บทที่ 4 บอดี้การ์ดส่วนตัวของซีอีโอสาวสวย
“เฉิงเฟิง”
เสียงหนึ่งซึ่งชราวัยแต่ทรงพลังเต็มเปี่ยม ดังขึ้นจากระเบียงห้องชุดเพรสซิเดนเชียลสวีท
เย่เฉิงเฟิงเดินไปตามเสียง เห็นเพียงชายชราสวมเครื่องแบบทหารคนหนึ่ง ขณะนี้กำลังนั่งที่ระเบียงตามลำพัง มองดูรถราวิ่งขวักไขว่ด้านล่างตึกสูง
“ตาเฒ่า!”
เย่เฉิงเฟิงหัวเราะหึ ๆ ขณะเดินไปหา เห็นว่าด้านข้างเตรียมที่นั่งไว้หนึ่งที่ จึงนั่งลงอย่างไม่เกรงใจ
“การเดินทางราบรื่นไหม?”
ชายชราที่ถูกเรียกว่าตาเฒ่า ความจริงแล้วเป็นผู้นำสูงสุดของมังกรแฝงหงส์เร้นองค์กรลับของรัฐบาลหัวเซี่ย นามว่าท่านอวิ๋น
ส่วนเย่เฉิงเฟิง เป็นหัวหน้าครูฝึกมังกรแฝงหงส์เร้นควบคู่ตำแหน่งหัวหน้าหน่วยมังกรแฝง มียศพลเอก เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา
แต่เย่เฉิงเฟิงไม่ได้ปฏิบัติกับท่านอวิ๋นในฐานะหัวหน้ากับลูกน้องเลย ทั้งคู่เป็นกันเองมาก
“ราบรื่นกับผีน่ะสิ เจอกลุ่มผู้ก่อการร้ายลัทธิสัจธรรมจี้เครื่องบิน”
เย่เฉิงเฟิงกลอกตาใส่
“ลงจอดปลอดภัยก็ดีแล้ว”
ท่านอวิ๋นหัวเราะเบา ๆ ไม่ต้องถามกระบวนการเลย ก็สามารถเดาเหตุการณ์คร่าว ๆ ออก
“ว่ามาสิ คราวนี้มีเรื่องอะไร ผมยุ่งมาก”
เย่เฉิงเฟิงจุดบุหรี่หนึ่งมวน แล้วสูดเข้าไปเต็มปอด
“ไปคุ้มกันคนคนหนึ่ง ไม่มีกำหนดเวลา และห้ามให้เธอรู้ชั่วคราวว่านายถูกส่งมาจากรัฐบาล”
ท่านอวิ๋นหยิบแฟ้มเอกสารกองหนึ่งขึ้นมาจากโต๊ะชาข้าง ๆ วางใส่มือเย่เฉิงเฟิงอย่างนุ่มนวล ถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนกล่าวอย่างจริงจังว่า “เธอชื่อหลินจื่อเวย เป็นซีอีโอบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพหลินซื่อ”
“จำเป็นขนาดนั้นเลย?”
เย่เฉิงเฟิงพลิกดูข้อมูลเล็กน้อย ในนั้นนอกจากแนะนำข้อมูลเบื้องต้นของหลินจื่อเวย รวมถึงความชอบโดยทั่วไปและนิสัยการใช้ชีวิตแล้ว ก็ไม่มีอย่างอื่น
เขาถึงได้ไม่เข้าใจ
ในฐานะหัวหน้าครูฝึกมังกรแฝงหงส์เร้น เย่เฉิงเฟิงไม่กล้าพูดว่าเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า แต่ในแวดวงทหารทั่วประเทศหัวเซี่ย เขายังไม่เคยเจอคนที่ต้านเขาได้เกินสามกระบวนท่าเลย
ด้วยเหตุนี้ ท่านอวิ๋นต้องการให้เขาที่มีสถานะและฝีมือแบบนี้ ไปคุ้มกันซีอีโอสาวสวยที่อย่างมากก็แค่สวยและเข้าใจด้านการบริหารบริษัท มันเกินไปหน่อยไหม?
แถมไม่กำหนดระยะเวลา และไม่ให้เธอรู้อีกว่าตนมาจากรัฐบาล!
ดูท่าแล้ว ซีอีโอสาวสวยคนนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยต้อนรับคนจากรัฐบาลสินะ
“ข้อมูลที่เปิดเผยก็มีแค่นี้แหละ”
ท่านอวิ๋นหัวเราะหึ ๆ “แต่ข้อมูลลับ ๆ นายต้องไปค้นหาเอง เพราะที่นี่คือโรงแรม ฉันกลัวกำแพงจะมีหู เลยพูดกับนายมากไม่ได้ สรุปก็คือจะให้นายไป ไม่มีทางส่งคนเก่งไปทำงานง่าย ๆ อยู่แล้ว ฉันยังแอบห่วงว่านายจะรับมือไม่ไหวด้วยซ้ำ”
“เวอร์ขนาดนี้เชียว?”
เย่เฉิงเฟิงอุทานออกมาเบา ๆ อย่างกลั้นไม่อยู่ สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เขารู้จักนิสัยของท่านอวิ๋นดี ไม่เคยล้อเล่นกับเรื่องภารกิจเลย
กล่าวคือ หากท่านอวิ๋นยืนยันว่าภารกิจนี้มีความยากสำหรับเย่เฉิงเฟิง ก็แสดงว่าต้องยากจริงๆ
หรือว่าซีอีโอสาวสวยที่ชื่อหลินจื่อเวย เป็นคนที่เข้ากับคนอื่นยากเหรอ?
แต่แค่นี้ไม่มีทางทำให้ท่านอวิ๋นเคร่งเครียดขนาดนี้สิ!
เย่เฉิงเฟิงเรียกได้ว่าคิดเท่าไรก็ไม่เข้าใจ
“ไปเถอะ ตัวตนใหม่ของนายคือทหารปลดประจำการ ยังใช้ชื่อเย่เฉิงเฟิงเหมือนเดิม”
ท่านอวิ๋นยื่นซองเอกสารออกมาหนึ่งซอง “ในนี้ นอกจากเอกสารระบุตัวตนนายแล้ว ยังมีสมุนไพรเสริมพลังหนึ่งต้น เป็นค่าตอบแทนล่วงหน้าให้นาย หลังจากนี้จะได้อย่างน้อยเดือนละต้น ถ้าหาไม่ได้จะให้นายไปเลือกชิ้นอื่นจากที่หอสมบัติแทน รับรองว่านายจะต้องพึงพอใจ ส่วนเหยียนอี๋เยว่จะคอยเป็นคนช่วยเหลือนายลับ ๆ”
“ตกลง!”
เย่เฉิงเฟิงเปิดซองเอกสารดู รู้สึกถึงปราณวิญญาณเข้มข้นแผ่ออกมาจากสมุนไพรเสริมพลังทันที จึงตอบตกลงโดยไม่ลังเล ไม่แม้แต่จะถามรายละเอียดของภารกิจ
สำหรับภารกิจ เขาไม่เคยสนอยู่แล้วว่ามันจะยากแค่ไหน
สิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุด จริง ๆ แล้วก็คือรางวัลภารกิจ!
ถึงจะบอกว่าเขาเป็นมือขวาของท่านอวิ๋น เป็นพลเอกแห่งประเทศหัวเซี่ย เป็นหัวหน้าครูฝึกมังกรแฝงหงส์เร้นควบคู่ตำแหน่งหัวหน้าหน่วยมังกรแฝง แต่ที่จริงแล้วพวกนี้ล้วนเป็นตำแหน่งที่ท่านอวิ๋นเตรียมไว้เพื่อล่อลวงเขาให้มาเข้าร่วม
พูดตามความจริง ระหว่างเย่เฉิงเฟิงกับท่านอวิ๋น หรือจะพูดว่าระหว่างรัฐบาลหัวเซี่ยก็ได้ ความจริงแล้วเป็นความสัมพันธ์แบบจ้างวาน
รัฐบาลหัวเซี่ยให้เงินให้ทรัพยากร เย่เฉิงเฟิงก็ช่วยจัดการบางเรื่องที่รัฐบาลหัวเซี่ยไม่เหมาะที่จะออกหน้าเอง
อาทิเช่น กำจัดสายลับศัตรู ขโมยเอกสารสำคัญของศัตรู ลอบสังหารผู้บัญชาการของศัตรู เป็นต้น
ก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน
เย่เฉิงเฟิงคือผู้บำเพ็ญเซียน และมีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นคนเดียวในโลก
แน่นอนว่านี่ยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
ประเด็นสำคัญคือ โลกในปัจจุบันเต็มไปด้วยมลพิษหลากหลาย ทำให้ปราณวิญญาณใกล้หมดสิ้น ทรัพยากรสำหรับบำเพ็ญเซียนหายากเหลือเกิน
และที่บังเอิญก็คือ ทรัพยากรสำหรับบำเพ็ญเซียนส่วนใหญ่กับทรัพยากรสำหรับฝึกวิทยายุทธโบราณ แท้จริงแล้วมีประโยชน์ใกล้เคียงกันมาก แต่เย่เฉิงเฟิงดันวุ่นกับการบำเพ็ญเซียน ไม่ค่อยมีเวลาไปตามหา
ถึงจะมีเวลาไปตามหา เขาก็มีแค่คนเดียวอยู่ดี ประสิทธิภาพจึงมีจำกัด
ฉะนั้นแล้ว เขาในฐานะจอมยุทธโบราณ จึงเข้าร่วมมังกรแฝงหงส์เร้นแห่งหัวเซี่ย แล้วพึ่งพลังของรัฐบาลช่วยค้นหาทรัพยากรบำเพ็ญเซียน
นี่ก็นับว่าวิน-วินทั้งสองฝ่ายแหละ
“จริงสิ เกือบลืมบอกนายไป หลินจื่อเวยกับตงฟางเสวี่ยเป็นเพื่อนร่วมรุ่นและเป็นเพื่อนสนิทกัน สำนักงานใหญ่ของบริษัทตั้งอยู่ที่เมืองฮู่ บ้านเกิดของนาย”
จู่ ๆ ท่านอวิ๋นก็หัวเราะร้ายกาจก่อนจะพูดขึ้น
“ตาเฒ่านี่คุณ...”
เย่เฉิงเฟิงได้ยินถึงตรงนี้ ก็รู้สึกได้ทันทีว่าตกหลุมพรางเข้าแล้ว
ถ้าท่านอวิ๋นบอกข้อมูลนี้ล่วงหน้า เขาอาจจะไม่รับภารกิจนี้ก็ได้
หลินจื่อเวยไม่มีอะไรหรอก เย่เฉิงเฟิงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอเลย
แต่ตงฟางเสวี่ยเนี่ยสิ...
ทันใดนั้นเย่เฉิงเฟิงก็นึกถึงสาวสวยผู้เย็นชาที่นั่งเครื่องบินข้างเขา
เส้นผมสีไวน์แดงยาวสลวยคลุมไหล่ เดรสสั้นสีเทาเงิน ถุงน่องสีดำ รองเท้าบูตยาวสีขาว...ยังมีเรือนร่างอรชรมีส่วนเว้าโค้งชัดเจน...รวมถึงหอมเบา ๆ ราวกับแมลงปอแตะผิวน้ำนั่น...
“สถานะกับอาชีพของฉัน ก็คือสามีของผู้หญิงคนนี้”
“วันนี้ขอบคุณคุณมากเลย ฉันชื่อตงฟางเสวี่ย ไม่ทราบว่าผู้มีพระคุณชื่อแซ่อะไรคะ?”
……
“อะไรที่ตกลงแล้ว ห้ามกลับคำเด็ดขาดนะ!”
ท่านอวิ๋นหัวเราะหึ ๆ “ที่จริงแล้วฉันคิดว่าบางเรื่องที่ควรจัดการ ก็รีบจัดการตั้งแต่เนิ่น ๆ เสียดีกว่า นายผัดวันประกันพรุ่งแบบนี้ ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร อีกอย่างหนึ่ง ตระกูลเย่ที่เมืองฮู่ หลายปีมานี้เกิดเรื่องมากมาย นายไม่อยากกลับไปดูหน่อยเหรอ?”
“จะดูเพื่อ”
เย่เฉิงเฟิงฮึดฮัดไม่พอใจ แววตาเยือกเย็นเล็กน้อย “เมื่อสิบปีก่อน ผมก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาแล้ว ตระกูลเย่ก็คือตระกูลเย่ ผมก็คือผม”
“แล้วแต่นายละกัน ฉันก็แค่แนะนำ”
ท่านอวิ๋นถอนหายใจ “พรุ่งนี้นายเข้าไปรายงานตัวที่บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพหลินซื่อที่เมืองฮู่ได้เลยนะ ตำแหน่งเริ่มต้นคือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ส่วนต้องทำยังไงถึงจะได้เข้าใกล้หลินจื่อเวยและได้รับความไว้วางใจจากเธอจนได้เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวเธอ นั่นก็ขึ้นอยู่กับฝีมือนายแล้วละนะ”
“แต่เท่าที่ฉันรู้มา หลินจื่อเวยเหมือนจะยังไม่ตระหนักถึงวิกฤติร้ายแรงที่กำลังเผชิญ ถ้านายชิงเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวเธอได้ก่อน ก็ถือว่าภารกิจนี้สำเร็จแล้วหนึ่งในสี่ แน่นอนว่าถ้าเป็นบอดี้การ์ดให้เธอไม่ได้ นายก็ได้แต่แอบปกป้องเธอเท่านั้น”
“เรื่องภารกิจน่ะ ตาเฒ่าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ในเมื่อผมตกลงรับมาแล้ว ก็จะทำให้สำเร็จแน่”
เย่เฉิงเฟิงกล่าวอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม
แต่ในใจกลับรู้สึกสับสนอยู่บ้าง
ดูจากข้อมูลแล้ว หลินจื่อเวยก็แค่ซีอีโอสาวสวยมีพรสวรรค์ด้านการบริหารธุรกิจคนหนึ่ง นอกจากรวยและหน้าตาสวยที่อาจจะดึงดูดภัยอันตรายแล้ว เย่เฉิงเฟิงก็ยังคิดเหตุผลอื่นไม่ออก
แต่ถ้าแค่รวยกับหน้าตาสวย เย่เฉิงเฟิงคิดว่าคงไม่ทำให้รัฐบาลเป็นฝ่ายจ้างคนมาคุ้มกันเธอก่อนหรอก
และท่านอวิ๋นถึงกับลงทุนลงแรงขนาดนี้ โดยให้หัวหน้าครูฝึกมังกรแฝงหงส์เร้นอย่างเขาคนนี้ออกโรงเอง
เว้นเสียแต่ว่า ความสามารถของหลินจื่อเวยผู้นี้ หรือไม่ก็สิ่งที่เธอครอบครองอยู่ จะมีบทบาทช่วยเหลือประเทศหัวเซี่ยหรือแม้แต่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้อย่างมหาศาล จนคุ้มค่าที่รัฐบาลหัวเซี่ยเป็นฝ่ายส่งคนมาคุ้มกันเธออย่างลับ ๆ
แถมยังส่งคนระดับเทพอย่างเย่เฉิงเฟิงด้วย!
“ดูเหมือนว่าซีอีโอสาวสวยคนนี้ จะไม่ธรรมดาเหมือนที่เห็นภายนอกสินะ!”
เย่เฉิงเฟิงคิดในใจ
