2 ท่านหญิงกำมะลอ (2)
พอเห็นของกินเท่านั้น เสียงท้องร้องจึงดังขึ้นทันที เด็กน้อยพยายามไม่สนใจอาหาร แต่กลิ่นหอมของเนื้อแพะย่างโรยด้วยเครื่องเทศซึ่งปรุงสุกจากเตาร้อน ๆ กลับทำให้เด็กชายตัวน้อยถึงกับน้ำลายสอด้วยความอยากกิน
“ทำไมถึงไม่เข้าไปด้านในกระโจมล่ะเจ้าคะ?” แม่นมลีนาร่าซึ่งตามหลังมากระซิบถาม
ราอีสเอามือกุมท้องตนเองพลางเงยหน้าขึ้นมองแม่นมลีนาร่านิดหนึ่ง ก่อนอ้อมแอ้มเสียงแผ่ว
“ข้าหิวเหลือเกินท่านแม่นม อาหารพวกนี้ทำให้ข้าน้ำลายสอ”
“อย่าตะกละสิเจ้าคะ”
“ข้าหิว ข้ายังไม่ได้กินอะไรเลย” ท่านหญิงกำมะลอทำหน้าจ๋อย พลางลูบท้องที่ส่งเสียงร้องของตนเอง
“แล้วทำไมท่านหญิงถึงเพิ่งมาบอกข้าล่ะเจ้าคะ?”
แม่นมทำหน้ายุ่งนิดหนึ่ง สำหรับนางแล้ว เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือการพาท่านหญิงกำมะลอเข้าพบท่านชีคฮาเหม็ดเท่านั้น!
“ก็ท่านจับข้าอาบน้ำแล้วก็แต่งตัวด้วยชุดรุ่มร่ามพวกนี้อย่างเดียว ข้าก็เลยลืมเรื่องหิวไป” ราอีสอ้อมแอ้ม
แม่นมพยักหน้า เพราะนี่คือความสะเพร่าของนางนั่นเอง
“เดี๋ยวข้าจะนำอาหารมาให้ท่านหญิง แต่ท่านต้องสัญญากับข้าก่อน ว่าท่านจะไม่รับประทานอาหารมูมมาม”
“เจ้าค่ะ” ราอีสรีบรับคำทันที ก็ตั้งแต่เมื่อเช้ายังไม่มีอาหารตกถึงท้องเลย หากจะมีก็แค่น้ำเปล่าที่ช่วยประทังความหิวเท่านั้น
แม่นมปลีกตัวไปยังบริเวณที่ปรุงอาหารอย่างเร่งรีบ เพียงอึดใจเดียวนางก็กลับมาพร้อมกับอาหารน่ารับประทานมากมาย นางเดินมาเรียกให้ราอีสไปล้างมือ แล้วไปนั่งบนเบาะนุ่มเพื่อรับประทานอาหาร ราอีสปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย
ทว่าเด็กชายตัวน้อยก็รับประทานอาหารในแบบที่ตนเองถนัดไม่ได้ ทั้งนี้เป็นเพราะแม่นมลีนาร่าคอยเข้มงวดอยู่ข้าง ๆ นั่นเอง!พอหยิบน่องไก่ด้วยมือทั้งสองข้าง แม่นมลีนาร่าจึงตีมือทันที
“วางน่องไก่ลงซะ สิ่งที่ท่านทำอยู่ไม่สุภาพ”
ราอีสหน้าจ๋อยลง พร้อมกับคายอาหารออกจากปากด้วยความเสียดาย
“การเป็นสตรีที่งดงามต้องรับประทานอาหารเพียงคำน้อย ๆ และไม่ควรนั่งหลังค่อม และที่สำคัญไม่ควรพูดในระหว่างรับประทานอาหาร เข้าใจนะเจ้าคะ”
“เจ้าค่า” ราอีสรับปากเสียงยานคาง
เด็กน้อยรู้แค่ว่าอาหารมื้อนี้อร่อยที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้แต่ที่ทำให้รสชาติของอาหารกร่อยลงไปเป็นเพราะมีแม่นมลีนาร่าคอยบงการอยู่ข้าง ๆ นี่ล่ะ
พออิ่มท้องเรียบร้อยแล้ว ราอีสจึงถูกแม่นมพาตัวเข้าไปยังกระโจมใหญ่ทันทีผ่านผ้าม่านผืนบางซึ่งมีทหารองครักษ์ยืนรักษาการมาได้
บรรยากาศในกระโจมก็มิได้แตกต่างจากด้านนอกเลย ซ้ำท่านชีคฮาเหม็ดยังสนุกสนานอยู่กับการร้องรำทำเพลง และดื่มกินกับเหล่านางระบำอย่างสนุกสนาน
หลังจากมานั่งอยู่ในกระโจมพักใหญ่ก็ไม่มีท่าทีว่าชีคฮาเหม็ดจะให้ความสนใจเด็กน้อยสักนิด ซ้ำคนพวกนี้ยังเอาแต่ดื่มกินจนเมาหัวราน้ำ
“ท่านชีคไม่สนใจข้าเลย” ราอีสกระซิบเบา ๆ กับแม่นม
แม่นมลีนาร่ากวาดสายตาไปรอบ ๆ บริเวณเพื่อประเมินสถานการณ์ แล้วก็เห็นจริงกับเด็กน้อย “ท่านชีคติดงานเลี้ยง ยังไงคืนนี้เรากลับกันก่อนเถอะเจ้าค่ะ”
พอแม่นมลีนาร่าเอ่ยปากออกมาเช่นนั้น ราอีสจึงรีบลุกขึ้นจากเบาะนุ่มแล้วกลับกระโจมที่พักทันทีดูว่าการมาหรือการจากไปของท่านหญิงน้อยไม่เคยอยู่ในสายตาของท่านชีคฮาเหม็ดซึ่งกำลังสำราญกับงานเลี้ยงด้วยซ้ำ
ถ้าพูดให้ถูก ท่านหญิงซาเนียร์เปรียบเหมือนอากาศธาตุที่ไม่มีตัวตนในสายตาชีคผู้ปกครองนครแห่งนี้นั่นเอง!!
พอถึงกระโจมที่พัก ราอีสจึงถอดเสื้อผ้ายาวรุ่มรามออก อีกทั้งนั่งเท้าคางบนเบาะนุ่ม หน้าตาของเด็กน้อยเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แม่นมลีนาร่าที่นำเสื้อคลุมตัวน้อยไปผึ่งไว้กับฉากไม้จึงกลับมาทิ้งตัวนั่งข้าง ๆ เด็กชายตัวน้อยอย่างให้ความสนใจ
“ทำไมถึงทำหน้าเช่นนั้นล่ะเจ้าคะท่านหญิง?”
“ข้าแค่สงสัย ทำไมพวกผู้ใหญ่ถึงทำอะไรแปลก ๆ”
“แปลกอย่างไรรึ?”แม่นมเลิกคิ้วถาม
“ทำไมท่านชีคถึงไม่สนใจข้าเลย ทั้ง ๆ ที่ท่านบอกกับข้าเองว่าท่านชีคต้องการพบหน้าข้าซึ่งเป็นท่านหญิงซาเนียร์”
“ท่านชีคมีแขกมากมายจนล้นออกนอกกระโจม ท่านชีคย่อมต้องพบปะพูดคุยกับคนพวกนั้นก่อนสิเจ้าคะ” แม่นม อธิบายด้วยน้ำเสียงเนิบ ๆ
“แต่ลูกย่อมสำคัญสำหรับพ่อแม่ไม่ใช่เหรอท่านแม่นม?”
ราอีสตั้งคำถามขึ้นมาอีก “ถึงข้าไม่เคยมีพ่อมีแม่ แต่ข้าไม่เคยเห็นพ่อแม่คนไหนที่เย็นชากับลูกของตนเองได้ถึงเพียงนี้”
แม่นมลีนาร่าชะงักไปกับคำพูดของเด็กน้อย นางเพ่งพินิจเด็กชายตัวน้อยในคราบของท่านหญิงน้อยด้วยความแปลกประหลาดใจอีกครั้ง ถ้าไม่ได้ยินกับหู นางจะไม่เชื่อเด็ดขาดว่านี่คือคำพูดของเด็กชายวัยห้าขวบ!!!
“เจ้ามันแก่แดดเกินวัยแล้วราอีส”
“ข้าแค่สงสัยเท่านั้น”
แม่นมถอนหายใจเบา ๆ เมื่อได้สบตากับเด็กชายน้อยที่เต็มไปด้วยความใคร่รู้
“ท่านหญิงซาเนียร์ไม่ใช่บุตรีคนโปรดองท่านชีค นางกำพร้าแม่... ก็เลยไม่มีใครสนใจ”
พอเอ่ยถึงท่านหญิงซาเนียร์ แม่นมลีนาร่าก็น้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาอีก นางทั้งคิดถึงและยังอาลัยรักจากการจากไปของท่านหญิงน้อยเลยทีเดียว
ราอีสเห็นเข้าจึงยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยให้กับแม่นม“อย่าร้องไห้นะท่านแม่นม”
