บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 เสี่ยวเหมยคือภรรยาของข้า

“จะไปไหน” เสียงดุดันที่ดังขึ้นทำให้ร่างบางสะดุ้งโหยงขึ้นอย่างแรงด้วยความตกใจ ยิ่งเห็นดวงตาคมที่มองมายิ่งทำให้แข้งขาของนางสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว

“จะหนี เอ๊ย กลับเรือนเล็กน่ะสิเจ้าคะ”

“ท่านแม่อย่าไป” หลู่ฟู่หลินหันมาหามารดาด้วยความอาวรณ์ นานแค่ไหนแล้วนะที่นางไม่ได้นอนกอดท่านแม่ นางคิดถึงท่านแม่มากเหลือเกิน

“จะหาท่านแม่” หลู่ฟู่หลินดิ้นขลุกขลักไปมาอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง หลู่อวี้โจวจึงวางร่างกลมลงบนพื้น จากนั้นหลู่ฟู่หลินจึงวิ่งกลับไปหาหยางเสี่ยวเหมย

“ฟู่หลินจะอยู่กับท่านแม่” เด็กน้อยกอดขาของหยางเสี่ยวเหมยเอาไว้แน่น อีกทั้งยังใช้มือกำรอบกระโปรงของนางเอาไว้อีกด้วย

หลู่อวี้โจวเห็นท่าทางงอแงของบุตรสาว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าหลู่ฟู่หลินไม่ยอมให้หยางเสี่ยวเหมยจากไปแน่ ในเมื่อทำอะไรไม่ได้จึงจำต้องยอมตามใจนางก่อน ด้วยตอนนี้เป็นห่วงความรู้สึกของบุตรสาวยิ่งนัก

“ตามข้าไปบนเรือนใหญ่” กล่าวจบร่างสูงก็หมุนกายก้าวฉั่บๆ เดินจากไป ปล่อยให้หยางเสี่ยวเหมยมองตามอย่างอึ้งๆ ก่อนจะรีบอุ้มร่างเล็กของหลู่ฟู่หลินมาไว้ในอ้อมแขนและก้าวตามร่างสูงของเขาไปในทันที

‘เขาจะหาเรื่องเล่นงานนางหรือไม่’ หญิงสาวคิดด้วยความหวั่นใจ แต่แล้วคิ้วเรียวก็ค่อยๆ คลายออกจากกัน นางจะกลัวไปทำไมเล่า ในเมื่อนางตั้งใจอยากกลับโลกเดิมอยู่แล้ว หยางเสี่ยวเหมยคลี่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี รีบอุ้มบุตรสาวติดตามคนตัวโตกลับเข้าไปในจวนอย่างรวดเร็ว

หลู่อวี้โจวเดินนำหยางเสี่ยวเหมยกลับขึ้นมาบนเรือนใหญ่ ภายในห้องโถงนั่งเล่นปรากฏเยว่เฉียวกำลังนั่งคอยปลอบประโลมหลู่โจวหลินไม่ห่าง ยามนี้เด็กชายได้หยุดร้องไห้ไปนานแล้ว อีกทั้งบาดแผลที่หัวเข่าก็ถูกดูแลเป็นอย่างดี มีเพียงแค่เสียงสะอื้นที่ดังขึ้นมาเป็นพักๆจากหลู่โจวหลินเท่านั้น

หากแต่ว่าทันทีที่ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นหยางเสี่ยวเหมยอุ้มหลู่ฟู่หลินเข้ามาในห้อง นางก็ผุดลุกขึ้นจากตั่งนั่งและเดินตรงเข้าไปหาหยางเสี่ยวเหมยทันที

“ใครอนุญาตให้เจ้าขึ้นมาบนเรือนใหญ่!” ถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้าง

“ข้าเองขอรับ” น้ำเสียงแหบห้าวที่ตอบออกไปทำให้เยว่เฉียวชะงักไปทันที เมื่อครู่นี้นางโมโหจนลืมไปว่าหลู่อวี้โจวก็ยืนอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

“ท่านแม่!” หลู่โจวหลินขานเรียกผู้เป็นแม่เสียงใสพร้อมกับทำตาโต และกระโดดลงมาจากตั่งนั่งวิ่งเข้าไปกอดขาของหยางเสี่ยวเหมยเอาไว้ ลืมความเจ็บปวดที่มีตอนแรกไปจนหมดสิ้น

“ข้าคิดถึงท่านแม่”

ตอนนี้หยางเสี่ยวเหมยโดนเจ้าก้อนแป้งทั้งสองคนกอดเอาไว้แน่น มือบางข้างที่ว่างจึงยกขึ้นลูบศีรษะเล็กของบุตรชายไปมาเบาๆ ในตอนที่อยู่โลกเดิม อันอันรักเด็กเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อเด็กๆแสดงความรักเช่นนี้กับนางยิ่งทำให้นางรู้สึกหัวใจพองโตอย่างบอกไม่ถูก

“แม่ก็คิดถึงลูก” นางพูดแทนความรู้สึกของหยางเสี่ยวเหมยตัวจริง ช่างน่าเสียดายยิ่งนักที่ตอนนี้หยางเสี่ยวเหมยตัวจริงไม่ได้มีตัวตนอยู่บนโลกนี้แล้ว

เยว่เฉียวเห็นสามคนแม่ลูกกอดกันแน่นก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่กระนั้นก็ไม่กล้าเอ่ยวาจาใดออกมาเพราะเกรงว่าจะโดนบุตรชายจับได้ว่าที่ผ่านมาเป็นนางที่คอยสั่งให้สาวใช้ในจวนให้พูดจาใส่ร้ายหยางเสี่ยวเหมยมาโดยตลอด

“ชิงชิงพาโจวหลินกับฟู่หลินกลับไปยังหอนอน” หลู่อวี้โจวสั่งเสียงเข้มทำให้ชิงชิงที่ยืนหน้าซีดปากสั่นอยู่ในตอนแรกสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะรีบขานรับคำสั่งของเจ้านายหนุ่มพร้อมเร่งฝีเท้าเข้ามาหาหลู่โจวหลินและหลู่ฟู่หลิน

ทว่าเด็กน้อยทั้งสองคนต่างไม่ยอมห่างจากกายของหยางเสี่ยวเหมย เจ้าก้อนกลมทั้งสองคนกอดผู้เป็นแม่เอาไว้แน่นพลางส่งเสียงร้องไห้งอแง

“ไม่เอา จะอยู่กับท่านแม่” หลู่โจวหลินใช้มือจับกระโปรงของมารดาเอาไว้พร้อมส่ายศีรษะไปมา ทางด้านหลู่ฟู่หลินเห็นแฝดพี่ทำเช่นนั้น นางก็ทำตามบ้างเช่นกัน เด็กน้อยกอดคอของหยางเสี่ยวเหมยพร้อมเปล่งเสียงร้องไห้จ้า

“จะอยู่กับท่านแม่ ฮือออ”

หยางเสี่ยวเหมยได้แต่กะพริบตาปริบๆ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ทางด้านชิงชิงเห็นเจ้านายตัวน้อยร้องไห้งอแงก็ไม่กล้าทำอะไรต่อเช่นกัน ได้แต่ยืนละล้าละลังอยู่กับที่ หลู่อวี้โจวเห็นเหตุการณ์เริ่มบานปลาย เขาจึงถอนหายใจออกมาแรงๆด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะหันมาสบตากับหยางเสี่ยวเหมยและกล่าวเสียงเข้ม

“พาลูกกลับไปยังหอนอน หลังจากลูกหลับแล้วเราค่อยคุยกัน”

“เจ้าค่ะนายท่าน เอ่อ กั๋วกง” หยางเสี่ยวเหมยตอบรับคำเสียงแผ่ว วาจาเหินห่างของนางทำให้หลู่อวี้โจวขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ที่ผ่านมานางเรียกขานเขาว่า ‘ท่านพี่’ มาโดยตลอด ไยวันนี้ถึงได้เปลี่ยนไป

“ข้าต้องไปทางไหนหรือ” หญิงสาวไม่ได้สังเกตสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยระคนแปลกใจของหลู่อวี้โจว นางหันกลับมาหาชิงชิง พี่เลี้ยงของเจ้าก้อนกลมจึงเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะเดินนำทางหญิงสาวไปยังหอนอนของเจ้าก้อนแป้ง เข้าใจเป็นอย่างดีว่าที่ผ่านมาหยางเสี่ยวเหมยไม่ได้รับอนุญาตจากฮูหยินผู้เฒ่าให้ขึ้นมาบนเรือนใหญ่ หลังจากที่โดนจับแยกจากคุณชายกับคุณหนูตั้งแต่ตอนที่พวกเขาอายุได้สองหนาว

“ทางนี้เจ้าค่ะฮูหยิน”

หยางเสี่ยวเหมยผงกศีรษะรับ จากนั้นจึงก้าวเดินตามพี่เลี้ยงของเจ้าก้อนกลมทั้งสองคนไป ยามนี้นางรู้สึกเหมือนว่านางคือแม่ลิงที่กำลังหอบกระเตงลูกลิงทั้งสองกลับบ้านมากเหลือเกิน ที่ขาของนางมีหลู่โจวหลินคอยกอดเอาไว้แน่น ส่วนท่อนบนก็มีหลู่ฟู่หลินกอดคอของนางเอาไว้เช่นกัน ช่างน่าขบขันเสียเต็มประดา

คล้อยหลังจากที่หยางเสี่ยวเหมยและเจ้าก้อมกลมทั้งสองเดินออกไปแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าจึงละความสนใจจากสามคนแม่ลูกหันมาหาบุตรชายแทน

“โจวเอ๋อร์ เจ้าคิดจะทำอะไรของเจ้า”

“ข้าจะให้เสี่ยวเหมยย้ายกลับมาที่เรือนใหญ่ขอรับ”

“ได้อย่างไรกัน!” เยว่เฉียวถามเสียงสูงอย่างลืมตัว ครั้นเมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของบุตรชายที่จ้องมองมาหลังจากที่นางพูดจบจึงรีบเปลี่ยนสีหน้าและน้ำเสียงอย่างรวดเร็ว

“เหตุใดจะไม่ได้เล่าขอรับ ในเมื่อเสี่ยวเหมยคือฮูหยินของสกุลหลู่ และเป็นภรรยาของข้า”

“แต่แม่ว่าเจ้าไม่ควรให้นางขึ้นมาอยู่ที่เรือนใหญ่ เจ้าก็รู้ว่าที่ผ่านมานางเคยดูดำดูดีโจวหลินกับฟู่หลินเสียที่ไหนกัน” ฮูหยินผู้เฒ่าแย้งขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย หลู่อวี้โจวจึงเปล่งเสียงหึขึ้นมาในลำคอ และหันกลับมาเผชิญหน้ากับมารดา

“ข้ารู้จากที่ท่านแม่และสาวใช้บอก ทว่ายังไม่เคยเห็นด้วยตาของตัวเอง บางทีข้าอดคิดไม่ได้ว่าตัวข้าช่างโง่เขลายิ่งนักที่ปักใจเชื่อคำบอกเล่าของทุกคนอย่างง่ายดายโดยที่ไม่ฟังที่เสี่ยวเหมยพูดเลย”

“โจวเอ๋อร์ เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าเจ้ากำลังสงสัยว่าแม่และทุกคนใส่ร้ายเสี่ยวเหมยอย่างนั้นหรือ”

“แล้วมันคือเรื่องจริงหรือไม่ขอรับ” ถามกลับคืนด้วยใบหน้าราบเรียบไม่ต่างไปจากน้ำเสียง เยว่เฉียวจึงรีบผินหน้ามองไปทางอื่น ไม่กล้าสบสายตาของบุตรชายด้วยเกรงว่าจะโดนเขาจับได้เสียก่อน

“มะ ไม่จริงเสียหน่อย แม่จะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไรกัน” เยว่เฉียวแสร้งทำเป็นกล่าวเสียงสะอื้น หยดน้ำตาปริ่มคลออยู่ที่หน่วยตา กลัวว่าบุตรชายจะไม่เชื่อในสิ่งที่ตนพูดจึงแกล้งทำเป็นบีบน้ำตาหมายจะให้เขาเห็นใจ

“ท่านแม่อย่าได้ร้องไห้ไปเลยขอรับ ข้าเองก็หวังว่าท่านแม่กับทุกคนจะไม่ได้โกหกข้าเช่นกัน หาไม่ข้าคงรู้สึกผิดหวังไม่น้อย และต่อไปคงไม่กล้าเชื่อวาจาของผู้ใดในจวนสกุลหลู่อีกต่อไปแล้ว” กล่าวจบร่างสูงก็ก้าวเดินออกไปจากห้อง ไม่แม้แต่จะหันกลับมาหาคนที่กำลังปิดปากเปล่งเสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้น ปล่อยให้ฮูหยินผู้เฒ่ามองตามแผ่นหลังกว้างบุตรชายที่เดินจากไปอย่างตกตะลึง ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง ร่างบางของนางก็โงนเงนเอียงไปมาทำท่าจะล้มทำให้จ้าวจิ่งต้องรีบปรี่เข้ามาประคอง

“ว้าย! ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นอะไรไปเจ้าคะ”

“จ้าวจิ่ง ข้าอยากเป็นลมเหลือเกิน เหตุใดโจวเอ๋อร์ของข้าถึงได้เปลี่ยนไปเช่นนี้” ฮูหยินผู้เฒ่าตัดพ้อด้วยความน้อยใจ หลังจากกลับมาจากไปเยือนเมืองใต้ หลู่อวี้โจวก็ดูเปลี่ยนไป เย็นชาปั้นปึ่งกับนางเสียเหลือเกิน อีกทั้งยังสงสัยนางเรื่องหยางเสี่ยวเหมย ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่ว่านางจะพูดอะไร เขาก็จะเชื่อฟังนางทุกครั้งไป

“หรือว่าท่านกั๋วกงรู้ความจริงว่าพวกเราโกหกเรื่องหยางฮูหยินเจ้าคะ”

วาจาของจ้าวจิ่งทำให้ใบหน้าของเยว่เฉียวซีดเผือดลงไปมากกว่าเดิม หากเป็นเช่นนั้นจริง หลู่อวี้โจวรู้ได้อย่างไรกัน ในเมื่อคนที่จวนสกุลหลู่ทุกคนล้วนเป็นคนของนาง

“จ้าวจิ่งสั่งคนให้เตรียมรถม้าเดี๋ยวนี้”

“ฮูหยินผู้เฒ่าจะไปไหนหรือเจ้าคะ”

“ข้าจะไปที่จวนสกุลไต้” เยว่เฉียวหรี่สายตาให้แคบลง หากแผนกำจัดหยางเสี่ยวเหมยของนางกำลังจะล่ม นางก็จะคิดหาแผนใหม่ ทว่าครานี้นางทำคนเดียวไม่ได้แล้ว มีเพียงแค่ไต้ลี่ผิงเท่านั้นที่จะสามารถช่วยนางได้ ไต้ลี่ผิงเป็นคนสำคัญที่มีอิทธิพลต่อหัวใจของหลู่อวี้โจวเป็นอย่างมาก หากไต้ลี่ผิงยอมให้ความร่วมมือกับนาง แผนกำจัดหยางเสี่ยวเหมยจะต้องสำเร็จไปได้ด้วยดีเป็นแน่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel