บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ถ้าแตะฉันอีก จะแต่งงานกับคุณ

“จริงสิเฉิงเฟิง นี่คือรถที่มอบให้นาย จอดอยู่ด้านล่าง คันสีเขียวทหาร”

ท่านอวิ๋นขัดจังหวะความคิดเย่เฉิงเฟิง แล้วหยิบกุญแจรถคันเก่าดอกหนึ่งออกมา

“แม่งเอ๊ย! ไอ้ตาเฒ่า กล้านักนะ!”

เย่เฉิงเฟิงชะโงกศีรษะลงไปดู พบว่าเป็นรถกระบะสีหลุดลอกอย่างรุนแรงคันหนึ่ง ตัวรถถูกชนจนบุบ ๆ เบี้ยว ๆ สภาพเละจนไม่มีชิ้นดี

เย่เฉิงเฟิงจึงกระตุกมุมปากอย่างแรง แทบระเบิดอารมณ์ตรงนั้นเลย

“อย่าโกรธเลยน่า นี่ก็เพื่อให้เข้ากับตัวตนใหม่ของนายไงล่ะ”

ท่านอวิ๋นหัวเราะฮ่า ๆ “ไม่งั้นละก็ ด้วยผลงานที่นายทำเพื่อประเทศชาติหลายปีมานี้ อย่าว่าแต่รถหรูเลย เครื่องบินส่วนตัวก็จัดสรรให้นายได้ แต่นายเคยเห็นรปภ.ทั่วไปขับเครื่องบินส่วนตัวกับรถหรูไปทำงานไหมล่ะ? ถึงเวลานายไปทำงาน ก็จะมีคำว่าเจตนาแอบแฝงเขียนอยู่เต็มหน้านาย”

“คุณจงใจทำให้ผมรู้สึกแย่อะ”

เย่เฉิงเฟิงด่าพร้อมรอยยิ้ม “รถเก๋งมือสองต่อให้แย่แค่ไหนก็ยังดีกว่ารถกระบะเน่า ๆ หรือเปล่า? ผมไม่ขับไอ้รถพัง ๆ คันนี้หรอกนะ สู้เป็นคนไม่มีรถน่าจะเหมาะกับตัวตนใหม่ของผมมากกว่า”

“แน่ใจ?”

รอยยิ้มบนหน้าท่านอวิ๋นกลายเป็นหยอกเย้าทันที “หลายปีมานี้เมืองฮู่มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่มียานพาหนะน่าจะเดินทางลำบากนะ”

“งั้นผมก็โบกรถ เบียดรถเมล์ยังมีเกียรติกว่าขับรถกระบะเน่า ๆ คันนั้นอีก!”

เย่เฉิงเฟิงส่งกุญแจรถคืนให้ท่านอวิ๋นทันที แล้วหันตัวไปอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม “ผมไม่เชื่อหรอกว่ากลุ่มคนที่ไม่มีรถจะใช้ชีวิตไม่ได้! ถ้าต้องขับรถกระบะเน่า ๆ คันนั้น สาว ๆ ต้องตกใจวิ่งหนีกันหมดแน่ ผมยังไม่ได้แต่งงานเลยนะเว้ย!”

“ก็ดี งั้นฉัน...ขอให้นายประสบความสำเร็จก็แล้วกัน”

ท่านอวิ๋นยิ้ม ไม่ลืมที่จะเอ่ยเตือนหนึ่งประโยค “จำไว้ล่ะว่าต้องออกเดินทางแต่เช้า เมืองหลวงไปเมืองฮู่ไกลหลายพันกิโลเมตร ไกลมากเชียวนะ”

“ห่วงตัวเองเถอะครับ ไอ้ตาเฒ่าเอ๊ย”

เย่เฉิงเฟิงกล่าวโดยไม่หันกลับมา “กาแฟอย่าดื่มเยอะเกินไป ตอนกลางคืนก็อย่าอดนอนล่ะ”

พูดประโยคนี้จบ เย่เฉิงเฟิงก็ปิดประตูห้องดัง “ปัง”

“ผู้บังคับบัญชาเย่ คุยเรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ?”

เหยียนอี๋เยว่เฝ้าอยู่หน้าประตูตลอด

“อืม เจรจาเรียบร้อยแล้ว ไปกันเถอะ ออกเดินทางไปเมืองฮู่กับฉัน”

เย่เฉิงเฟิงเบ้ปาก แล้วเล่าภารกิจของท่านอวิ๋นในครั้งนี้ให้เหยียนอี๋เยว่ฟังคร่าว ๆ หนึ่งรอบ แล้วยื่นมือออกไป “เอากุญแจรถให้ฉัน”

“……”

ถึงแม้เหยียนอี๋เยว่จะตัดสินใจไว้แล้วว่าต่อไปนี้จะไม่ให้กุญแจรถกับไอ้หมอนี่อีก

แต่ถึงเวลาที่เย่เฉิงเฟิงขอกุญแจรถจากเธอจริง ๆ เธอก็ต้องมอบให้ด้วยความหงุดหงิด และตามเย่เฉิงเฟิงขึ้นทางด่วน มุ่งหน้าไปยังเมืองฮู่

แต่สิ่งที่ทำให้เหยียนอี๋เยว่ไว้วางใจอย่างรวดเร็วก็คือ คราวนี้เย่เฉิงเฟิงขับพุ่งทะยานเพียงสองชั่วโมง จากนั้นก็พูดว่า “เสี่ยวเยว่เยว่ เธอมาขับเถอะ ฉันขอพักสักครู่”

“อืม หาที่จอดก่อนค่ะ”

เหยียนอี๋เยว่พยักหน้า ในใจคิดว่าให้ผู้บังคับบัญชาอย่างคุณมาขับรถให้ฉันอยู่ตลอด ก็รู้สึกลำบากใจอยู่เหมือนกัน

“จอดทำไม? เปลี่ยนที่นั่งกันเลยก็ได้นี่?”

เย่เฉิงเฟิงกลอกตาใส่ กระดิกนิ้วแล้วพูดขึ้น “เธอมานั่งตักฉันก่อน แล้วจับพวงมาลัยไว้ ฉันค่อยส่งคันเร่งให้เธอก็ใช้ได้แล้ว”

“แต่...”

ใบหน้าสวยของเหยียนอี๋เยว่พลันแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง

ให้เธอไปนั่งตักเย่เฉิงเฟิง ต้องทำให้เธออับอายแค่ไหนกันเนี่ย?

“เร็วหน่อยสิ! ถนนเป็นทางตรงพอดี ด้านหลังเป็นทางโค้งเปลี่ยนที่นั่งลำบาก รถขับเร็วขนาดนี้จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย”

“อ้อ”

ถึงแม้เหยียนอี๋เยว่จะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่สุดท้ายก็กลั้นความเขินอายในใจ แล้วย้ายจากตำแหน่งเบาะข้างคนขับไปยังเบาะคนขับอย่างระมัดระวัง นั่งลงบนตักเย่เฉิงเฟิงเต็ม ๆ

“จับพวงมาลัยให้แน่นนะ”

เย่เฉิงเฟิงเอ่ยเตือน แล้วส่งพวงมาลัยให้เธอ

ถัดมาก็ส่งคันเร่งให้เธอด้วย

แต่สิ่งที่ทำให้สีหน้าเหยียนอี๋เยว่แดงกว่าเดิมคือ เย่เฉิงเฟิงไม่คิดที่จะขยับไปเบาะข้างคนขับเลย นี่มันทำให้เธอกระอักกระอ่วนเกินบรรยาย

ขณะนี้ ท่าทางของเธอกับเย่เฉิงเฟิงนั้นชวนให้คิดลึกมากแค่ไหนก็แค่นั้นเลยแหละ

ดังนั้น ด้วยอารมณ์ที่เขินอาย เหยียนอี๋เยว่จึงพูดขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ว่า “ผ...ผู้บังคับบัญชาเย่ ทำไมคุณยังไม่ย้ายที่อีก?”

“เธอเอาก้นทับฉันอยู่ตลอด ฉันจะขยับยังไง?”

เย่เฉิงเฟิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ที่เขาไม่ขยับ เป็นเพราะกำลังรอให้เหยียนอี๋เยว่ขยับบั้นท้ายงอนขึ้นเล็กน้อย แบบนั้นเขาจะถอนตัวออกมาได้

“อ่า...งั้นฉัน...”

เหยียนอี๋เยว่เพิ่งรู้สถานการณ์ในตอนนี้ ใบหน้างดงามก็แดงก่ำราวกับมีเลือดซึมทันที ใจเต้นระรัวราวกับเสียงกลองกระหน่ำ

โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เหยียนอี๋เยว่ก็รีบยกบั้นท้ายงอนขึ้น จะได้ให้เย่เฉิงเฟิงถอนตัวออกมา

“เอาน่า เธอเลิกเขินได้แล้ว ไม่ใช่ไม่เคยจับก้นเธอสักหน่อย”

เย่เฉิงเฟิงกล่าวโดยไม่เกรงใจพร้อมกับคว้าบั้นท้ายกลมกลึงเด้งงอนเธออีกหมับ ก่อนจะขยับไปนั่งเบาะข้างคนขับ

“ผู้บังคับบัญชาเย่!”

หลังจากเหยียนอี๋เยว่นั่งลงไป ก็ขับรถพลางบ่นอย่างงอน ๆ ไปด้วย “ต่อไปคุณ...ต่อไปถ้าคุณมาจับก้นฉันอีก ฉันจะ...ฉันจะ...ฉันจะ...”

พูดถึงตรงนี้ เหยียนอี๋เยว่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดต่อไปอย่างไร

ทุกครั้งที่เย่เฉิงเฟิงจับก้นเธอ เธอจะพูดประโยคแบบนี้เสมอ แต่เหมือนว่าจะไม่ได้ผลเลย!

“เธอจะอะไรฮะ?”

เย่เฉิงเฟิงหัวเราะหึ ๆ แล้วปรับเบาะเอนตัวนอน

“ฉันจะ...ฉันจะแต่งงานกับคุณ!”

เหยียนอี๋เยว่รวบรวมความกล้า แล้วกล่าวออกมาอย่างดุดัน

“เอ่อ ขู่แรงดีแฮะ”

เย่เฉิงเฟิงกระตุกมุมปาก ไม่รู้ควรตอบเธออย่างไรไปชั่วขณะหนึ่ง

โดยไม่รู้ตัว รถแลนด์โรเวอร์ เรนจ์โรเวอร์รุ่นใหม่ก็ขับเข้าไปในโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งที่เมืองฮู่แล้ว

หลังจากเหยียนอี๋เยว่เปิดห้อง ก็พูดกับเย่เฉิงเฟิงว่า “ผู้บังคับบัญชาเย่ คุณพักผ่อนที่โรงแรมก่อนสักคืน พรุ่งนี้รอคุณทำงานกลับมา ฉันน่าจะช่วยคุณหาบ้านพักเรียบร้อยแล้ว”

“เรียกฉันว่าเฮียเย่ ไม่ก็เฮียเฉิงเฟิงเถอะ”

เย่เฉิงเฟิงหัวเราะเจื่อน ๆ “เวลาอยู่ในที่สาธารณะ อย่าเรียกฉันว่าผู้บังคับบัญชาแบบนี้ แล้วก็ต่อไปตอนออกมาเจอฉัน ต้องใส่ชุดลำลองเท่านั้น”

“อืม เฮียเฉิงเฟิง”

เหยียนอี๋เยว่พยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย

“ไปเถอะ พรุ่งนี้บ่ายเจอกัน”

เย่เฉิงเฟิงโบกมือ แล้วเดินเข้าห้องตามลำพัง

หลังจากอาบน้ำอุ่นอย่างผ่อนคลายแล้ว เย่เฉิงเฟิงก็เปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าแห้งสบายตัวชุดหนึ่ง จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิเริ่มฝึกบำเพ็ญ

โลกในปัจจุบัน ปราณวิญญาณเบาบางลงมาก เย่เฉิงเฟิงฝึกบำเพ็ญไปสี่ห้าชั่วโมงเต็ม ถึงรู้สึกว่าพลังวิญญาณตันเถียนเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย

เขาจึงไม่พอใจอย่างมาก จึงหยิบเตาหลอมโอสถทองสัมฤทธิ์ออกมาจากในแหวนเก็บของ ยังมีสมุนไพรเสริมพลังที่ท่านอวิ๋นให้มา รวมถึงสมุนไพรล้ำค่าอื่น ๆ อีกหลายสิบชนิด ตั้งใจจะหลอมยาเสริมพลังที่ใช้สำหรับฝึกฝน

บำเพ็ญเซียนในช่วงสิบมานี้ ทรัพยากรบำเพ็ญเซียนที่เขาสะสมไว้ ที่จริงแล้วนอกจากแหวนเก็บของวงนี้ที่ใช้ความพยายามอย่างมากถึงจะเก็บรวบรวมวัตถุดิบและหลอมได้สำเร็จ อีกทั้งเหลือพื้นที่ไม่ถึงสิบลูกบาศก์เมตร ก็มีแค่เตาหลอมโอสถทองสัมฤทธิ์ที่ไม่รู้มาจากปีไหนเตานั้น

ส่วนสมุนไพรวิเศษกับโอสถทิพย์ ล้วนถูกเขาใช้ฝึกฝนไปจนหมดแล้ว เหลือเพียงวัตถุดิบหลอมอาวุธเกรดต่ำที่กระจัดกระจายบางส่วน

“สิ้นเนื้อประดาตัวจริง ๆ เชียว! ถ้าอยู่บนดินแดนบำเพ็ญเซียนของผู้อาวุโส ฉันคงเหยียบกระบี่เหาะเหินอย่างอิสระไปแล้ว”

จู่ ๆ เย่เฉิงเฟิงก็รู้สึกปรารถนาต่อดินแดนบำเพ็ญเซียนอย่างแรงกล้า

มรดกบำเพ็ญเซียนของเขา ได้มาจากผู้อาวุโสที่บังเอิญลงมายังโลกมนุษย์ ผู้อาวุโสท่านนั้นก็คือคนที่มาจากดินแดนบำเพ็ญเซียน

ผ่านความทรงจำมากมายมหาศาลของผู้อาวุโสช่วงจะสิ้นลมหายใจ เย่เฉิงเฟิงในฐานะมนุษย์โลกแม้ว่าจะไม่เคยไปดินแดนบำเพ็ญเซียนมาก่อน แต่ก็เหมือนไปมาแล้ว เข้าใจสภาพแวดล้อมดินแดนบำเพ็ญเซียนเป็นอย่างดี

เทียบกับปราณวิญญาณอันเบาบางบนโลกแล้ว ดินแดนบำเพ็ญเซียนนั้นชนะโลกอย่างขาดลอย

ในขณะเดียวกันทรัพยากรบำเพ็ญเซียนก็อุดมสมบูรณ์มาก สมุนไพรวิเศษเกรดต่ำอย่างสมุนไพรเสริมพลัง แค่สุ่ม ๆ เข้าไปในภูเขาลึกสักแห่งก็เก็บได้หลายต้นแล้ว

“ช่างเถอะ ตั้งใจหลอมโอสถฝึกบำเพ็ญดีกว่า ไม่คิดเรื่องไร้สาระพวกนั้นแล้ว”

เย่เฉิงเฟิงถอนหายใจ ทันใดนั้นบนฝ่ามือก็ปรากฏเปลวเพลิงสีแดงเข้มกระเพื่อมไหว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel