บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 หลู่ฟู่หลินหายตัวไป

“ฟู่หลินล่ะ ฟู่หลินอยู่ที่ใด”

“คุณหนูอยู่ตรง… อ้าว คุณหนูหายไปไหนแล้ว!” ท้ายประโยคชิงชิงผวาลุกขึ้นวิ่งตรงไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เคยมีหลู่ฟู่หลินยืนเล่นอยู่ในตอนแรกด้วยความตกใจ

“พวกเจ้ารอช้าอะไรอยู่ รีบออกตามหาคุณหนูฟู่หลินเร็วเข้า!” ใบหน้าของนางซีดเผือดรีบร้องสั่งให้สาวใช้กระจายตัวออกตามหาหลู่ฟู่หลิน หากคุณหนูหายตัวไปหรือได้รับบาดเจ็บ หลู่กั๋วกงต้องลงโทษนางอย่างหนักแน่นอน หยดน้ำตาคลอเบ้าอยู่ที่หน่วยตา นางไม่น่าประมาทเลย หลังจากที่เห็นคุณชายหลู่โจวหลินหกล้มจึงรีบผวาเข้าไปหา โดยที่หลงลืมคุณหนูหลู่ฟู่หลินไปชั่วขณะ ครั้นเมื่อรู้ตัวอีกทีนางก็ได้หายตัวไปเสียแล้ว

หลู่อวี้โจวกัดฟันแน่นจนได้ยินเสียงดังกรอด แม้อารมณ์ในตอนนี้จะคุกรุ่นเต็มไปด้วยความโกรธ แต่กระนั้นก็พยายามข่มอารมณ์เอาไว้ ตอนนี้ความปลอดภัยของหลู่ฟู่หลินคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

“ท่านแม่ ข้าฝากดูโจวหลินด้วยขอรับ” ชายหนุ่มส่งร่างกลมป้อมของบุตรชายให้มารดา ก่อนจะรีบสั่งให้หูเซียวและทหารออกตามหาบุตรสาวพร้อมสาวเท้าก้าวเดินจากไป เยว่เฉียวรีบรับหลานชายมาอุ้มไว้ แม้จะเป็นห่วงหลานสาวแต่เสียงร้องไห้ของหลู่โจวหลินก็ทำให้นางต้องหันมาปลอบใจหลานชายแทน ได้แต่ภาวนาขอให้หลู่อวี้โจวหาหลู่ฟู่หลินพบไวๆ

ขณะที่ในเรือนเล็กท้ายจวนสกุลหลู่

อันอันที่อยู่ในร่างของหยางเสี่ยวเหมยนั่งกอดอกหน้าบึ้งอยู่ภายในหอนอน ยามนี้ที่หน้าประตูมีทหารยืนขวางไม่ให้นางสามารถออกไปจากนอกประตูเรือนได้ อีกทั้งหลู่กั๋วกงยังสั่งให้สาวใช้เข้ามาเก็บของมีคมหรือสิ่งของอันตรายที่นางจะสามารถใช้ปลิดชีพตัวเองได้ออกไปจนหมด จนภายในเรือนนอกจากโต๊ะ ตู้ เตียงแล้วแทบจะไม่เหลืออะไรเลย

หญิงสาวรู้สึกโมโหไม่น้อย แต่กระนั้นก็ไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากผินหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างหวังให้สายลมที่พัดโชยเข้ามาช่วยปลอบประโลมอารมณ์ร้อนรุ่มให้ทุเลาลง

“จริงสิ! หน้าต่างหอนอน” หยางเสี่ยวเหมยเบิกตาขึ้นรีบถลาไปยืนเกาะขอบหน้าต่างพลันดวงตาของนางก็เปล่งประกายสดใส ในเมื่อหนีออกไปทางประตูไม่ได้ นางก็จะหนีออกไปทางหน้าต่างแทน

‘คนสกุลหลู่ช่างโง่งมยิ่งนัก คิดหรือว่านางจะไม่กล้าปีนหน้าต่างออกไป คงคิดแค่ว่าให้ทหารมายืนคุ้มกันที่หน้าประตูแล้วนางจะออกไปไม่ได้อย่างนั้นหรือ’ หญิงสาวเปล่งเสียงหัวเราะออกมาในลำคอ นึกชื่นชมในความฉลาดเฉลียวของตนเองไม่น้อย

ไม่รอช้า หยางเสี่ยวเหมยรีบวิ่งไปยังหน้าต่างใช้มือถลกกระโปรงตัวยาวขึ้นพร้อมปีนขึ้นไปนั่งบนขอบหน้าต่าง หากแต่ว่านางยังไม่ทันได้กระทำตามที่ใจคิด เสียงเคาะประตูได้ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน

ก๊อกๆๆ!

ร่างบางสะดุ้งโหยงขึ้นด้วยความตกใจ รีบกระโดดลงมานั่งอยู่ที่ข้างขอบเตียงเช่นเดิม เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูถูกผลักให้เปิดออก

“ฮูหยินเจ้าคะ ดื่มชาร้อนๆก่อนนะเจ้าคะ” จินหนิงเดินเข้ามาภายในห้อง ในมือถือป้านน้ำชาเข้ามาด้วย นางส่งยิ้มให้เจ้านายสาว ก่อนจะเทน้ำชาใส่จอกยื่นส่งให้

“ขอบใจนะ” หยางเสี่ยวเหมยรับจอกน้ำชามาถือเอาไว้ เมื่อเห็นจินหนิงยังคงส่งสายตาจดจ้องมายังนางจึงแสร้งยกจอกชาขึ้นจิบและยื่นส่งจอกชาคืนให้จินหนิง

“จินหนิงไยเจ้าถึงได้จ้องข้าเช่นนั้นเล่า”

“นายท่านสั่งเอาไว้ว่าให้ดูแลฮูหยินไม่ให้คลาดสายตาเจ้าค่ะ”

หยางเสี่ยวเหมยเบ้ปากเข้าหากันน้อยๆ ยามนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาที่เปี่ยมไปด้วยความเย็นชาอย่างหมั่นไส้ พระเอกหลู่กั๋วกงก็ดีแต่สั่งคนอื่นนั่นแหละ ทว่าคำสั่งของเขาใช้ไม่ได้กับนางก็แล้วกัน

“เอาเถิดๆ ยามนี้ข้ารู้แล้วว่าข้าไม่อาจหนีรอดออกไปจากจวนสกุลหลู่ได้ อีกทั้งข้าเลิกคิดสั้นแล้ว เจ้าไม่ต้องห่วงข้าหรอก”

“จริงหรือเจ้าคะ เมื่อครู่นี้บ่าวตกใจมากเลยนะเจ้าคะที่ฮูหยินมีท่าทีเปลี่ยนไป” จินหนิงทำตาโตมองเจ้านายสาวด้วยความภักดี นางไม่ชอบเห็นหยางฮูหยินเป็นเช่นนั้นเลย มันทำให้นางหดหู่ใจมากเหลือเกิน

“จริงสิ เจ้าวางใจเถิด” หยางเสี่ยวเหมยส่งยิ้มให้จินหนิง ทำให้จินหนิงรู้สึกเบาใจลงไปมากโข

“จินหนิง ข้าง่วงนอนยิ่งนัก เจ้าออกไปเถิด ข้าอยากพักผ่อน”

“ให้บ่าวนวดให้ดีหรือไม่เจ้าคะ” จินหนิงถามเจ้านายอย่างเอาใจพร้อมขยับเข้าไปใกล้ แต่หยางเสี่ยวเหมยกลับห้ามนางเสียก่อน

“ไม่ต้องๆ ข้าอยากอยู่คนเดียว ออกไปเถิด” มือบางโบกไปมากลางอากาศ จินหนิงเอียงคอเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ แต่ในเมื่อมันเป็นคำสั่งนางก็ยอมทำตามแต่โดยดี แต่ก่อนที่จะก้าวออกไปจากประตู นางก็ผินหน้ากลับมาหาหยางเสี่ยวเหมยอีกหน

“หากฮูหยินต้องการอะไรเรียกหาบ่าวได้เลยนะเจ้าคะ”

หยางเสี่ยวเหมยผงกศีรษะรับ จากนั้นจึงล้มตัวลงนอนพลางยกมือขึ้นทำเป็นปิดปากหาวและหลับตาลง จินหนิงเห็นเช่นนั้นจึงก้าวเดินออกไปจากห้องพร้อมปิดประตูลงอย่างเบามือ หารู้ไม่ว่าเพียงแค่ประตูปิดลง คนที่นอนหลับตาอยู่ในตอนแรกก็ลืมตาพร้อมลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว รีบสาวเท้าเดินไปยังหน้าต่างหอนอนและยกชายกระโปรงขึ้นพร้อมปีนลงไปข้างล่างอย่างระมัดระวัง

ตุ้บ!

ร่างบางเอียงเอนไปมาเล็กน้อยทันทีที่เท้าแตะลงบนพื้นหญ้า โชคดียิ่งนักที่เรือนเล็กแห่งนี้มีความสูงเพียงแค่หนึ่งชั้นทำให้นางสามารถปีนลงมาได้อย่างง่ายดาย ปากบางแย้มออกจากกันด้วยความดีใจ จุดมุ่งหมายของนางคือสระบัวในสวนบุปผชาติ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องกลับโลกเดิมที่จากมาให้จงได้

หยางเสี่ยวเหมยสาวเท้าวิ่งตรงไปยังจุดหมาย เมื่อเห็นสระบัวขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ก้อนเนื้อในอกซ้ายของนางก็เต้นแรงระรัวขึ้นด้วยความดีใจ แต่แล้วจู่ๆนางก็ต้องหยุดชะงักฝีเท้าลงเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่างเล็กกลมป้อมของใครบางคนที่ยืนอยู่อีกฟากหนึ่งของสระบัว

หลู่ฟู่หลินวิ่งตามไล่จับเจ้าผีเสื้อตัวน้อยออกมาจากกลุ่มของบรรดาพี่เลี้ยงและสาวใช้โดยที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นนาง กว่าจะรู้ตัวอีกทีนางก็ได้วิ่งมาจนถึงสระบัวแล้ว

“จะเอาผีเสื้อ” หลู่ฟู่หลินมองผีเสื้อตัวเล็กที่มีลวดลายสวยงามสีสันแปลกตาด้วยความชื่นชม หลังจากที่นางวิ่งไล่จับมันมาเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่สามารถจับได้เสียที

ดูเหมือนว่าเจ้าผีเสื้อจะรู้ตัวว่ามันกำลังถูกคุกคาม มันพยายามกระพือปีกบินหนีเพื่อเอาตัวรอด แต่ถึงอย่างนั้นหลู่ฟู่หลินก็ยังคงไม่ยอมแพ้ นางพยายามยกเท้ากระโดดไปมาเพื่อที่จะจับมันให้จงได้

“ผีเสื้อ อย่าหนีนะ” เด็กน้อยส่งเสียงเจื้อยแจ้ว วิ่งไล่ตามจับผีเสื้อจนมาถึงสระบัว นางหยุดฝีเท้าลงไปเล็กน้อย เมื่อเจ้าผีเสื้อเห็นเช่นนั้นจึงรู้ว่ามันจะรอดชีวิตจากเงื้อมมือของหลู่ฟู่หลินได้อย่างไร

ปีกสีเขียวมรกตของมันพาร่างเล็กบินผ่านสระบัวไปหยุดอยู่ที่กลางสระพลางหันกลับมามองหลู่ฟู่หลินที่ยืนจ้องเจ้าผีเสื้อตาละห้อย จากนั้นจึงบินหนีไป

“จะเอาผีเสื้อ!” เจ้าก้อนกลมเปล่งเสียงร้องโวยวาย และตัดสินใจก้าวตามเจ้าผีเสื้อไปอย่างไร้เดียงสา ทว่าก่อนที่ร่างเล็กจะก้าวเท้าตกลงไปในสระบัวก็ถูกใครบางคนอุ้มนางขึ้นมาเสียก่อน

“เดี๋ยวก็ตกน้ำตกท่าไปหรอก” หยางเสี่ยวเหมยกล่าวเสียงดุ ทว่าดวงตากลับอ่อนแสงลงยามที่เห็นเจ้าก้อนกลมหันมาจ้องนางตาแป๋ว

‘เด็กหนอเด็ก นางคงไม่รู้สินะว่าหากตกน้ำไปจะเป็นอันตรายมากแค่ไหน’

“ท่านแม่หรือ” มือเล็กๆแตะลงบนข้างแก้มของหยางเสี่ยวเหมยเบาๆ ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทุกอณูของหัวใจ จนอันอันที่อยู่ในร่างของหยางเสี่ยวเหมยไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะว่าร่างนี้คือมารดาของเจ้าก้อนแป้งจึงทำให้นางรู้สึกเช่นนี้หรือไม่

“ฟู่หลินคิดถึง ฮึก” หลู่ฟู่หลินเปล่งเสียงสะอื้น โผเข้าไปกอดคอของผู้เป็นแม่ ร่างเล็กสะท้านไหวตามแรงสะอื้น เสียงร้องไห้ที่ดังขึ้นอยู่ข้างหูทำให้หยางเสี่ยวเหมยได้สติ

“อย่าร้องๆ ฉัน เอ่อ ข้า เอ๊ย แม่อยู่นี่แล้ว” มือบางวางลงแผ่นหลังของบุตรสาวพร้อมกับลูบไปมาเบาๆ น้ำเสียงอ่อนโยนที่ปลอบประโลมทำให้คนที่กำลังเปล่งเสียงร้องไห้อย่างหลู่ฟู่หลินค่อยๆเงียบลง

หารู้ไม่ว่าทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนอยู่ในสายตาของใครบางคนที่ยืนมองมาตั้งแต่ต้นแล้ว เดิมทีหลู่อวี้โจวเห็นร่างเล็กของบุตรสาวกำลังจะตกลงไปในสระบัว เขาจึงรีบก้าวขาออกไปหมายจะตรงเข้าไปรั้งร่างของนางเอาไว้ หากแต่ว่าเขาต้องหยุดฝีเท้าลงเมื่อเห็นร่างบางของใครบางคนวิ่งเข้าไปอุ้มหลู่ฟู่หลินเอาไว้เสียก่อน

คิ้วดาบขมวดเข้าหากันเป็นปมแน่น ภาพเหตุการณ์ที่เห็นตรงหน้าไม่เหมือนกับที่มารดาของเขาและสาวใช้ในจวนเคยบอกเอาไว้ว่าหยางเสี่ยวเหมยไม่เคยสนใจไยดีลูกๆทั้งสองคนเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าที่ผ่านมาเขาคงโดนทุกคนรวมไปถึงฮูหยินผู้เฒ่าผู้เป็นมารดาหลอกแล้วกระมัง

“ฟู่หลิน” เสียงห้าวที่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้หยางเสี่ยวเหมยที่กำลังอุ้มเจ้าก้อนนุ่มอยู่ในอ้อมแขนรีบหันไปมองอย่างรวดเร็ว

“ท่านพ่อ” หลู่ฟู่หลินเรียกหาผู้เป็นพ่อพลางทำท่าจะโผเข้าไปหา หยางเสี่ยวเหมยจึงจำต้องยื่นส่งนางให้เขา ทว่าในตอนที่หลู่อวี้โจวขยับเข้ามาใกล้เพื่ออุ้มลูก ดวงตาของเขาและนางประสานกัน หยางเสี่ยวเหมยจึงรีบหลบสายตาลงต่ำ ไม่กล้าสบสายตาคมกล้าของเขาด้วยมีชนักติดหลังอยู่

“เป็นอะไรหรือไม่”

หลู่ฟู่หลินส่ายศีรษะไปมา ดวงหน้าเล็กที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาทำให้ผู้เป็นพ่อใจหายไม่น้อย หยางเสี่ยวเหมยเห็นว่าพ่อลูกกำลังสนทนากัน นางจึงได้ทีหมุนกายหันหลังทำท่าจะย่องหนีไปก่อนที่หลู่กั๋วกงจะรู้ตัว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel