บท
ตั้งค่า

บทที่ 7 จดหมายลับ

ยามนี้หลินจื่อมู่และฮุ่ยเจียวเจียวกลับมาถึงตำหนักอ๋องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากแต่ในตอนที่นางกำลังจะเดินกลับไปยังห้องหอ หลินจื่อมู่ก็พุ่งรถเข็นเข้ามาขวางหน้าของนางเอาไว้เสียก่อน หญิงสาวหรี่ตาลง ท่าทางของเขาเหมือนมีเรื่องอยากพูดกับนาง หากแต่ไม่ยอมเปิดปากเอ่ยวาจาใดออกมาเสียที สุดท้ายเป็นนางที่ทนไม่ไหวจึงเป็นฝ่ายเปิดปากถามเขาเสียเอง

“จวิ้นอ๋องมีเรื่องใดจะพูดกับหม่อมฉันหรือเพคะ”

“เจัาปกป้องข้าจากคำนินทาของนางกำนัลพวกนั้นทำไมกัน” ในที่สุดเขาก็เอ่ยขึ้น ฮุ่ยเจียวเจียวย่นหัวคิ่วเข้าหากันทันใดหลังจากที่ได้ยินคำถามนั้น เขารู้ได้อย่างไรกันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่ห้องหนังสือ ในเมื่อตอนที่เกิดเรื่องเขาสนทนาอยู่กับจางฮองเฮาที่ห้องโถงรับแขกอยู่มิใช่หรือ

“จวิ้นอ๋องทรงรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกันเพคะ”

หลินจื่อมู่หวนนึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า หลังจากที่เขาสะบัดมือจากการเกาะกุมของจางฮองเฮาออก เขาก็ไม่คิดรั้งอยู่ต่อ รีบออกมาจากห้องโถงรับรองในทันที ครั้นเมื่อออกมาถึงข้างนอกได้ยินเสียงเอะอะดังขึ้นมาจากห้องหนังสือ เขาจึงตรงดิ่งไปที่นั่นอย่างไม่รีรอ และได้เห็นว่าฮุ่ยเจียวเจียวกำลังสั่งสอนนางกำนัลปากมากจนฟันของพวกนางกระเด็นหลุดออกมาจากปาก

เดิมทีเขารู้สึกอึ้งไม่น้อย ไม่นึกว่าสตรีร่างบอบบางที่เขาเคยปรามาสเอาไว้จะมีเรี่ยวแรงมากมายถึงเพียงนี้ นางใช้มือตบนางกำนัลปากมากทั้งสามคนจนฟันร่วง นางเอาเรี่ยวแรงมากมายมาจากที่ไหนกัน

“รู้ได้อย่างไรหาใช่เรื่องสำคัญ ข้าอยากรู้แค่เพียงว่าไยเจ้าถึงปกป้องข้า” นางไม่ได้รักเขา และเขาไม่ได้รักนาง หากเปลี่ยนจากเขาเป็นหลินยวี่หานก็ว่าไปอย่าง เขาจะไม่แปลกใจเลยหากนางจะกางปีกปกป้อง

ฮุ่ยเจียวเจียวจ้องลคกไปในดวงตาของตัวโต คิดว่าเขารู้เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน นางจะได้แสร้งทำทีเป็นอยู่ฝ่ายเดียวกับเขาเสียเลย บางทีหากเขาเห็นว่านางอยู่ฝ่ายเดียวกันกับเขา อาจทำให้แผนเปลี่ยนใจตัวร้ายให้กลับกลายเป็นคนดีของนางสำเร็จได้ง่ายขึ้น

“โธ่ เหตุใดจวิ้นอ๋องถึงถามหม่อมฉันเช่นนั้นล่ะเพคะ ท่านเป็นสวามีของหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ต้องปกป้องดูแลสิเพคะ” ร่างบางหย่อนกายลงนั่งอยู่หน้ารถเข็นไม้ของชายหนุ่ม ใบหน้าของนางและเขาเสมอกัน จากนั้นฮุ่ยเจียวเจียวจึงเอื้อมมือไปกอบกุมมือหนาเอาไว้

ดวงตาคู่คมมองมือบางที่วางทาบลงบนมือใหญ่ของเขาแว้บหนึ่ง จากนั้นจึงดึงมือของตนออก ราวกับว่ามือของนางเป็นของร้อนก็มิปาน

“ให้มันจริงเถิด เพราะถ้าหากข้ารู้ว่าเจ้าทรยศข้า ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่” ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปกระซิบขู่เสียงเหี้ยม ฮุ่ยเจียวเจียวจึงส่งยิ้มหวานกลับคืนไปให้ ก่อนที่คนตัวโตจะสั่งให้รั่วหมิงเข็นรถเข็นของเขาไปที่ห้องหนังสือ

‘กลัวตายแหละ’ ฮุ่ยเจียวเจียวเบ้ปากมองคนที่หายเข้าไปในห้องหนังสือด้วยความหมั่นไส้ เอะอะก็ขู่ๆ ดุยังกับสุนัขก็มิปาน!

“อี๋นั่ว ข้ารู้สึกปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว เจ้านวดหลังให้ข้าทีเถิด”

“เพคะพระชายา” นางกำนัลคนสนิทตอบรับเจ้านายสาวด้วยความเต็มใจ หากแต่คนทั้งสองยังไม่ทันได้ก้าวขาเดินกลับไปยังห้องหอ นางกำนัลผู้หนึ่งก็เดินเข้ามายื่นส่งจดหมายฉบับเล็กให้ฮุ่ยเจียวเจียวเสียก่อน นางรับจดหมายมาเปิดออกอ่านด้วยความแปลกใจ แต่เมื่อเห็นเนื้อความในจดหมายก็ทำให้คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันมุ่นมากกว่าเดิมเสียอีก

ข้ามีธุระสำคัญจะบอกเจ้า มาพบข้าที่หลังน้ำตกหม่าจวิน...

“เจ้าได้จดหมายฉบับนี้มาจากไหนกัน” ฮุ่ยเจียวเจียวเงยหน้าขึ้นถามนางกำนัล

“มีนางกำนัลผู้หนึ่งนำมามอบให้หม่อมฉัน นางบอกว่าเป็นสหายของพระชายาฝากมาให้ หม่อมฉันยังไม่ทันได้ถามต่อว่าเป็นผู้ใด เมื่อหันกลับมาอีกครั้ง นางก็หายไปแล้วเพคะ” นางกำนัลรับใช้ตอบตามความจริง เดิมทีนางลังเลอยู่ไม่น้อยว่าจะนำจดหมายฉบับนี้มามอบให้พระชายาดีหรือไม่ แต่สุดท้ายนางคิดว่าพระชายาควรเป็นคนตัดสินพระทัยเอง

ฮุ่ยเจียวเจียวหันไปสบตากับอี๋นั่ว จดหมายฉบับนี้ดูลึกลับเกินกว่าปกติชอบกล อีกทั้งยังไม่มีการลงนามบอกว่าผู้ใดเป็นคนส่งจดหมายฉบับนี้มา ในนิยายที่ท่านเทพเคยให้นางอ่านก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ หากแต่คนอย่างลู่หนิง เมื่ออยากรู้อะไรก็ต้องได้รู้ นางจะเดินทางไปพบเจ้าของจดหมายฉบับนี้ หาไม่เช่นนั้นคืนนี้นางคงนอนไม่หลับเป็นแน่

เมื่อตัดสินใจเช่นนั้น ฮุ่ยเจียวเจียวก็ออกเดินทางไปพบเจ้าของจดหมายตามสถานที่นัดหมาย โดยที่อี๋นั่วพยายามห้ามปรามแล้วแต่นางไม่ฟัง สุดท้ายอี๋นั่วก็จำต้องติดตามไปด้วยความจำนน

เวลานี้เป็นเวลาปลายยามอุ้ย (13.00 - 14.59 น.) ฮุ่ยเจียวเจียวและอี๋นั่วเดินทางมาพบเจ้าของจดหมายตามสถานที่นัดหมาย น้ำตกหม่าจวินแห่งนี้ตั้งอยู่ที่หลังประตูวังหลวง กว่าจะเดินทางมาถึงก็ใช้เวลานานพอสมควร ฮุ่ยเจียวเจียวสังเกตเห็นว่าเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ทหารกำลังผลัดเปลี่ยนเวรยามกันพอดี ทำให้ไม่มีผู้ใดเฝ้าอยู่ที่ประตูหลังตำหนัก ดูเหมือนว่าเจ้าของจดหมายจะจงใจให้เป็นเช่นนั้น ยิ่งได้รู้อย่างนี้แล้ว ยิ่งทำให้นางเกิดความรู้สึกสงสัยอยู่หลายส่วน

ครั้นเมื่อมาถึง ฮุ่ยเจียวเจียวแลเห็นนางกำนัลผู้หนึ่งยืนอยู่หน้าทางเข้า คิดว่าต้องเป็นคนเดียวกันกับที่นำจดหมายมาให้ที่ตำหนักอ๋องเป็นแน่ เมื่อนางกำนัลคนนั้นเห็นฮุ่ยเจียวเจียวเดินเข้ามาก็ยอบกายลงคารวะนางอย่างนอบน้อม

“ฮูหยินรอพระชายาอยู่ข้างในเพคะ หากแต่พระชายาต้องเข้าไปเพียงคนเดียว ฮูหยินมีเรื่องสำคัญจะคุยกับพระชายาเป็นการส่วนตัวเพคะ”

ฮุ่ยเจียวเจียวได้ยินนางกำนัลขานเรียกเจ้าของจดหมายว่า ‘ฮูหยิน’ จึงเข้าใจว่าต้องเป็นสตรีไม่ผิดแน่ นางจึงหันไปพยักหน้าให้อี๋นั่วที่กำลังทำท่าจะก้าวตามนางไปในตอนแรก หากแต่เมื่อเห็นสายตาของเจ้านายก็จำต้องหยุดฝีเท้าลง ได้แต่ส่งสายตามองตามร่างบางของเจ้านายสาวที่เดินหายไปยังหลังน้ำตกด้วยความเป็นห่วง

ฮุ่ยเจียวเจียวเองก็เพิ่งได้รู้ว่าที่หลังน้ำตกนั้นมีทางลับที่สามารถเข้าออกได้ หากแต่ในตอนที่นางเดินเข้ามาถึงข้างในกลับพบเพียงแค่ความว่างเปล่า ไร้เงาคนอย่างที่นางกำนัลรับใช้บอกในตอนแรก ทว่าในตอนที่นางกำลังจะหันหลังกลับพลันมีใครบางคนเดินเข้ามาขวางทางออกเอาไว้ เขาเป็นบุรุษหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ท่วงท่าการเดินสง่างาม ใบหน้ามีส่วนคล้ายคลึงกับหลินจื่อมู่และหลินยวี่หาน หากแต่ไม่ได้หล่อเหลาเท่าบุรุษสองคนแรกที่นางนึกถึง

หน้าตาเช่นนี้ต้องเป็นหนึ่งในองค์ชายที่เป็นโอรสของหลินฮ่องเต้ไม่ผิดแน่

“ท่านคือ…”

“เจียวเจียวไยเจ้าถึงได้มองข้าด้วยสายตาประหลาดใจเช่นนั้นเล่า” หลินเทาเอียงหน้าถามด้วยความแปลกใจ หากแต่ยังคงส่งยิ้มหวานมาให้นาง รอยยิ้มของเขาทำให้คนมองรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก มันไม่ได้บ่งบอกถึงความเป็นมิตร หากแต่ดูโลมเลียราวกับนางกำลังเปลื้องผ้าอยู่ต่อหน้าของเขาอยู่ก็มิปาน

“ข้ากับองค์ชายรู้จักกันด้วยหรือ”

“แมวน้อยของข้า เจ้าลืมข้าไปได้อย่างไรกัน ข้าเสียใจยิ่งนัก” กล่าวพลางขยับเข้ามาประชิดตัว แขนกำยำอ้ากว้างออกจากกันหมายจะรวบคนตัวเล็กเข้ามากอด ครั้งก่อนนางรอดพ้นจากเงื้อมมือของเขาไปได้ แต่หนนี้เขาจะไม่ให้นางรอดไปได้อย่างแน่นอน

หากแต่ในตอนที่ชายหนุ่มถลาเข้าไปหาเจ้าของร่างบาง ฮุ่ยเจียวเจียวก็จัดการยกเข่ากระแทกขึ้นใจกลางความเป็นบุรุษเพศของเขาอย่างแรง ทำให้คนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวคุกเข่าไปนั่งคุดคู้ทำตัวงอด้วยความเจ็บปนจุก

“อย่าทำตัวลามปามกับข้าเช่นนี้อีก หาไม่อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน!” ในตอนนี้ฮุ่ยเจียวเจียวไม่สนใจแล้วว่าบุรุษผู้นี้มียศถาบรรดาศักดิ์ตำแหน่งใด นางส่งสายตามองไปยังดวงหน้าแดงก่ำของเขาด้วยความสะใจ จากนั้นจึงสาวเท้าก้าวเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว

“อี๋นั่วกลับ!” ทันทีที่เห็นนางกำนัลคนสนิท นางก็รีบร้องบอกทันใด เจ็บใจนักที่โดนหลอก หากแต่อยู่ต่อไปคงไม่ดีแน่ เพราะอาจเกิดเรื่องเสียหายขึ้นได้ว่านางแอบมาพบบุรุษสองต่อสอง

หารู้ไม่ว่าตอนนี้มีใครบางคนยืนมองอยู่หลังต้นไม้ใหญ่และกำลังยกมือขึ้นปิดปาก แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความตกใจที่เห็นฮุ่ยเจียวเจียวเดินออกมาจากหลังน้ำตกหม่าจวิน!

“เกิดอะไรขึ้นหรือเพคะพระชายา” ขณะที่กำลังเดินทางกลับไปยังตำหนักอ๋อง อี๋นั่วก็ได้ถามขึ้นด้วยความแปลกใจ พระชายาหายเข้าไปหลังน้ำตกได้ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชาก็เดินกลับออกมา พร้อมทำหน้าบูดบึ้งราวกับไปกินรังแตนมาอย่างใดอย่างนั้นแหละ

“อี๋นั่ว ข้าถูกหลอกเข้าแล้ว” หญิงสาวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังน้ำตกให้อี๋นั่วฟัง อี๋นั่วได้ฟังเรื่องราวที่เจ้านายสาวเล่าก็ตกอกตกใจเป็นอย่างมาก ไม่นึกว่าจะมีผู้ใดกล้าปฏิบัติกับเจ้านายของนางเช่นนี้

“เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใคร” หลังจากที่เล่าจบ ฮุ่ยเจียวเจียวก็หันไปถามอี๋นั่ว นางคือนางกำนัลรับใช้ที่ติดตามมาจากบ้านเดิม สนิทสนมกับฮุ่ยเจียวเจียวเป็นอย่างมาก ต้องรู้แน่ๆว่าผู้ใดเข้ามาสานสัมพันธ์กับเจ้าของร่างนี้บ้าง หากแต่อี๋นั่วกลับส่ายศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ สีหน้าของฮุ่ยเจียวเจียวฉายชัดได้ถึงความผิดหวัง แต่ทว่าไม่นาน อี๋นั่วก็ร้องขึ้นมาประโยคหนึ่งทำให้สีหน้าที่เต็มไปด้วยผิดหวังในตอนแรกของฮุ่ยเจียวเจียวหายไปทันที

“จำได้แล้วเพคะ! ก่อนที่พระชายาจะทรงอภิเษกกับจวิ้นอ๋อง มีคนเคยส่งจดหมายมาหาพระชายาอยู่บ่อยๆ แต่ตอนนั้นพระชายาไม่ยอมบอกว่าผู้ใดเป็นคนส่งมาให้ แม้กระทั่งหม่อมฉันพระชายาก็ยังไม่ยอมบอก”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel