็เพิ่มพลังวิญญาณได้มากเลย”

เย่เฉิงเฟิงค่อย ๆ พ่นปราณขุ่นในกายออกมาช้า ๆ ถึงได้มีเวลาจัดการกากยาในเตาหลอมโอสถ

แต่ในเวลานี้ ก็ปาเข้าไปเจ็ดโมงเช้าของวันรุ่งขึ้นแล้ว

พอเห็นเวลา เย่เฉิงเฟิงก็เปิดประตูห้องพุ่งตัวออกไป โบกแท็กซี่คันหนึ่งอย่างรวดเร็วแล้วมุ่งหน้าไปที่บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพหลินซื่อ

ถึงแม้จะรีบแล้ว แต่เย่เฉิงเฟิงก็ยังไปทำงานสายในวันแรกอยู่ดี

พอแผนกรักษาความปลอดภัยเช็คชื่อ เขาก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยใจที่ร้อนรน

“นายก็คือเย่เฉิงเฟิงที่มาใหม่?”

เมื่อหัวหน้ารปภ.เห็นท่าทางของเขา ก็กล่าวขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ทันที “ฉันไม่สนว่านายจะเข้าบริษัทผ่านเส้นสาย หรือเข้ามาด้วยความสามารถแท้จริงของตัวเอง! สรุปก็คือ การมาทำงานสายห้ามเกิดขึ้นในแผนกรักษาความปลอดภัยของเรา! วันนี้ถือว่านายเข้ามารายงานตัวครั้งแรก จะไม่ถือสาเอาความ แต่ถ้ามีครั้งหน้า ต้องลงโทษไม่มีการผ่อนผัน!”

“ข...ขอบคุณครับ”

เย่เฉิงเฟิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ในใจแอบลอบตำหนิ: “แผนกรักษาความปลอดภัยของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพหลินซื่อนี่แปลกจริง ๆ พนักงานคนอื่นเข้างานแปดโมง แต่แผนกรักษาความปลอดภัยต้องเริ่มงานล่วงหน้าครึ่งชั่วโมงไม่ว่าอย่างไรก็ตาม”

“ไปจุดปฏิบัติงานของแต่ละคนซะ เกิดเหตุอะไรขึ้นให้รายงานทันที”

หัวหน้ารปภ.โบกมือ ไล่ทุกคนให้แยกย้าย

“รายงานหัวหน้า ผมต้องไปที่ไหน?”

เย่เฉิงเฟิงเอ่ยถามด้วยความมึนงง

ได้ยินดังนั้น ใบหน้าของหัวหน้ารปภ.ก็ยิ้มร้ายกาจทันที แล้วยื่นปากไปทางทิศใต้ “ไปเฝ้าประตูใหญ่ซะ”

“แม่งเอ๊ย!”

พอเย่เฉิงเฟิงได้ยินก็หน้าเขียวปั๊ดทันใด เกือบจับหัวหน้ารปภ.คนนี้มาอัดหนึ่งยกแล้ว

ไอ้คนนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าจะแสดงความเหนือกว่าต่อหน้าพนักงานใหม่อย่างตน

แต่ลองคิดดูแล้วก็จริงแฮะ มีรปภ.มาใหม่คนไหนบ้างไม่ต้องเฝ้าประตู?

หลังจากเข้าใจแล้ว เย่เฉิงเฟิงก็รู้สึกสบายใจขึ้น จึงเดินไปถึงประตูใหญ่บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพหลินซื่อด้วยการนำทางของหัวหน้ารปภ.

“ตั้งใจทำงานล่ะ มีอะไรก็ใช้วิทยุสื่อสาร”

หัวหน้ารปภ.ตบบ่าเย่เฉิงเฟิง คีบบุหรี่ไว้ที่ปากแล้วเดินเต๊ะท่าจากไป

“ไอ้แม่ย้อยเอ๊ย!”

เย่เฉิงเฟิงชูนิ้วกลางใส่แผ่นหลังเขา แล้วก็ได้แต่หาที่นั่งลงในห้องเฝ้ายาม

จากนั้น เย่เฉิงเฟิงก็เห็นพนักงานบริษัทหลินซื่อเดินผ่านทางเล็ก ๆ หน้าห้องเฝ้ายามอย่างต่อเนื่อง เกิดอาการเหม่อลอย ถึงขั้นที่รถบีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์หกสีแดงคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูเลื่อนอัตโนมัติตั้งแต่เมื่อไรก็ยังไม่รู้

“ปี๊น!”

“ปี๊นปี๊น!”

เห็นว่าไม่เปิดประตู บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์หกก็เหมือนโกรธจัด บีบแตรรถติดต่อกัน

แต่ตอนที่เย่เฉิงเฟิงเหม่อลอย บอกได้เลยว่าไม่ได้งุ่มง่ามธรรมดา แม้ว่าเขาจะเห็นทั้งสองตาว่ามีบีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์หกคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูเลื่อนอัตโนมัติรอให้เขาเปิดอยู่ แต่เขาก็ยังเฉยเมย

พูดอีกอย่างก็คือ จิตใต้สำนึกของเย่เฉิงเฟิงไม่มีแนวคิดที่จะเปิดประตูให้คนอื่นเลย

พูดให้ชัดเจนคือ เขาไม่สนใจสถานะรปภ.เฝ้าประตู

“เป็นอะไรเนี่ย? ยังไม่เปิดประตูอีก?”

ประตูรถบีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์หกเปิดออก ขาเรียวสวยข้างหนึ่งโผล่ออกมา จากนั้นก็มีสาวสวยเซ็กซี่ในสูทตัวเล็กสีขาว สวมแว่นกันแดดผู้หนึ่งเดินลงมา

เธอผมยาวสลวยคลุมไหล่ ผิวขาวดุจหิมะ ใบหน้าไร้เครื่องสำอางที่งดงามล่มเมือง ประดับด้วยรอยยิ้มเรียบเฉยและมั่นใจตัวเอง

บนหน้าอกอวบอิ่มของเธอ มีบัตรพนักงานใบหนึ่งติดอยู่

เขียนไว้ว่า: ซีอีโอบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพหลินซื่อ หลินจื่อเวย

เห็นเธอลงจากรถแล้ว ประตูเลื่อนอัตโนมัติก็ยังไม่เปิดออก เธอจึงก้าวพรวดพราดมาที่ห้องเฝ้ายาม ไม่ถอดแว่นกันแดดออก ตบโต๊ะเย่เฉิงเฟิงที่กำลังเหม่อลอยเบา ๆ แล้วกล่าวอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “นี่นายเข้าเวรยังไง? ฉันบีบแตรตั้งนานแล้วประตูยังไม่เปิดอีก?”

“อย่าเสียงดังสิ กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่!”

เย่เฉิงเฟิงก็ไม่พอใจเช่นกัน ตอบโต้กลับไปโดยไม่คิด

“นายว่าไงนะ?”

สาวสวยในสูทตัวเล็กเกือบคิดว่าหูฝาด

“ฉันบอกว่า ทำไมต้องเปิดประตูให้เธอด้วย!”

เย่เฉิงเฟิงไม่สบอารมณ์สุด ๆ พึมพำกับตัวเองว่า “ใครจะไปรู้ว่าใช่อาชญากรผิดกฎหมายจากข้างนอกหรือเปล่า?”

“นาย...”

หลินจื่อเวยแทบหายใจไม่ทั่วท้อง อดไม่ได้ที่จะชี้ไปที่หน้าอกตัวเองแล้วตวาดใส่ “ดูให้ดี ฉันเป็นใคร!”

“ใครสนล่ะว่าเธอเป็นใคร! ผู้ที่ไม่แสดงตัวตน ก็ไม่เปิดให้ทั้งนั้นแหละ!”

ถึงแม้จะพูดแบบนั้น แต่เย่เฉิงเฟิงก็เผลอเหลือบมองหน้าอกอวบอิ่มที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรงโดยสัญชาตญาณ

วินาทีถัดมา เขาก็อ้าปากค้าง รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า

โอ้พระเจ้าช่วย!

ยังไม่ทันได้เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของหลินจื่อเวยเลย ก็ทำให้เธอเคืองเสียแล้ว!

“ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร?”

พอหลินจื่อเวยเห็นสายตาเขาเหลือบมองป้ายพนักงานบนหน้าอกตน ก็เข้าใจแจ่มแจ้งทันที ริมฝีปากแดงน่าดึงดูดพลันยิ้มหยันออกมาเล็กน้อย

“ป...ประธานหลิน”

เย่เฉิงเฟิงได้แต่ฝืนใจพูดขึ้น

“วันนี้มาทำงานวันแรกเหรอ?”

เหนือความคาดหมายของเย่เฉิงเฟิง หลินจื่อเวยไม่ได้ระเบิดโทสะ แต่เอ่ยถามอย่างสุขุมเยือกเย็น

“ครับ”

“ไปเรียกหัวหน้ารปภ.ของพวกนายมา”

หลินจื่อเวยถอดแว่นกันแดด เผยโฉมงามระดับล่มเมือง ราวกับฟ้าดินหม่นหมองลง

“ครับ”

เย่เฉิงเฟิงยังเดาไม่ออกว่าเธอวางแผนอะไรอยู่กันแน่ แต่ก็ยังคว้าวิทยุสื่อสาร เรียกหัวหน้ารปภ.มา

ในเวลาสั้น ๆ สองนาที หัวหน้ารปภ.คาบบุหรี่พลางวิ่งเข้ามาราวกับพายุหมุน

ตัวคนยังไม่ถึงห้องเฝ้ายาม เขาก็ตะโกนขึ้นมาอย่างหัวเสียว่า “เย่เฉิงเฟิง แกทำบ้าอะไรฮะ? มีเรื่องอะไรถึงคุยในวิทยุสื่อสารไม่ได้ ต้องให้ฉัน...”

พูดถึงตรงนี้ ก็หยุดชะงัก

หัวหน้ารปภ.ถึงได้สังเกตเห็นในตอนนี้ว่าข้างกายเย่เฉิงเฟิงมีหลินจื่อเวยยืนอยู่!

อีกทั้ง สายตาที่หลินจื่อเวยมองเขา ยังดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย

“จบแล้ว”

หัวหน้ารปภ.ร้องคร่ำครวญอยู่ในใจ

“นี่นายเป็นหัวหน้ารปภ.ได้ยังไงกัน?”

หลินจื่อเวยสวมแว่นกันแดดอีกครั้ง แล้วกล่าวอย่างไม่พอใจสุดขีด “ไม่สั่งงานพนักงานมาใหม่ให้ดี แม้แต่รถของฉันก็ยังเข้าไม่ได้! ถ้าหุ้นส่วนธุรกิจของเรามา จะถือกระบองไฟฟ้าไล่เขาไปหรือเปล่า?”

“ป...ประธานหลิน! ผ...ผมสั่งงานแล้วนะครับ”

หัวหน้ารปภ.บ่นโอดโอยไม่หยุด

“ไม่ครับ เขาไม่ได้สั่งอะไร”

เย่เฉิงเฟิงรีบแก้ตัว โดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

“นาย...”

“ก็ไม่ได้สั่งอะไรนี่นา!”

เย่เฉิงเฟิงแบมืออย่างไร้เดียงสา แสดงท่าทางซื่อ ๆ ตรงไปตรงมา “ผมเป็นแค่ทหารปลดประจำการ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าประตูเลื่อนอัตโนมัติเปิดปิดยังไง อาจเป็นเพราะผมมาทำงานวันแรก มาสายนิดหน่อย หัวหน้าเขาเหมือนจะมีอคติกับผมมาก พอส่งผมไปเฝ้าประตู เขาก็เดินออกไป ไม่ได้สอนอะไรเลย”

ซ้ำเติม!

ซ้ำเติมอย่างโจ่งแจ้งเลยนี่!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel