EP11
"ไม่จริง…" มุกดาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เธอก้าวถอยหลังจนกระทั่งฝ่าเท้าเหยียบเข้ากับเศษแจกันที่แตก แต่ทว่าความเจ็บนั้นไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกอะไรเลยเพราะมันเจ็บที่ใจมากกว่า
"เธอมันก็แค่หมาขี้เรื้อน ที่อยู่ไหนก็ไม่มีใครต้องการ"
"ออกไป ออกไปจากห้องน้องดา" ขอบตาเริ่มร้อนผ่าว มันพูดอะไรไม่ออกจุกในอกไปหมด ความหวังเรื่องแม่ก็พังทลายลง
"ใช้ชีวิตคืนนี้ของเธอให้มีความสุขนะ เพราะต่อไปนี้ชีวิตเธอจะไม่ต่างจากหมาที่ถูกสวมปลอกคอไว้ตลอด"
"หยุดพูดได้แล้ว"
"แล้วเจอกันนะสาวน้อย" พูดจบเอ็มเจก็ถอยหลังก้าวกลับไปพร้อมกับเสียงประตูที่ถูกปิดลง มุกดาทรุดตัวนั่งลงแล้วปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ มันกำลังจะดีอยู่แล้วแต่มันก็แค่เกือบ
…
@แอสตัน อินซีเรีย
วันนี้ฉันมาเรียนแต่เช้าช่วงเจ็ดโมงครึ่งได้คนในมอแทบจะไม่มี จะมีก็แต่พวกอาจารย์ปละปลาย ตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนตึกของตึกเรียนแล้วห้อยขาลงมา ปล่อยให้ใบหน้าตนเองกระทบกับสายลม ชีวิตที่ไม่มีใครต้องการ แม้กระทั่งพ่อกับแม่ก็ไม่หาทางติดต่อกลับมา ฉันนั่งมองข้อความที่ส่งไปหาแม่หลายข้อความในโทรศัพท์แต่ก็ไม่มีการตอบกลับมา พ่อกับแม่อยู่ไหนกันนะ มันเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงทิ้งน้องดาไป
"มานั่งอะไรตรงนี้" เสียงของใครบางคนพูดแทรกเข้ามาพร้อมกับเสียงฝีเท้า ฉันหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นมิเกล เธอถอดหูฟังข้างหนึ่งออกแล้วยืนอยู่ห่างฉันไม่ไกลมาก
"มิเกลล่ะ มาที่นี้ทำไมหรอ"
"มันที่ประจำของฉัน" เธอตอบห้วนๆ แล้วหย่อนตัวนั่งห้อยขาลงข้างกาย
"มิเกลชอบมานั่งตรงนี้หรอ" ฉันถามออกไปแล้วยกมือขึ้นปาดน้ำตาตนเองออก
"อืม สบายใจดี"
"แต่นี้มันยังเช้าอยู่เลยนะ"
"ความเงียบมันเหมาะที่สุดแล้วสำหรับการที่เราต้องการฟังเสียงตัวเอง"
"ก็คงจะแบบนั้น พออยู่คนเดียวแล้วก็กล้าที่จะคิดเรื่องของตนเองได้มากขึ้น โฟกัสตัวเองมากขึ้น"
"แผลที่หัวยังไม่หาย ได้แผลใหม่มาเพิ่มแล้วหรอ" มิเกลถามแล้วหลุบตามองฝ่าเท้าของฉันที่มีผ้าพันแผลติดอยู่
"เผลอทำแก้วแตกแล้วเหยียบหน่ะ"
"…" เธอไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบให้ครบสองข้างแล้วหลับตาลงเหมือนมีอะไรให้นึกในใจ ฉันเห็นแบบนั้นเลยไม่อยากกวนค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วสวมรองเท้าที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะเดินออกมาที่ประตูดาดฟ้าแล้วเปิดออกมา
…
"แด๊ดมาตั้งแต่วันไหน" เอ็มเจเอ่ยถามอาโปในขณะที่เขากำลังนั่งรถอยู่เบาะข้างหลัง ข้างหน้าข้างคนขับเป็นอาโป
"พึ่งถึงครับ"
"มีธุระอะไรสำคัญขนาดนั้นถึงต้องลงมาด้วยตนเอง"
"เรื่องจดหมายที่คุณคาซัสส่งไป" พอได้ยินคำตอบของอาโปชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมา ก่อนที่รถตู้คันสีดำจะเลี้ยวเข้ามาจอดที่บ้านพักแห่งหนึ่งไม่ใหญ่มากค่อนข้างสงบและปลอดภัย
"แด๊ดอยู่ไหน"
"อยู่ห้องดื่มชาชั้นสองครับ"
"รอตรงหน้าเดี๋ยวฉันมา"
"ครับ" เอ็มเจเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินเข้ามาในบ้านที่มีบอดี้การ์ดคอยยืนเรียงรักษาความปลอดภัยกันไว้อยู่ ชายหนุ่มไปห้องที่อาโปบอกก็เจอพ่อของตนเองนั่งจิบชาอยู่
"ไม่เห็นต้องบินลัดฟ้ามาเลยนิครับแด๊ด"
"แด๊ดไม่เห็นแกตอบกลับอะไรมา" คาซัสตอบแล้ววางแก้วน้ำชาลง
"แต่ก็ไม่จำเป็นต้องบินมาถึงนี้นี้"
"นั่งลงก่อนสิ"
"ผมคุยแป๊บเดียวก็จะกลับแล้ว เพราะต้องไปเรียนต่อ"
"อาทิตย์หน้า ชีลีนจะบินกลับมาอยู่ที่ไทยกับแก"
"ผมทราบเรื่องนี้แล้ว"
"อย่าลืมว่าชีลีนเป็นผู้หญิงที่ฉลาด แกต้องทำให้สำเร็จ มันสำคัญต่อองค์กรและชีวิตของเราเป็นอย่างมาก"
"ครับ ผมจะต้อนรับเธออย่างดี ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่คิด"
"แด๊ดจะคอยดูอยู่ห่างๆ"
"ครับแด๊ด" ชีลีน เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลมาเฟียที่ทรงอำนาจและมีอิทธิพลมากที่สุดอันดับต้นๆ ของโลก ครอบคลุมทุกอย่างเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของวงการมืด เธอคือบุคคลสำคัญที่คาซัสต้องการ
…
16 : 00 น.
ตอนนี้เป็นเวลาจบคลาสแล้วฉันรู้สึกตัวขึ้นมาก็ไม่เจอใครอยู่ในห้อง แต่ที่โต๊ะข้างๆ มีช่อดอกไม้และข้อความวางเอาไว้ ฉันหยิบมันขึ้นมาดูก็พบว่าข้อความนั้นส่งมาถึงฉัน
'ฉันขอโทษเรื่องเมื่อวานนะ ปกป้องเธอไม่ได้แถมยังทำเธอเจ็บตัวอีก ถ้าเธอไม่โกรธเรามาเจอกันที่ร้านกาแฟในคณะเราตอนเที่ยงหน่อยนะ
#หยางอี๋'
นายนี้ส่งข้อความมาหาฉันพร้อมกับช่อดอกไม้แบบนั้นหรอ หรือเขาจะจีบฉัน?
ในสมองคิดแต่ก็ไม่ได้ติดอะไร ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเก็บของเข้ากระเป๋าก่อนจะหอบช่อดอกไม้แล้วเดินออกมาจากห้อง พอเดินออกมาก็เห็นร่างของเขายืนพิงเสาอยู่อีกฝั่งของฉัน มือล้วงถุงกางเกงแล้วเดินมาทางนี้
"มาเรียนยังไม่เข้าอาทิตย์มีหนุ่มเอาดอกไม้มาให้เลยหรอ?" เขาพูดแล้วเดินเข้ามาใกล้ฉัน
"มีธุระอะไรกับน้องดาหรอ"
"ทำไมฉันต้องมีธุระกับเธอ"
หมับ!
"นี่คุณ! เอาคืนมา"
"ไอ้หน้าตี๋เมื่อวานที่ฉันพึ่งซัดมันไปนั้นใช่ไหม" เขามองหน้าฉันสลับกับดอกไม้
"ใครจะส่งให้มันก็เรื่องของน้องดา"
"มันจะไม่ใช่เรื่องของฉันถ้ามันไม่มาจีบ" พูดจบเขาก็กระชากร่างของฉันให้เข้าไปใกล้จนปลายจมูกเราชนกัน
"ใครจะมาจีบ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณสักหน่อย"
"แล้วตรงไหนที่ไม่เกี่ยว หรือไม่เข้าใจว่าเกี่ยวตรงไหน"
"ไม่เข้าใจค่ะ" ฉันตอบออกไปเสียงแข็ง แล้วเขาก็ทิ้งช่อดอกไม้ลงบนพื้นก่อนจะใช้ปลายเท้าเหยียบมันจนเละ สายตาไม่พอใจเงยขึ้นมามองหน้าฉัน แล้วสองคนจ้องหน้ากันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
"ก็แบบนี้ไง"
"อื้อ!" ปากฉันถูกประกบจูบอย่างรุนแรง เขาสอดลิ้นเข้ามาดูดดื่มอย่างดุดัน ทำให้ร่างกายของฉันแทบเซจนเขาต้องใช้แขนดันร่างเอาไว้ไม่ให้ถอยหลังล้ม เขาจูบอยู่แบบนั้นจนมันเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันพยายามใช้แขนดันหน้าอกแกร่งออกแต่ก็สู้แรงของคนตัวโตกว่าไม่ได้ เขาจูบผ่านไปสักพักก็ยอมผละออก แล้วเลื่อนใบหน้ามากระซิบที่ข้างใบหู
"ผู้ชายที่เธอจะรับดอกไม้ได้คือฉันคนเดียวเท่านั้น" ฉันอึ้งกับการกระทำและคำพูดของเขาแล้วสายตาก็มองเห็นร่างของใครคนหนึ่งยืนอ้าปากมองอยู่ ซวยแล้ว…
