
บทย่อ
“ขอให้น้ำตาหยดนี้…แทนคำอำลา” ยามรักจริงนั้น นานเพียงใดก็ไม่ช้า เหนื่อยเพียงใดก็ไม่ท้อ ก็ย่อมจะผ่านวันต่อ ๆ ไปได้เช่นกัน
บทนำ
บทนำ
น้ำตาหยดหนึ่งหล่นลงกระทบพื้นหินเย็นเยียบ ราวกับกรีดรอยลงกลางใจของนางทุกหยาดหยด ใจของเขาในยามนี้ก็ไร้ซึ่งไออุ่น ไม่เหลือแม้เพียงเศษเสี้ยวความอาทรหรือห่วงใย ทั้งที่ครั้งหนึ่งเคยเอ่ยคำมั่นสัญญา ว่าจะดูแลกันจนวันตาย
นางยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ท่ามกลางลมหนาวที่พัดกรรโชกคล้ายจะพาเอาความทรงจำทั้งมวลหายไป ไม่เอ่ยคำใดออกมา มีเพียงหยาดหยดสุดท้ายแห่งความรู้สึกที่ไหลรินออกจากดวงตาคู่งาม แต่เต็มไปด้วยความหม่นเศร้า
“ขอให้น้ำตาหยดนี้…แทนคำอำลา” เสียงของนางเบาดุจสายลมยามเช้า ทว่าเจ็บลึกดั่งคมมีดที่กรีดลึกเข้าไปในหัวใจ
เขาไม่แม้แต่จะขยับ เขามองนางด้วยแววตาเฉยชา เย็นชาจนแทบไม่เชื่อว่านี่คือสายตาของผู้ที่เคยรักกัน ไม่มีแม้แววลังเล ไม่มีความอาวรณ์ ไม่แม้แต่คำขอโทษสักคำ
ข้างกายเขา บัดนี้มีอีกสตรีหนึ่งยืนเคียงข้าง สตรีที่ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ รอยยิ้มนั้นบ่งบอกถึงชัยชนะ ว่านางคือผู้ชนะ คือคนที่ได้ยืนเคียงข้างเขาในที่สุด
มิ่งหุ้ยได้แต่มองภาพนั้นทั้งน้ำตา หัวใจที่เคยเปี่ยมไปด้วยรักกลับปริร้าวจนแทบสิ้นซาก
“ต่อจากนี้…เจ้าจะมีนางอยู่เคียงข้าง ส่วนข้าจะหายไปจากชีวิตเจ้า อย่างที่เจ้าต้องการ อย่างที่มารดาเจ้าปรารถนา”
ไม่มีเสียงตอบ ไม่มีคำปลอบโยน มีเพียงความเงียบงันที่โหดร้ายยิ่งกว่าคำจากลาใด ๆ ราวกับลบเลือนตัวตนของนางออกไปจากชีวิตเขาอย่างสิ้นเชิง
หญิงสาวหันหลังให้โดยไม่หันกลับมาอีก ทิ้งไว้เพียงน้ำตาหยดสุดท้ายที่ไหลลงสู่พื้นหินเย็นเยียบอย่างเงียบงัน
เงาร่างของนางค่อย ๆ เลือนหายไปจากสายตาของเขา ราวกับไม่เคยมีตัวตนมาก่อน
และนั่นคือวินาทีที่ทุกอย่างจบลง
หลังจากวันนั้น นางหายไปจากโลกของเขาจริง ๆ ไม่มีจดหมาย ไม่มีข่าว ไม่มีใครรู้ว่านางจากไปที่ใด
บางคนว่าไปบวชที่วัดบนเขา บ้างลือว่านางสิ้นใจด้วยความช้ำรัก
ทว่าไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้ว หญิงสาวผู้หนึ่งกำลังหอบหัวใจที่แหลกสลาย เดินทางไปไกลแสนไกลเพื่อหนีทุกอย่างหนีความทรงจำ หนีอดีต และหนีตัวเขา
ณ หุบเขาอันเงียบสงบ ต้นไม้สูงใหญ่รายล้อม ลมเย็นพัดผ่านเสียงใบไม้ไหวราวบทเพลงปลอบโยน
ที่นั่นเองที่นางเลือกพำนัก อยู่กับความเงียบ อยู่กับความว่างเปล่า
วันเวลาค่อย ๆ เยียวยาหัวใจบอบช้ำอย่างเชื่องช้า แต่บนความเดียวดายนั้น นางได้เรียนรู้ที่จะยืนหยัดด้วยตนเอง
แต่แล้ว…
ในวันที่นางคิดว่าโลกนี้ไม่มีที่สำหรับหัวใจของนางอีกต่อไป วันที่นางยอมรับว่าโชคชะตานั้นโหดร้าย และผู้คนในโลกนี้ล้วนแต่เลือกสิ่งที่ตนต้องการ โดยไม่เคยถามใจผู้อื่น ใช้ความคิดของตนเป็นที่ตั้งในทุกการกระทำ
กลับมีใครบางคน…เข้ามาในชีวิตของนาง
มิใช่ด้วยคำหวาน หรือสัญญาคำมั่นเช่นชายอื่นแต่สุดท้ายก็ลืมเลือน
หากแต่เป็นความอบอุ่น…ที่ค่อย ๆ ล้อมรอบใจมิ่งหุ้ยอย่างอ่อนโยน
บุรุษผู้นั้น ไม่ได้เอ่ยถามอดีตของนาง
ไม่ได้รื้อฟื้นเรื่องราวเจ็บปวด
เขาเพียงยื่นมือให้นางจับ เมื่อเห็นนางสะดุดล้ม เขาอยู่ข้าง ๆ เมื่อฝนโปรยปราย และกางร่มให้โดยไม่พูดอะไร
หัวใจของนางค่อย ๆ สั่นไหวอีกครั้งมิใช่เพราะความหลงใหลฉาบฉวยแต่เพราะความจริงใจที่ส่งมาด้วยแววตา ความมั่นคงในน้ำเสียงและความอบอุ่นที่มีเพียงเขา…ที่มอบให้นางโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
รักครั้งใหม่ มิได้มาถึงเพราะความบังเอิญแต่มาในวันที่นางพร้อมเปิดใจ แม้เพียงเล็กน้อยและเขา…คือผู้ก้าวเข้ามาอย่างเงียบงันแต่มั่นคง
ในโลกที่นางเคยถูกทิ้งไว้ให้เจ็บปวดอย่างเดียวดาย บุรุษผู้นั้นกลับเลือกจะก้าวเข้ามา ยืนเคียงข้างนาง แม้จะไม่ได้รับความรักตอบในทันที
นั่นจึงเป็นรักแท้
รักที่ไม่เร่งเร้า ไม่ทวงถาม
แต่เฝ้ารออย่างอดทน…เฝ้ามองอย่างอ่อนโยนและปล่อยให้นางเป็นผู้เลือกเส้นทางของตนเองอีกครั้ง
และเมื่อถึงวันที่ดอกไม้ในหัวใจของนางเบ่งบานอีกครั้ง นางก็เลือก…ที่จะก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับเขา มือที่เคยสั่นไหว ยื่นออกไปคว้าอีกมือหนึ่ง หัวใจที่เคยถูกเหยียบย่ำ เริ่มเต้นอีกครั้งด้วยความหวัง
บทเพลงที่เคยขับกล่อมด้วยเสียงเศร้าหมอง…แปรเปลี่ยนเป็นบทเพลงของการเริ่มต้น
รักแท้นั้น…อาจมาถึงช้า แต่เมื่อมาถึงแล้วก็จะกลายเป็นแสงสว่างในวันที่มืดมนที่สุดและเป็นคำตอบของหัวใจที่เคยแตกสลาย
