บท
ตั้งค่า

บทที่ 7 จดหมายจากอดีตคนรัก

วันนี้เป็นวันหยุด หลู่อวี้โจวจึงไม่ต้องออกไปทำงานทำให้เขามีเวลาว่าง เดิมทีตั้งใจจะใช้เวลาอยู่กับเจ้าก้อนแป้งฝาแฝดทั้งวัน ครั้นเมื่อหันออกไปมองนอกหน้าต่างพบว่าตอนนี้เป็นเวลายามซื่อ (9.00 - 10.59 น.) ซึ่งเป็นเวลารับประทานอาหารเช้าของหลู่โจวหลินและหลู่ฟู่หลิน

ร่างสูงก้าวเดินตรงไปยังหอนอนของเจ้าตัวเล็ก แต่ในตอนที่ประตูเปิดออก ร่างบางของใครบางคนก้าวเดินออกมาจากข้างในเป็นเวลาเดียวกับที่หลู่อวี้โจวก้าวเข้าไปในห้องทำให้คนทั้งสองเดินชนกันอย่างไม่ทันตั้งตัว

“อ๊ะ!” หยางเสี่ยวเหมยอุทานขึ้นมาเสียงเบาด้วยความตกใจ หญิงสาวเซถลาโงนเงนไปทางด้านหลัง ทว่าในตอนที่มือหนาของหลู่อวี้โจวกำลังจะเอื้อมมาจับนางเอาไว้ก็นิ่งค้างไว้กลางอากาศเสียอย่างนั้น

‘เขาจงใจที่จะไม่ช่วยนาง’ หยางเสี่ยวเหมยกัดฟันดังกรอดด้วยความโมโห หากแต่ว่าในตอนที่หญิงสาวกำลังจะเสียหลักล้มลงไปนั่งอยู่บนพื้น นางก็ได้ยื่นมือไปคว้าคอเสื้อของเขาเอาไว้ทำให้คนทั้งสองล้มลงไปบนพื้นด้วยกัน

ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้บรรดาสาวใช้รวมถึงหูเซียวเบิกตาค้างขึ้นทันใด แต่ยังไม่ทันที่ผู้ใดจะได้ขยับเข้าไปช่วย ร่างบางก็ลุกพรวดขึ้นเสียก่อน

“ข้าขออภัยกั๋วกงด้วยเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” หยางเสี่ยวเหมยซ่อนใบหน้าเปื้อนยิ้มด้วยความขบขันเอาไว้พร้อมแกล้งปรี่เข้าไปหาคนตัวโตที่นั่งอยู่บนพื้น ยื่นมือเข้าไปหมายจะช่วยพยุงเขาขึ้นมา ทว่าหลู่อวี้โจวกลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างขึ้นมาเสียก่อน

“ไม่ต้องเอามือมาแตะต้องตัวข้า!” สตรีผู้นี้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก เหตุใดเขาจะดูไม่ออกว่านางกลั่นแกล้งเขา ท้ายประโยคชายหนุ่มคิดในใจพร้อมขึงตาใส่คนที่ยืนกลั้นยิ้มด้วยความหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก

“ไม่ให้ใช้มือ ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าข้าใช้เท้าได้หรือเจ้าคะ” หยางเสี่ยวเหมยเอียงคอเล็กน้อย ถามกลับด้วยใบหน้าใสซื่อ แต่เมื่อเห็นดวงตามืดดำดุจนิลกาฬที่ตวัดมองมาทำให้นางรีบหุบยิ้มลงทันใด

“อุ๊ย ข้าพูดเล่นน่ะเจ้าค่ะ” หญิงสาวทำเป็นก้มหน้างุดไม่สบสายตาคนตัวโต ถึงแม้จะรู้ว่าตอนนี้เขาไม่กล้าทำอะไรนางหรอกเพราะอยู่หน้าห้องเจ้าก้อนแป้ง หากนางร้องโวยวายขึ้นมาเจ้าแฝดทั้งสองต้องได้ยินเสียงร้องของนางและเข้ามาช่วยเหลืออย่างแน่นอน

‘มีลูกคอยคุ้มกะลาหัวมันดีอย่างนี้นี่เอง’ หยางเสี่ยวเหมยนึกขอบคุณหลู่โจวหลินและหลู่ฟู่หลินในใจ

หากแต่หลู่อวี้โจวยังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยวาจาใด สาวใช้คนหนึ่งก็เดินถือจดหมายเข้ามาหาเขาเสียก่อน

“กั๋วกงเจ้าคะ ทหารเฝ้าประตูแจ้งว่าบ่าวรับใช้จากจวนสกุลไต้ฝากจดหมายมาให้กั๋วกงเจ้าค่ะ”

หูเซียวรับจดหมายจากสาวใช้ทำท่าจะยื่นส่งไปให้เจ้านายหนุ่ม แต่เมื่อเห็นว่าหยางฮูหยินกำลังมองอยู่ เขาจึงชะงักมือไปเสียก่อน ทว่าหลู่อวี้โจวกลับกระชากจดหมายในมือของเขามาเปิดอ่านอย่างรวดเร็วไร้ความลังเล

“หูเซียวไปเตรียมม้า ข้าจะออกไปข้างนอก” ไม่นานเขาก็หันมาเอ่ยกับผู้ติดตามคนสนิท หูเซียวไม่ทันได้ตั้งตัวเจ้านายหนุ่มก็เดินจากไปแล้ว เขาจึงรีบวิ่งตามไปอย่างติดๆ

หยางเสี่ยวเหมยมองตามร่างสูงที่ก้าวฉั่บๆเดินจากไปพลางเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ ดูเอาเถิด เพียงแค่อดีตคนรักส่งจดหมายมาหา เขาก็พร้อมที่จะออกไปพบนางทันใด หากวันไหนหลู่กั๋วกงแต่งนางเอกไต้ลี่ผิงเข้ามาเป็นฮูหยินรอง เมื่อนั้นนางคงได้ตกที่นั่งลำบากจริงๆอย่างแน่นอน

เวลาผ่านไปไม่ถึงสองเค่อ หลู่อวี้โจวและหูเซียวก็ควบม้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าตึกไม้สี่ชั้นขนาดใหญ่ที่มีผู้คนเดินเข้าออกกันอย่างไม่ขาดสายสมกับเป็นร้านอาหารชื่อดังประจำแคว้นเป่ย

หลู่อวี้โจวมองป้ายไม้ที่ตั้งอยู่หน้าร้าน ‘ร้านหวางลี่’ เป็นร้านอาหารที่ได้รับความนิยมจากเหล่าบรรดาผู้มีอันจะกินเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าราคาจะแพงหูฉี่แต่ทุกคนก็ล้วนเต็มใจจ่ายเพียงเพื่อได้มาลิ้มลองอาหารรสเลิศ อีกทั้งหากไม่ได้จองล่วงหน้าก็อาจไม่มีที่นั่งได้ ทว่ามันไม่ใช่เรื่องยากหากตระกูลขุนนางใหญ่อย่างตระกูลไต้หรือตระกูลหลู่ เพียงแค่ส่งคนมาบอกล่วงหน้าว่าจะเข้ามารับประทานอาหารที่ร้าน เถ้าแก่เจ้าของร้านก็พร้อมที่จะจัดการหาที่นั่งไว้รองรับจนได้

บริเวณชั้นสองของร้านจัดไว้เป็นบริเวณพื้นที่ส่วนตัวสำหรับแขกคนพิเศษ มีฉากไม้กั้นไว้บดบังสายตาของผู้คน ส่วนชั้นสามจัดเป็นห้องรับประทานอาหารสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ หลู่อวี้โจวเดินขึ้นบันไดตรงมายังชั้นสอง บริเวณหลังฉากกั้นที่ติดกับริมระเบียงมีร่างบอบบางของไต้ลี่ผิงนั่งอยู่ ดวงตาคู่งามของนางเหม่อมองออกไปยังนอกระเบียงที่เผยให้เห็นผู้คนเดินจับจ่ายซื้อของในตลาดอย่างเหม่อลอย

“คุณหนูลี่ผิง”

เสียงเข้มที่ดังขึ้นทำให้คนที่กำลังนั่งเหม่ออยู่ในตอนแรกรู้สึกตัว ดวงหน้างามดุจหยกหันกลับมายังต้นเสียงพลันริมฝีปากบางราวกับกลีบดอกเหมยกุ้ยแรกแย้มก็คลี่ออกจากกันด้วยความดีใจ

“หลู่กั๋วกง ท่านมาพบข้าตามคำขอ คราแรกข้านึกว่าท่านจะไม่มาเสียแล้ว” ไต้ลี่ผิงกล่าวเสียงหวาน ยกมือขึ้นเหน็บปรอยผมที่ร่วงหล่นลงมาข้างแก้มให้กลับไปทัดหู กิริยาบอบบางน่าทะนุถนอมเป็นอย่างมาก อันที่จริงนางแกล้งทำเป็นพูดไปอย่างนั้นแหละ ด้วยรู้ว่าไม่ว่าอย่างไรหลู่กั๋วกงก็ไม่มีวันปฏิเสธนาง เพราะนางคือคนที่เขารักอย่างไรเล่า

แววตาของนางทอประกายเต็มไปด้วยความดีใจ ทำให้คนมองอดที่จะแย้มมุมปากตอบไม่ได้ แม้จะไม่ได้อยู่ในสถานะคนรักเหมือนเมื่อก่อน แต่เขายังคงเอ็นดูนางอยู่เช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง

“เชิญนั่งก่อนเจ้าค่ะ” รอยยิ้มของคนตัวโตทำให้หญิงสาวก้มหน้างุด แก้มขาวมีเลือดฝาดปรากกฏขึ้นบ่งบอกถึงความเขินอายของนาง

หลู่อวี้โจวผงกศีรษะรับ หลังจากหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว อาหารก็ถูกยกเข้ามาวาง ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าบรรดาอาหารที่ถูกสั่งมาล้วนเป็นอาหารจานโปรดของเขาทั้งสิ้น

“ข้าจำได้ว่ากั๋วกงชอบทานหมูพะโล้ตุ๋นสมุนไพรของร้านหวางลี่มาก และยังมีเกี๊ยวห่อหนังเป็ดของโปรดท่านด้วย กั๋วกงลองทานดูเถิดเจ้าค่ะว่าอาหารที่ร้านหวางลี่ยังอร่อยถูกปากของท่านอยู่หรือไม่” หญิงสาวพยายามทำให้เขารำลึกถึงความหลัง ในตอนที่ความสัมพันธ์ยังรักกันดี เขาและนางเคยมาทานอาหารที่ร้านหวางลี่อยู่บ่อยๆ

หลู่อวี้โจวได้ยินเช่นนั้นจึงคีบอาหารที่นางเอ่ยถึงเข้าปาก จากนั้นจึงวางตะเกียบลงเช่นเดิม

“อร่อยเหมือนเดิม”

“ถ้าอย่างนั้นกั๋วกงทานเยอะๆนะเจ้าคะ เดี๋ยวข้าคีบเกี๊ยวให้อีก” ไต้ลี่ผิงรีบคีบเกี๊ยวห่อหนังเป็ดให้เขาอย่างเอาใจ ก่อนจะส่งสายตามองคนตัวโตแป๋วเหมือนอย่างที่นางชอบทำกับเขาบ่อยๆในอดีต ทว่าหลู่อวี้โจวเพียงแค่ปรายตามองอาหารในถ้วยแค่เล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้แตะต้องมันแต่อย่างใด

“คุณหนูลี่ผิงเรียกข้ามาพบมีธุระอะไรหรือ” ชายหนุ่มตัดสินใจถามออกไปตามตรง ที่เขาออกมาพบนางในวันนี้เป็นเพราะนางบอกว่ากำลังเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือจากเขา หลู่อวี้โจวเห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีในอดีตจึงยอมออกมาพบนางตามคำขอร้อง ทว่าพอมาถึงนางกลับไม่ยอมพูดถึงธุระของนางเสียที

ได้ยินคำถามของหลู่อวี้โจว ไต้ลี่ผิงจึงวางตะเกียบในมือลง สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยราวกับมีเรื่องทุกข์ใจมากเต็มประดา

“ท่านพ่อบังคับให้ข้าหมั้นหมายกับคุณชายสกุลรั่วเจ้าค่ะ”

หลู่อวี้โจวได้ยินเช่นนั้นก็เงียบไปทันที ขณะที่ไต้ลี่ผิงลอบปรายตามองคนตัวโตที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเล็กน้อย นางมั่นใจว่าเขาต้องไม่ยอมให้นางหมั้นหมายกับคนอื่นอย่างแน่นอน แต่ไม่นานนางก็ได้รู้ว่านางคิดผิดเมื่อได้ยินประโยคต่อมาจากหลู่อวี้โจว

“ข้าขอยินดีกับคุณหนูจากใจจริง คุณชายสกุลรั่วเป็นคนขยัน อีกทั้งหน้าตาก็ดูดีเป็นที่หมายปองของสตรีทั่วไป คุณหนูโชคดีแล้วที่ได้หมั้นหมายกับเขา”

‘ไม่! มันต้องไม่เป็นอย่างนี้สิ!’ ไต้ลี่ผิงคิดในใจด้วยความผิดหวัง

“แต่ข้าไม่ได้รักคุณชายรั่ว ข้ารักท่าน ท่านเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ” ไต้ลี่ผิงส่ายหน้าหวือ หยาดน้ำตาทะลักทะลายไหลรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย นางอุตส่าห์คิดว่าเขาจะช่วยเหลือนาง แต่เขากลับแสดงความยินดีกับนาง น่าปวดใจยิ่งนัก

“คุณหนูลี่ผิงอย่าทำเช่นนี้” หลู่อวี้โจวปรามเสียงเรียบพร้อมกับดึงมือหนาออกจากการเกาะกุมของไต้ลี่ผิง แม้บริเวณโต๊ะนั่งจะมีฉากกั้นให้ความเป็นส่วนตัว แต่ทว่าอยู่ติดกับระเบียงที่ผู้คนสามารถมองขึ้นมาเห็นได้

“กั๋วกงอย่าใจร้ายกับข้านักเลย ให้ข้าแต่งเป็นฮูหยินรองของท่านก็ได้ แต่อย่าผลักไสข้าให้คนอื่นเลยนะเจ้าคะ” หญิงสาวอ้อนวอนทั้งน้ำตา หลู่อวี้โจวจึงทอดถอนลมหายใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้มใจ จริงอยู่ที่เมื่อก่อนเขาเคยคิดอยากแต่งนางเป็นฮูหยินรอง แต่ทว่าเสนาบดีไต้บิดาของนางไม่ยินยอม เขาต้องการให้บุตรสาวเพียงคนเดียวแต่งเป็นฮูหยินใหญ่เท่านั้น ขณะที่ไต้ลี่ผิงเองก็เห็นชอบกับบิดา คนอย่างนางไม่มีวันยอมตกเป็นรองผู้ใดหรอก

ในตอนนั้นหลู่อวี้โจวได้แต่ก้มหน้าคอตกยอมรับการตัดสินใจของคนรัก จนกระทั่งหยางเสี่ยวเหมยตั้งครรภ์เจ้าก้อนกลมฝาแฝดก็ทำให้เขาล้มเลิกความคิดนั้นไปในทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel