ตอนที่ 6 ระวังโดนฟ้อง
สองวันผ่านไป
คอนโดใจกลางเมือง
คิรินหอบกระเป๋าลากและกระเป๋าถือสองใบเข้ามาในห้องคอนโด เขาวางกระเป๋าเดินไปเปิดผ้าม่านให้แสงเข้าห้อง ภายในห้องมีกระจกใสแบ่งพื้นที่ใช้สอยในห้องออกเป็น ห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ขนาดไม่ใหญ่มากแต่ไม่อึดอัด ถุงแป้งเดินดูภายในห้องที่มีอุปกรณ์เครื่องใช้ครบพร้อมเข้าอยู่อย่างกับโรงแรม เธอเตรียมมาแค่เสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวก็เข้าอยู่ได้แล้ว อีกทั้งราคาค่าเช่าก็ไม่แพงเพราะเป็นห้องคอนโดของอาคิริน ซึ่งคิรินเล่าให้อาฟังว่าถุงแป้งน่าสงสารท้องแก่สามีก็มีเมียน้อยต้องหาเงินคนเดียวอาของคิรินเลยลดค่าเช่าให้ครึ่งหนึ่ง
“อาของเคนให้เช่าถูกจัง พี่เกรงใจ”ถุงแป้งมองรอบห้องแล้วไม่สบายใจเหมือนเอาเปรียบเจ้าของห้อง
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกพี่ อาผมรวย”
“แล้วห้องเคนอยู่ชั้นไหน?”
“อยู่ข้างห้องพี่นี่แหละ เป็นไงสะดวกปลอดภัยเรียกใช้ผมได้ตลอด”คิรินยิ้มสดใสเข้าไปหยิบจานชามในห้องครัวมาที่ห้องนั่งเล่นแกะอาหารใส่จาน
“ขอบคุณที่ดีกับพี่มากนะ พี่ซึ้งใจจริง ๆ ” ถุงแป้งนั่งบนโซฟามองหน้าคิรินขอบคุณเขาจากใจสำหรับความช่วยเหลือในวันที่ทุกอย่างพังทลาย
“ตอบแทนที่พี่เคยช่วยสอนงานผมไง ถ้าผมไม่ผ่านโปรพ่อผมไล่ออกจากบ้านแน่” คิรินยิ้มให้สายตาอ่อนโยน ถุงแป้งยิ้มน้อย ๆ หยิบจับถุงอาหารมาช่วยแกะหนังยาง
“ปึ้ง ปึ๋ง ๆ” เสียงออดหน้าห้องดังขึ้น ทั้งสองมองหน้ากันแปลกใจเพราะพึ่งย้ายมาไม่รู้จักใคร คิรินลุกขึ้นเดินไปส่องที่ช่องตาแมวเห็นโยธินอาของเขายืนอยู่หน้าห้อง
“อาโย มาดูเองเลยเหรอครับ”คิรินเปิดประตูแล้วยกมือไหว้โยธิน ถุงแป้งรีบยกมือไหว้ตามคิริน โยธินรับไหว้หน้าตาท่าทางดูสุขุมเหมาะกับเป็นทนายอย่างที่คิรินเคยเล่าให้ฟัง
“อามาพบลูกความแถวนี้เลยแวะมาดูว่าพออยู่ได้ไหม”
“อยู่ได้ค่ะ ที่นี่ดีมากเลย ขอบคุณที่ลดค่าเช่าให้นะคะ แป้งจะระมัดระวังไม่ทำให้ข้าวของเสียหาย”
“ฝากด้วยนะครับ ผมตกแต่งไว้นานแล้วปล่อยไว้จะร้างเปล่า ๆ เสียดายห้องสวย ๆ อยากให้มีคนมาอยู่” โยธินน้ำเสียงนุ่มลึกมองถุงแป้งตลอดเวลาที่พูดคุย ถุงแป้งมองโยธินแล้วคิดตามคิรินเล่าให้ฟังว่าเจ้าของห้องเป็นทนายอายุสี่สิบกว่าแต่ยังดูดีเหมือนหนุ่มวัยสามสิบต้น ๆ นั่นไม่เกินจริงเลยเพราะเขาดูดีหล่อเนี้ยบมากจริงๆ
“กินข้าวด้วยกันไหมอา” คิรินพูดแทรกแอบเหวี่ยงนิด ๆ เมื่อเห็นว่าอามองถุงแป้งไม่เลิก
“เอาสิ” โยธินหันไปยิ้มให้หลานชายแล้วเดินไปนั่งบนโซฟาช่วยกันจัดเตรียมอาหารกลางวันและนั่งกินอาหารชวนคุยกันหลายเรื่อง
“ผมขอเสียมารยาทคุยเรื่องส่วนตัวได้ไหม”
“ค่ะ”
“เคนเล่าว่าสามีคุณมีภรรยาน้อย หากคุณจดทะเบียนสมรสสามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสามีและบุคคลที่สามได้นะครับ”
“เมียน้อยเป็นนักศึกษาไม่มีเงินจ่ายหรอกค่ะสงสารเด็กสงสารพ่อแม่เด็กด้วย ส่วนสามีก็ต้องดูแลหลายชีวิตทั้งตายาย พ่อแม่อยู่กับเขาหมด ถึงเขาจะไม่ดียังไงแต่ครอบครัวเขาก็ดีกับแป้ง ๆ ฟ้องไม่ลงหรอกค่ะ” ถุงแป้งถอนหายใจนึกถึงสิ่งดี ๆ ที่เคยมีร่วมกัน ถึงพาทิศจะทำลายความเชื่อใจของเธอจนหมดสิ้น ก็ใช่ว่าทั้งคู่จะไม่เคยมีช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกัน พาทิศช่วยเหลือเธอและครอบครัวในยามลำบากดูแลเอาใจใส่ห่วงใยกันนั่นเป็นเรื่องราวดี ๆ แม้จะมีเรื่องแย่ ๆ มาลบล้างไปบ้างก็เถอะ
“สามีคุณพลาดมากที่ทำให้คุณเสียใจ” โยธินพูดขึ้นเสียดายแทนสามีของถุงแป้งที่หลงผิดทำให้เสียผู้หญิงดี ๆ ไป
“เขาอาจมองว่าโชคดีก็ได้นะคะ ได้หลุดพ้นจากเมียน่าเบื่อ” เธอยิ้มกว้างนัยน์ตาเศร้า แซวตัวเองเพื่อให้เจ็บน้อยลงบางทีเธออาจมีส่วนผิดพลาดบางอย่างที่ทำให้เขานอกใจก็ได้ โยธินยิ้มน้อย ๆ นั่งมองถุงแป้งมีความสุขกับการกินอาหารตรงหน้า คิรินกินไปเหล่อาไปเพราะอาไม่ค่อยสนใจเรื่องคนอื่นหากไม่ใช่เรื่องของลูกความตัวเอง
เมื่อทานอาหารเรียบร้อย คิรินอาสาเดินไปส่งโยธินหน้าลิฟต์ ระหว่างยืนรอลิฟต์คิรินพูดลอย ๆ ปรายตามองอา
“พี่แป้งยังไม่ได้หย่ากับสามีนะครับ”
“แล้ว?”
“เห็นอามองตาหวานเยิ้ม ระวังโดนสามีเขาฟ้องเอานะ” คิรินพูดเสียงกระเง้ากระงอดมองด้วยหางตา โยธินอมยิ้มขำหลานชาย
“อาแค่ชื่นชมที่เขาจิตใจดี โดนทำให้เจ็บขนาดนั้นยังสงสารคนอื่นอีก เธอยังยิ้มได้กินอิ่มถือว่าสุขภาพจิตค่อนข้างดี แต่สังคมมันอยู่ยากดีมากไปก็ถูกเอาเปรียบเป็นเหยื่อให้คนอื่นรังแก” โยธินน้ำเสียงเรียบนิ่งเขาทำคดีมามากมายส่วนใหญ่คนที่โดนเอาเปรียบถูกรังแกก็คือคนดี
“พี่แป้งนิสัยดีจริงครับ ขนาดผมไม่มีผลประโยชน์ยังช่วยสอนงานให้จนผ่านโปรในขณะที่คนอื่นเขาส่ายหน้าเอือมระอาแม้แต่พ่อตัวเอง....” คิรินหน้างอเมื่อพูดถึงพ่อที่ไม่ยอมให้ขึ้นฝ่ายบริหารแต่ให้มาทำงานขายสินค้าหน้าร้านหนึ่งปี
“ดีนะที่ผ่านโปรไม่งั้นโดนพ่อตัดออกจากกองมรดกแน่” โยธินตบบ่าปลอบใจหลานชายคนสุดท้อง ไม่เอางานเอาการจนพ่อต้องบังคับให้ทำงาน
สักพักประตูลิฟต์เปิดออกโยธินกับหลานเอ่ยลากัน เมื่อเข้าไปยืนในลิฟต์โยธินกดเปิดประตูค้างไว้ยิ้มให้หลานอย่างมีเลศนัย
“ระวังโดนสามีคุณแป้งฟ้องนะ”
“อะไรอา?” คิรินขมวดคิ้วไม่เข้าใจคำพูดอา
“แกก็มองคุณแป้งตาหวานเยิ้มเหมือนกัน....” โยธินยิ้มกริ่มกดปิดประตูลิฟต์หนีหลานชายที่ยืนอึ้งมึน ๆ สีหน้าสับสน
เขาหันหลังเดินกลับไปที่ห้องพักของถุงแป้ง หยุดยืนอยู่หน้าประตูไม่กล้าบิดกลอนเข้าไปในห้อง
“ไม่ใช่หรอก แค่พี่น้อง...........แค่พี่น้องกัน” คิรินบ่นพึมพำกับตัวเองซ้ำ ๆ ถุงแป้งเป็นพี่สาวแสนดีไม่ได้คิดเกินเลยเป็นอย่างอื่น ไม่ได้คิดเกินเลย ไม่ได้คิด..........
ห้างสรรพสินค้า
พาทิศมานั่งเฝ้าถุงแป้งตั้งแต่เปิดร้านยันสองทุ่ม เขาอยากรู้ว่าเธอย้ายไปอยู่ที่ไหนอยู่ยังไง ท้องแก่ใกล้คลอดหากเจ็บท้องตอนดึกจะไม่มีใครพาไปส่งโรงพยาบาล
เวลาสองทุ่ม ถุงแป้งเลิกงานเดินออกมาจากร้านเห็นพาทิศยังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ของห้าง เธอเดินหนีหน้ามุ่ยไม่สบอารมณ์ พาทิศเห็นเลยรีบลุกวิ่งไปจับแขนเธอรั้งไว้
“ให้ทิศไปด้วย อยากรู้ว่าอยู่ที่ไหนเผื่อเป็นอะไรตอนดึกทิศจะได้ไปช่วย” พาทิศส่งสายตาออดอ้อนเป็นห่วงเธอกับลูกจริง ๆ
“แป้งมีคนช่วยดูแลแล้ว” เธอมองหางตาแล้วสะบัดแขนออก
“ใครดูแลก็ไม่ดีเหมือนผัวหรอก”
“ถ้าทิศรู้ที่อยู่ก็ตามวอแวแล้วแป้งจะออกมาจากบ้านทิศทำไมที่ออกมาเพราะไม่อยากเจอหน้าไม่อยากยุ่งด้วย!” ถุงแป้งเหวี่ยงใส่รำคาญเดินไปยังลานจอดรถ พาทิศเดินตามง้อไม่เลิก เมื่อถึงรถเก๋งของถุงแป้ง เธอเดินไปฝั่งคนนั่งส่วนฝั่งคนขับมีชายหนุ่มหล่อคนหนึ่งกำลังยืนรออยู่
“กลับเถอะเคน”ถุงแป้งบอกกับคิริน ด้านพาทิศหันขวับมองตาขวาง
“มึงเป็นใครวะ!”
“น้องที่ทำงาน”
“ใช่เหรอ ผัวใหม่มากกว่ามั้ง” พาทิศจ้องมองหาเรื่อง
“อย่าคิดว่าคนอื่นจะเลวเหมือนตัวเอง แป้งท้องอยู่ผัวก็ยังไม่ได้หย่าไม่มีใครเขาทำอะไรเลว ๆ เหมือนทิศที่ไปเอาคนอื่นทั้งที่เมียกำลังท้อง!” ถุงแป้งสวนกลับมองสามีอย่างสะอิดสะเอียน
“โธ่แป้ง บอกแล้วไงว่าพลาดแค่อารมณ์ชั่ววูบ” พาทิศเสียงอ่อนหน้าเสียหึงเมียจนลืมตัวว่าตัวเองมีชนักติดหลัง
“เอากับมันตั้งหลายครั้ง วูบบ่อยเลยนะมึง” ถุงแป้งหน้าตาขึงขังยิ่งพูดถึงเรื่องเก่ายิ่งอารมณ์เสีย
“กลับเถอะเคนพี่เหนื่อย” เธอหันไปบอกคิรินแล้วเปิดประตูไปนั่งหน้ามุ่ยบนรถแล้วกดล็อกประตู คิรินยืนจ้องหน้ากับพาทิศเหมือนท้าทายกันด้วยสายตาก่อนจะขึ้นรถแล้วถอยหลังออกจากลานจอดอย่างรวดเร็ว พาทิศพยายามเคาะเรียกที่กระจกรถแต่ไม่เป็นผลต้องยอมปล่อยถุงแป้งกลับไปโดยที่ยังไม่รู้ว่าเธอพักอยู่ที่ไหน
ถุงแป้งมองสามีในกระจกมองข้าง พลางหยิบทิชชู่มาซับน้ำตาที่เอ่อล้น อึดอัดกับความเป็นจริงรักก็รักอยู่แต่บอบช้ำเสียจนไม่อยากเจอหน้าคนทรยศให้ยิ่งช้ำใจ จิตใจตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะรับอะไรเข้ามาอีกทั้งนั้น คิรินเหล่มองถุงแป้งหน้าเศร้าแล้วสงสารเข้าใจความรู้สึกเจ็บแค้นแต่ก็ยังรัก เขาทั้งสองรักกันมาตั้งหลายปีอยู่ ๆ ต้องแยกกันกะทันหันเป็นใครก็ทำใจไม่ทัน
