บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 ออกเรือนย่อมต้องเชื่อฟังแม่สามี

บทที่ 4 ออกเรือนย่อมต้องเชื่อฟังแม่สามี

เสียงเปิดบานประตูเรือนหลักดังสะท้อนก้องในช่วงยามพลบ หลินเฉินเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเครียดจัด แววตาคมเต็มไปด้วยความขุ่นมัวที่ปกปิดไว้ไม่มิด ข้างในเรือน มารดาของเขา นางกำลังจิบชาอย่างใจเย็น ด้านข้างมีหลานสาวคนโปรดนั่งเงียบด้วยท่าทีเรียบร้อย

“ท่านแม่” เขาเอ่ยเสียงหนัก

ฮูหยินหลินเหลือบตามองเล็กน้อยก่อนวางถ้วยชาอย่างไม่เร่งรีบ

“มาแล้วหรือ ข้ากำลังคิดอยู่เชียวว่าเจ้าคงรีบรุดไปปลอบนังเด็กเอาแต่ใจนั่นเสียจนลืมแม่เสียแล้ว”

“มิ่งหุ้ยไม่ใช่คนเอาแต่ใจ” เขาตอบทันที สีหน้าจริงจัง “นางอดทนมาห้าปีเพื่อรอการยอมรับจากท่าน แต่สุดท้าย…สิ่งที่นางได้รับคือการต้องแต่งพร้อมกับอิงจูในวันเดียวกัน”

“แล้วอย่างไร” นางพูดเสียงเรียบ “เจ้าจะให้แม่อกแตกตายหรือหลินเฉิน เจ้าต้องกำราบนางให้ได้ตั้งแต่วันนี้ หากแต่งเข้ามาแล้วยังจะมาเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้ง เช่นนี้ไม่เสียขื่อเสียแปหรือ สตรีที่คิดจะอยู่เป็นใหญ่ในจวนสามี…สุดท้ายก็ไม่ต่างจากภัยเงียบ”

หลินเฉินขบกรามแน่น

“แต่ข้ารักนาง”

“แม่รักอิงจู…อย่างน้อย ภรรยาสักคนของเจ้าก็เป็นคนที่แม่ยินดีจะยอมรับ อีกอย่าง…เจ้ากับอิงจูก็เติบโตมาด้วยกัน นางรู้ใจเจ้ายิ่งกว่าใคร รู้ว่าเจ้าชอบสิ่งใด เกลียดสิ่งใด รู้แม้กระทั่งเจ้าชอบกินข้าวตอนร้อนจัดหรืออุ่นอ่อน ๆ”

นางหยุดไปชั่วครู่ สูดลมหายใจลึกคล้ายจะกลั้นบางสิ่งไว้ในอก ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น

“หลินเฉิน…อิงจูไม่เหลือใครแล้วในโลกนี้ นอกจากแม่ หากแม่ปล่อยนางไป…ก็เท่ากับผลักนางให้เผชิญโลกเพียงลำพัง แม่ทนเห็นนางตกไปอยู่ในที่ต่ำต้อย หรือลำบากลำบนไม่ได้จริง ๆ”

นัยน์ตาของนางหม่นแสงลงเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองบุตรชายอย่างเว้าวอนเจือคำสั่ง

“แม่…เสียนางไปไม่ได้ หลินเฉิน เจ้าเข้าใจแม่ใช่หรือไม่”

“เจ้ารักนาง แต่แม่เลี้ยงเจ้ามาด้วยสองมือจนเติบใหญ่”

ฮูหยินหลินตัดบททันควันคำพูดเหล่านั้นเหมือนคมมีดที่เฉือนความเป็นลูกในใจให้เจ็บลึก หลินเฉินนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงหนักแน่น

“ท่านแม่…ข้าเคารพและซาบซึ้งในพระคุณเสมอมา แต่เรื่องแต่งงาน…หากท่านยังฝืนให้มีสตรีอื่นเข้าจวนพร้อมมิ่งหุ้ย นางจะไม่แต่ง”

“นางบอกว่ารักเจ้า รอมาห้าปี งานแต่งก็ใกล้เข้ามาทุกที…เจ้าคิดว่านางจะยอมเสียเจ้าง่าย ๆ หรือหลินเฉิน ที่นางพูดว่าจะไม่แต่ง นั่นก็เพราะนางเชื่อว่าอย่างไรเสีย เจ้าก็จะต้องเปลี่ยนใจเพื่อรั้งนางไว้ และข้าจะต้องเป็นฝ่ายที่ยอมตามอย่างทุกครั้ง”

เสียงของนางสั่นเล็กน้อยแต่กลับเจือความกรุ่นร้อนในน้ำเสียง

“แต่เจ้ารู้หรือไม่…ว่าแม่ยอมได้มากเพียงใด ถึงกับยอมให้อิงจูหลานสาวเพียงคนเดียวที่แม่รักและทะนุถนอม…ต้องแต่งเข้าเป็น อนุ ทั้งที่แม่เลี้ยงดูนางมาอย่างดี ไม่เคยคิดเลยว่า วันหนึ่งต้องปล่อยให้ลูกผู้หญิงที่แสนดีเช่นนั้น กลายเป็นผู้น้อยในเรือนของตนเอง มิ่งหุ้ยเป็นเพียงบุตรสาวของรองแม่ทัพ จะเปรียบกับอิงจูได้อย่างไร อิงจูเป็นหลานสาวของข้า…บุตรสาวคนเดียวของ ไคกั๋วกง! หากไม่ใช่เพราะวาสนาน้อย พ่อของนางมาด่วนจากไปตั้งแต่นางยังเยาว์ นางคงไม่ต้องมาอยู่ในความดูแลของป้าอย่างข้า สตรีเช่นนาง…หากมีผู้หลักผู้ใหญ่หนุนหลังอยู่ คงได้แต่งกับคุณชายจากตระกูลดี ๆ สักตระกูล ไม่ใช่ต้องตกต่ำมาเป็นอนุใคร! หรือเจ้าจะเถียงว่าสตรีไร้บิดาไร้มารดาหนุนหลังจะมีตระกูลใดกล้ารับนางเข้าวงศ์อย่างดีงามได้”

นางสบตาบุตรชายแน่นิ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฝังลึกทั้งความน้อยใจและเรียกร้องให้เข้าใจ

“หากแม่จะใจร้ายจริง…แม่คงบังคับเจ้าไปนานแล้ว ให้แต่งอิงจูเป็นฮูหยินเอก แล้วไปรับนางอีกคนเป็นฮูหยินรอง แบบนั้นถึงจะเรียกว่าข่มเหงกันอย่างแท้จริง ไม่ใช่การยอมลำบากใจให้คนที่แม่รัก ต้องเป็นอนุ เป็นรองคนที่ชาติกำเนิดต่ำกว่า ทั้งที่จะให้อยู่เหนือกว่าก็ย่อมได้”

ฮูหยินหลินแสร้งยกมือปาดน้ำตาอย่างเชื่องช้ามือเหี่ยวหย่นประดับแหวนหยกวงโตแตะมุมตาด้วยท่วงท่าโอช้อย ราวนางเอกงิ้วที่สวมหน้ากากของความเศร้า ทั้งที่…ดวงตาเรียวยาวนั้นแห้งผาก

ไม่มีแม้แต่หยาดน้ำใสสักหยดจะไหลลงมาจากหางตา

“จำเอาไว้ให้ขึ้นใจ หลินเฉิน ลูกแม่…สตรียามใดที่ก้าวเท้าออกจากจวนเดิม ย่อมต้องตัดใจจากชีวิตเก่า เชื่อฟังพ่อแม่สามี…คือกตัญญู เชื่อฟังสามี…คือศีลธรรมไม่ต่อปาก ไม่แย้ง ไม่ตีหน้าใส่ผู้ใหญ่…คือความดีของสตรี”

นางปรายตามองบุตรชายเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่เบื้องหน้าอย่างพินิจ แล้วเน้นถ้อยถ้อยคำ

“หากเจ้าริจะแต่งนางมาอยู่ตำแหน่งภรรยาเอกแต่ยังยอมนางตั้งแต่ยังไม่ทันแต่งเช่นนี้…แม่ว่า อีกไม่นาน เจ้าได้ฟังคนนินทา ว่าบ่าวครองบ้าน แม่สามีเงียบเป็นใบ้แน่”

หลินเฉินก้มหน้า มือที่วางบนตักกำแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความเจ็บปวดเล็ก ๆ ทางกาย…ยังน้อยกว่าความปวดร้าวในอกที่ตีวนไม่หยุด เขาทำให้มารดาเสียน้ำตาอีกแล้ว

แค่เพียงหนึ่งประโยคตัดพ้อจากนาง ก็เหมือนสายโซ่ที่พันธนาการหัวใจ

ท่านแม่…คือผู้ให้ชีวิต ผู้โอบอุ้มเขาจากวันแรกที่ลืมตา

แต่มิ่งหุ้ยคือคนที่เขารัก

หลินเฉินเหมือนคนถูกฉีกออกเป็นสองส่วนข้างหนึ่งคือความกตัญญู อีกข้างหนึ่ง…คือความรักแต่ไร้ที่ยืนในสายตาผู้ให้กำเนิด

หากเลือกท่านแม่ ก็ต้องผลักมิ่งหุ้ยออกไปจากชีวิต

หากเลือกมิ่งหุ้ย…ก็คงไม่อาจมองตาท่านแม่ได้อีก

ทุกลมหายใจของเขาในยามนี้ ราวกับกำลังจมอยู่กลางทะเลคลื่นบ้าคลั่ง

ไม่ว่าจะพายไปทางใด…ล้วนแต่สูญเสีย

แต่แล้วเขาก็ได้สติเขาไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างใครเพราะท่านแม่ยังเหลือทางไว้ให้ทางที่มีหนามและเงื่อนไข…แต่ก็ยังนับว่าเป็นหนทางขอเพียงเขายอมรับอิงจูไว้ในฐานะภรรยาอีกคน

ท่านแม่ก็จะไม่ไล่มิ่งหุ้ยไป จะไม่ขัดขวาง ไม่ต่อต้าน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel