
บทบาทมารดาของเหล่าตัวร้ายใช่ว่าจะเป็นได้ง่ายๆเสียหน่อย
บทย่อ
หยางเสี่ยวเหมยไม่ใช่นางร้าย แต่นางคือมารดาที่ให้กำเนิดเหล่าตัวร้าย เมื่อความสัมพันธ์ทางสายเลือดของแม่ลูกไม่อาจตัดขาดจากกันได้ ฉะนั้นแล้วนางจะเป็นคนเปลี่ยนโชคชะตาของเจ้าก้อนกลมฝาแฝดที่น่ารักสองคนนี้เอง
บทที่ 1 ตัวประกอบคือมารดาของตัวร้าย
“ลูก ลูกของข้า… อย่าเอาลูกของข้าไป” เสียงแหบพร่าดังแผ่วออกมาจากริมฝีปากขาวซีดที่แตกระแหงราวกับคนขาดน้ำมาเนิ่นนาน ดวงตาที่เคยงดงามสดใสดั่งดวงดาราที่สุกสกาวอยู่บนท้องฟ้ายามนี้มีเพียงแค่ความเลื่อนลอย
“ฮึก ฮูหยินเจ้าขา อดทนไว้ก่อนนะเจ้าคะ บ่าวจะรีบไปตามท่านหมอมาเดี๋ยวนี้” ‘จินหนิง’ สาวใช้คนสนิทข้างกายของ ‘หยางเสี่ยวเหมย’ เปล่งเสียงสะอึกสะอื้นขึ้นมาดังลั่นด้วยความสงสารผู้เป็นเจ้านายสาวจับใจ ก่อนจะค่อยๆวางมือเล็กอันบอบบางลงอย่างทะนุถนอม จากนั้นจึงรีบวิ่งออกไปยังประตูเรือน
หากแต่เพียงแค่นางผลักประตูไม้ที่ปิดอยู่ในตอนแรกให้เปิดออก เสียงของทหารที่เฝ้าอยู่หน้าประตูก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
“หยุดนะ! ฮูหยินผู้เฒ่าไม่อนุญาตให้เจ้าออกไปจากนอกประตูเรือน”
“พวกเจ้าหมายความว่าอย่างไร” จินหนิงรีบปาดน้ำตาออกจากใบหน้าย้อนถามด้วยน้ำเสียงอันดังเช่นกัน ทว่าคนที่ตอบคำถามของนางไม่ใช่ทหารคนเดิมแต่อย่างใด แต่กลับเป็นสตรีบอบบางผู้หนึ่งที่เดินเข้ามาใหม่
“ฮูหยินผู้เฒ่าไม่อนุญาตให้เจ้ากับเจ้านายของเจ้าออกไปจากเรือนเล็ก ฟังชัดเจนหรือไม่”
จินหนิงตวัดสายตามองสาวใช้คนสนิทของ ‘ไต้ลี่ผิง’ ฮูหยินรองสกุลหลู่ด้วยความไม่พอใจเท่าใดนัก
“ข้ากับฮูหยินไม่ใช่นักโทษ เหตุใดจะออกไปจากเรือนไม่ได้
อ้ายลี่แค่นยิ้มหยัน แม้ว่าฮูหยินใหญ่จะไม่ใช่นักโทษ แต่ก็มีสถานะไม่ต่างอะไรไปจากสาวใช้ในจวนคนหนึ่ง ไร้ค่าในสายตาของทุกคน น่าเวทนาเป็นอย่างมาก
“ข้าจะฟ้องหลู่กั๋วกง” จินหนิงกำมือแน่นเข้าหากันเพื่อข่มอารมณ์ แม้หลู่กั๋วกงจะไม่ได้รักใคร่หยางฮูหยินมากกว่าฮูหยินรอง แต่ถ้าหากเขายังเห็นแก่คุณชายโจวหลินและคุณหนูฟู่หลินทั้งสองคนอยู่บ้าง เขาจะต้องช่วยเหลือหยางฮูหยินอย่างแน่นอน ทว่าเสียงหัวเราะของอ้ายลี่ที่ดังลั่นราวกับกำลังสมน้ำหน้านางและหยางฮูหยินทำให้จินหนิงรู้สึกอยากปรี่เข้าไปจัดการตบสั่งสอนอ้ายลี่เป็นอย่างมาก แต่นางรู้ดีว่าหากทำเช่นนั้นทั้งนางและฮูหยินใหญ่จะต้องเดือดร้อน
ไต้ลี่ผิงหรือฮูหยินรองสกุลหลู่นั้นเป็นสตรีที่หลู่กั๋วกงรักใคร่และลุ่มหลงเป็นอย่างมาก หาใช่คนนอกสายตาดั่งเช่นหยางฮูหยินของนางที่ได้ตบได้แต่งเข้าจวนสกุลหลู่เป็นเพราะสมรสพระราชทานของเว่ยฮ่องเต้เท่านั้น อีกทั้งนอกจากฮูหยินรองจะเป็นคนที่หลู่กั๋วกงมอบใจให้แล้ว นางยังเป็นลูกสะใภ้คนโปรดของฮูหยินผู้เฒ่าอีกด้วย
“เจ้าคิดจะฟ้องนายท่านช้าไปแล้วล่ะ เพราะตอนนี้นายท่านได้เดินทางไปยังแดนใต้แล้ว” อ้ายลี่เบ้ปาก ยักไหล่ขึ้นด้วยความสะใจ
จินหนิงถึงกับร้องอ้อออกมาเบาๆ แท้จริงแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่า ไต้ลี่ผิงและอ้ายลี่นั้นได้วางแผนรอคอยวันนี้มานานแล้วสินะ วันที่หลู่กั๋วกงจะต้องตามเสด็จเว่ยฮ่องเต้ไปยังแดนใต้ หลู่กั๋วกงออกเดินทางยังไม่ทันข้ามวัน ฮูหยินผู้เฒ่าก็สั่งขังนางและหยางฮูหยินเสียแล้ว
ร้ายกาจยิ่งนัก!
แต่ถึงแม้จะคิดเช่นนั้น หากแต่จินหนิงกลับต้องข่มความโกรธเอาไว้ จากนั้นจึงปรี่เข้าไปจับมือของอ้ายลี่
“อ้ายลี่ ข้าขอร้องเถอะนะ เจ้าช่วยไปบอกฮูหยินผู้เฒ่ากับฮูหยินรองให้ข้าเถิด ฮูหยินใหญ่อาการทรุดลงอย่างมาก หากไม่ได้พบท่านหมอในวันนี้ ข้าเกรงว่า… เกรงว่าจะไม่รอด” เสียงของนางสั่นไหว ยอมแม้กระทั่งคุกเข่าขอร้องอ้ายลี่ หากแต่อ้ายลี่กลับสะบัดมือออกทำให้จินหนิงหงายหลังล้มลง
“จินหนิง ในเมื่อฮูหยินใหญ่อยู่ไปก็คงมีแต่ความทุกข์ทรมาน ใช่ว่าอาการที่นางเป็นอยู่นั้นจะหายได้ง่ายๆเสียหน่อย ฝากบอกฮูหยินใหญ่ด้วยว่าหลับให้สบาย ไม่ต้องห่วงคุณชายกับคุณหนู เพราะต่อไปนี้ฮูหยินรอง ไม่สิ… ว่าที่ฮูหยินใหญ่คนใหม่จะเป็นคนดูแลคุณหนูทั้งสองเอง” อ้ายลี่เปล่งเสียงหัวเราะร่า จากนั้นจึงสะบัดหน้าเดินจากไป โดยมีสายตาของจินหนิงที่มองตามไปด้วยความแค้นเคือง
จินหนิงเดินคอตกกลับมายังหอนอนในเรือนเล็กของเจ้านายสาว แต่ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้นางถึงกับเข่าทรุดสะอื้นร่ำไห้จนตัวโยนอยู่นอกประตู มองร่างไร้วิญญาณของเจ้านายสาวด้วยความเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
หยางฮูหยินได้จากไปแล้ว…
“เฮ้อ” เสียงทอดถอนลมหายใจดังขึ้นหลังจากที่อ่านนิยายจบในสามบทแรก อันอันรู้สึกสงสารตัวประกอบหญิงที่มีนามว่าหยางเสี่ยวเหมยมากเหลือเกิน นางมีบทบาทเป็นเพียงตัวประกอบที่ปรากฏตัวอยู่แค่บทแรกๆ หลังจากนั้นนักเขียนใจร้ายก็เขียนให้นางจากไป และที่นางได้อ่านเมื่อครู่นี้คือจุดจบของหยางเสี่ยวเหมย
อันอันรู้สึกเห็นใจนางไม่น้อย หลู่กั๋วกงพระเอกนยายผู้เป็นสามีก็ไม่เคยสนใจไยดี เมื่อมีลูกก็โดนแม่สามีที่เกลียดชังนางเป็นทุนเดิมพรากลูกไปจากอกทำให้หยางเสี่ยวเหมยตรอมใจจนสิ้นใจไปในที่สุด
“หยางเสี่ยวเหมยชีวิตของเธอน่าสงสารมากจริงๆ” อันอันพึมพำเสียงเบา อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเธอนั้นคือหยางเสี่ยวเหมยจะทำอย่างไร แต่ที่แน่ๆคือคนอย่างอันอันจะไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบหรือรังแกได้หรอก คนอย่างเยว่เฉียวแม่สามีของหยางเสี่ยวเหมยต้องเจอคนแบบเธอถึงจะเหมาะสม อันอันคิดพร้อมกับเปล่งเสียงหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจก่อนจะวางหนังสือนิยายลงข้างหัวเตียง จากนั้นจึงเอื้อมมือไปปิดไฟ
การอ่านนิยายคืองานอดิเรกที่เธอรักมาตั้งแต่ไหนแต่ไร และเพราะเหตุนี้จึงทำให้เธอใฝ่ฝันอยากทำอาชีพนักแสดง และตอนนี้เธอทำสำเร็จแล้ว ได้ก้าวขึ้นมาเป็นนางเอกแนวหน้าของประเทศ อีกทั้งพรุ่งนี้เธอมีถ่ายละครตอนเช้าจะไปสายไม่ได้เด็ดขาด
แสงแดดในยามเช้าที่ส่องลอดผ่านม่านผืนบางเข้ามา ทำให้คนที่นอนหลับสนิทในตอนแรกค่อยๆรู้สึกตัวตื่น เปลือกตาบางสั่นไหวไปมาเล็กน้อย ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของจะค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น
“ฮูหยินตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” เสียงใสดังขึ้นอยู่ข้างตัวพร้อมกับรอยยิ้มที่ส่งมาให้อย่างเป็นมิตร
“ใครกันน่ะ” อันอันถามขึ้นด้วยความสงสัย จินหนิงที่กำลังอ้าปากหมายจะเอ่ยอะไรบางอย่างกลับต้องรีบหุบลงทันใดเมื่อเห็นเจ้านายสาวกระโดดลงไปยืนอยู่ข้างขอบเตียงด้วยความรวดเร็ว
“กรี๊ดดดด!”
“ว้าย!” จินหนิงผงะถอยหลังไปหลายก้าว ครั้นเมื่อตั้งสติได้จึงรีบเดินเข้าไปหา หากแต่ว่ากลับมีหมอนใบใหญ่ลอยละลิ่วเข้ามากระทบที่ใบหน้าของนางเสียก่อน
“ออกไปเดี๋ยวนี้นะ อย่าเข้ามาใกล้ฉัน!” อันอันตวาดขึ้นเสียงดังพร้อมกับยกนิ้วชี้หน้าของสตรีปริศนาที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของเตียงอย่างเอาเรื่อง
“ฮูหยินใหญ่ เหตุใดถึงได้ตกใจกลัวบ่าวเช่นนี้ล่ะเจ้าคะ” จินหนิงถามด้วยความสับสน อีกทั้งยังเป็นห่วงเจ้านายสาวอย่างมากที่จู่ๆหยางฮูหยินก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับทำท่าทางราวกับจดจำนางไม่ได้
“เธอเป็นใครแล้วเข้ามาในห้องของฉันได้อย่างไรกัน”
“บ่าวชื่อจินหนิงเป็นสาวใช้ข้างกายของฮูหยินเจ้าค่ะ”
“จินหนิงงั้นหรือ…” อันอันพึมพำเสียงแผ่ว รู้สึกคุ้นเคยกับชื่อแซ่ที่คนตรงหน้าเอ่ยขึ้นแปลกๆ พลางส่งสายตามองไปยังรอบๆห้อง ก้อนเนื้อในอกซ้ายเต้นกระหน่ำแรงขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนที่เธอคุ้นเคย
“เจ้าค่ะ บ่าวชื่อจินหนิงเป็นบ่าวรับใช้ของหยางฮูหยินอย่างไรเล่าเจ้าค่ะ”
“หยางฮูหยินที่เจ้าพูดถึงมีชื่อเต็มๆว่าหยางเสี่ยวเหมยใช่หรือไม่”
“ใช่เจ้าค่ะ ฮูหยินชื่อหยางเสี่ยวเหมยเป็นบุตรสาวของท่านหยางเสี่ยวฉือผู้นำของเผ่าจ้านเหอเจ้าค่ะ”
อันอันคิดตามคำพูดของจินหนิง แน่นอนว่าตอนนี้นางอยู่ในร่างของหยางเสี่ยวเหมย อีกทั้งยังถูกเรียกขานว่า ‘ฮูหยิน’ นั่นหมายความว่าเจ้าของร่างนี้ได้แต่งเข้าจวนสกุลหลู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงกวาดสายตามองไปรอบๆ พบว่ายามนี้เธออยู่ที่เรือนเล็กท้ายจวนสกุลหลู่ นั่นหมายความว่าหยางเสี่ยวเหมยโดนฮูหยินผู้เฒ่าขับไล่มาอยู่ที่นี่ หากอิงตามเรื่องราวในนิยาย ตัวประกอบผู้นี้โดนแม่สามีขับไล่มาอยู่ที่เรือนเล็กหลังจากที่เจ้าก้อนแป้งทั้งสองคนอายุได้สามหนาว
“จินหนิง ยามนี้ข้าอายุเท่าไหร่แล้ว” อันอันที่อยู่ในร่างของหยางเสี่ยวเหมยโผเข้ามาหาจินหนิงพลางใช้มือทั้งสองข้างจับไปที่ไหล่ของสาวใช้คนสนิทและจ้องหน้าอย่างคาดคั้น
“สิบเก้าแล้วเจ้าค่ะ” จินหนิงได้แต่กะพริบตาปริบๆ เอียงคอมองเจ้านายด้วยความสงสัย เกิดอะไรขึ้นกับหยางฮูหยินของนางกันแน่นะ เหตุใดถึงได้ถามคำถามพิลึกพิลั่นเช่นนี้เล่า
หากแต่ว่าคำตอบของจินหนิงทำให้คนฟังถึงกับทรุดลงไปนั่งอยู่บนขอบเตียงอย่างหมดแรง
‘ชัดแล้ว เธอทะลุมิติเข้ามาในนิยายในช่วงเวลาหนึ่งปีก่อนที่ตัวประกอบหยางเสี่ยวเหมยจะตรอมใจจนสิ้นใจตาย!’ อันอันเผยอปากค้างด้วยความตกใจ นึกว่าจะมีแค่ในนิยายหรือละครที่ตัวละครหลักได้ทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตัวเอกเคยอ่าน ไม่นึกว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับตัวของเธอเอง
“มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงกัน” อันอันเปล่งเสียงโอดโอย หลังจากอ่านนิยายจบ กำลังจะเข้านอนอยู่ดีๆก็รู้สึกวูบไป ครั้นพอลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าได้มาโผล่ที่นี่เสียแล้ว
‘ใช่… ตามแบบฉบับนิยาย เป็นเพราะวิญญาณออกจากร่างถึงได้ย้อนกลับมา หากเธอทำให้วิญญาณของเธอออกจากร่างของหยางเสี่ยวเหมยได้ ไม่แน่ว่าอาจได้ย้อนกลับไปยังร่างเดิมในโลกปัจจุบันก็เป็นได้’
อันอันคิดในใจพร้อมกับยกยิ้มขึ้นเบาๆ ที่มุมปาก ในโลกเดิมเธอเป็นถึงนางเอกเบอร์ต้นๆ ของประเทศ ใครจะอยากละทิ้งชีวิตอันสุขสบายที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาอยู่ในร่างตัวประกอบที่มีหน้าที่เพียงแค่คลอดลูกให้พระเอกแล้วก็สิ้นใจไปเพื่อให้พระเอกกับนางเอกได้ครองรักกันอย่างหยางเสี่ยวเหมยเล่า!
