บท
ตั้งค่า

บทที่4

“น่าเสียดาย…ที่ฉันคงไม่มีวาสนาได้อยู่นานพอที่จะได้ทันเห็นหน้าหลาน ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงก็ดีสินะ…คงจะน่ารักเหมือนแม่” หากไม่ล้มป่วยเพราะโรคร้าย นางเองก็อยากจะมีชีวิตให้ถึงวันนั้น แต่เพราะคนเราย่อมมีเวลาจำกัด เมื่อถึงเวลาก็ต้องไป อยู่ที่ว่าจะเร็วหรือช้าก็เท่านั้น และเวลาของนางก็เหมือนจะมาถึงแล้ว ห่วงสุดท้ายที่มี ก็เห็นจะหนีไม่พ้นเรื่องของลูกกับคนตรงหน้า

“อย่าพูดแบบนั้นสิค่ะคุณท่าน คุณท่านยังแข็งแรงอยู่เลย จะต้องอยู่กับคุณจอมไปอีกนานแน่ค่ะ” แม้ปากจะบอกออกไปแบบนั้น แต่น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลรินอย่างหักห้ามไม่อยู่ ภาพนั้นไม่เพียงแต่ทำให้คนมองรู้สึกเอ็นดู แต่นางยังรู้สึกเป็นห่วงคนตรงหน้ามากขึ้นอีกด้วย เพราะหากสิ้นบุญนางไปสักคนแล้ว เด็กน้อยที่แสนน่าสงสารคนนี้ ก็คงต้องรับศึกหนักหลายทางเลยทีเดียว ไม่ว่าจะครอบครัว หรือแม้แต่พ่อลูกชายตัวดีของนางเอง

และเพราะความเป็นห่วงนี้เองนางถึงได้ตัดสินใจยื่นคำขาดให้กับลูกชายเพียงคนเดียวของตัวเองแต่งงานกับปลายฝน ด้วยหวังว่าเด็กทั้งสองนี้ จะดูแลกันและกันในยามที่ใครอีกคนล้ม

นางมีความเชื่ออย่างสุดใจว่าทั้งสองคนจะรักกันได้ในที่สุด

“อดทนหน่อยนะฝน ฉันเชื่อว่าสักวันตาจอมเขาจะเห็นความดีของเธอ อย่าทิ้งพี่เขาไปไหนนะ รายนั้นเขาไม่ชอบการถูกทิ้ง…เธอสัญญากับฉันได้ไหม ว่านับจากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจะอยู่ข้างๆ ตาจอมไม่ไปไหน” แม้จะรู้ว่านี่คงเป็นคำขอร้องที่มากเกินไป แต่นางก็ยังอยากที่จะขอมันกับคนตรงหน้านี้อยู่ดี เพราะนอกจากปลายฝนแล้ว นางก็ไม่เห็นว่าจะมีใครที่จะอดทนกับนิสัยร้ายๆ ของลูกชายของนางได้อีก และเชื่อเถอะว่าสักวันตาจอมจะรักเด็กคนนี้ เผลอๆ เขาอาจจะรักมากกว่าตัวเองด้วยซ้ำไป

“ฝนสัญญาค่ะ คุณท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ฝนจะดูแลคุณจอมกับคุณลินให้ดี จะไม่ไปไหนแน่นอนค่ะ” ต่อให้วันหนึ่งข้างหน้าเธอกับจอมราชต้องหย่าขาดกันไปจริงๆ ตามข้อตกลง เธอก็จะคอยดูแลเขาอยู่ห่างๆ จะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวังเลยกับคำขอร้องนี้ หรือต่อให้เรื่องที่ท่านขอมันจะยากกว่านี้เธอก็จะทำ!

“ใจยินแบบนี้ฉันก็ค่อยเบาใจ นี่มันก็ดึกมากแล้วเธอกลับไปพักผ่อนที่บ้านเถอะนะ คืนนี้ฉันอยากให้ตาจอมเป็นคนอยู่เฝ้า” เมื่อเป็นความต้องการของท่าน อย่างเธอหรือจะกล้าขัด สุดท้ายก็ปล่อยให้หน้าที่เฝ้าไข้เป็นของจอมราชไป ส่วนเธอก็ออกไปรอรถ ที่เขาโทรเรียกให้มารับกลับไปรอคนทั้งสองที่บ้าน

“ถ้าแม่ไม่อยู่แล้ว จอมสัญญาได้ไหมลูก…ว่าจะไม่ใจร้ายกับน้องเหมือนอย่างที่แล้วๆ มาอีก” กระทั่งเมื่อมีโอกาสอยู่กับบุตรชายตามลำพังอย่างที่ต้องการ เสียงระโหยโรยแรงถึงได้เอ่ยขึ้น หวังจะให้คำขอร้องครั้งสุดท้ายนี้ของตนเป็นผลทันทีที่จากไป

“พูดอะไรแบบนั้นล่ะครับ แม่ยังแข็งแรงอยู่เลย ต้องอยู่ไปอีกนาน เชื่อผมสิ” นางได้แต่ยิ้มรับต่อคำโป้ปดของลูกชาย ที่จนถึงวันนี้ อีกฝ่ายก็เหมือนจะยังไม่อยากยอมรับความจริงว่าเวลาที่จะได้อยู่บนโลกนี้ของนางนั้นเหลือน้อยนิดเสียจนนับนิ้วได้

“สัญญากับแม่มาก่อน ห้ามเปลี่ยนเรื่อง” ท่าทีกดดันของมารดา มันยิ่งทำให้จอมราชนึกชิงชังอีกคนมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ

“ผม…จะพยายามครับ” จอมราชตอบรับเพียงเบาๆ เขาไม่รู้หรอกว่าความพยายามของตัวเองมันจะได้ผลแค่ไหน แต่อย่างน้อยเพื่อความสบายใจของแม่ ก็จำต้องยอมรับปากท่านไปก่อน

“น้องเป็นคนดี สักวันหนึ่งข้างหน้าจอมจะขอบคุณแม่ที่เลือกผู้หญิงคนนี้ให้มาเป็นคู่ชีวิตของลูก” แม้ว่าอาจจะไม่ใช่วันนี้ แต่นางเชื่อเหลือเกินว่าวันนั้นที่ว่ามันจะต้องมาถึงอย่างแน่นอน

“ดึกแล้วแม่พักผ่อนเถอะครับ พรุ่งนี้เราจะได้กลับบ้านกัน” เพราะไม่อยากพูดถึงคนอื่นไปมากกว่านี้ เสียงเข้มถึงได้เอ่ยขัดขึ้น

“แม่รักจอมมากนะลูก มากกว่าทุกสิ่งบนโลกนี้ ถ้าได้เจอน้อง…ฝากบอกยัยลินด้วยว่าแม่เองก็รักแกมากเหมือนกัน” แม้ปาลินจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่นางก็รักอีกฝ่ายไม่ต่างจากที่รักจอมราชลูกชายของตัวเองเลยสักนิด คิดมาถึงตรงนี้ก็อดเป็นห่วงรายนั้นไม่ได้ เพราะได้ข่าวมาว่าช่วงนี้ชีวิตคู่ไม่ค่อยจะราบรื่นเท่าไหร่นัก

แต่ถึงจะรู้แบบนั้นนางก็ยังเชื่อเสมอว่าปาลินลูกสาวนั้นเป็นคนเข้มแข็ง อีกฝ่ายจะต้องผ่านเรื่องร้ายๆ ไปได้อย่างแน่นอน

“พรุ่งนี้น้องก็มาแล้วครับ ไว้แม่ค่อยบอกเองดีกว่า ยัยลินจะได้ดีใจ” คนเป็นแม่ไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากส่งยิ้มมาให้ลูก ก่อนนางจะค่อยๆ หลับตาลงโดยมีจอมราชห่มผ้าให้อย่างเบามือ

ใครเลยจะไปคิด ว่านั่นจะเป็นครั้งสุดท้าย ที่เขาได้เห็นมัน

แม่ของเขาจากไปอย่างสงบในค่ำคืนนั้น…ท่านฝืนร่างกายที่บอบช้ำของตัวเองเพื่อพูดคุยกับเขาอยู่นานนับชั่วโมงทั้งๆ ที่แรงหายใจยังแทบไม่เหลือ ก่อนที่ท่านจะผล็อยหลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม แล้วแม่…ก็ไม่ยอมตื่นขึ้นมาอีกเลย

สิ่งที่เกิดขึ้นฉับพลันนี้ทำให้สมองของเขาว่างเปล่าไปชั่วขณะ มาได้สติอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงร้องไห้ระงมของปาลินกับอีกคน ที่มาไม่ทันจะได้ร่ำลาคนที่จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ คงจะมีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น ที่ได้เห็นท่านเป็นคนสุดท้าย กระทั่งวินาทีนี้เขาก็ยังจำรอยยิ้มของท่านได้ขึ้นใจ ราวกับว่ารอยยิ้มนั้นของท่าน มันคือรอยยิ้มที่ที่ปลดล็อคทุกๆ สิ่ง ก็ไม่ผิด

และแม้ภายในใจจะเต็มไปด้วยความว่างเปล่าสับสน แต่ชายหนุ่มก็จัดการทุกอย่างให้ผู้เป็นแม่ด้วยตัวเองไม่ให้ขาดตกบกพร่อง โดยมีน้องสาวคอยช่วยเหลืออยู่ไม่ห่าง เดือดร้อนคนที่ได้แต่เฝ้ามองเขาอยู่ไกลๆ ที่เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง เพราะอย่างนั้นเมื่อสบโอกาส เธอถึงเลือกที่จะฝ่าฝืนกฎเหล็ก ด้วยการพาตัวเอง มาที่ห้องนอนของเขาพร้อมๆ กับข้าวต้มในมือ

“ออกไป!”

ทันทีที่ได้เห็นว่าคนที่ถือวิสาสะเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นใคร เสียงเข้มก็จัดการตวาดไล่กันในทันที

เขาไม่ต้องการความสงสารจากใครทั้งนั้น โดยเฉพาะคนตรงหน้าที่แม้แต่ช่วงสุดท้ายของชีวิต แม่ก็ยังเป็นห่วงเป็นใยเธอ!

“แต่คุณจอมยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เมื่อวาน ฝนว่า…”

“ฉันบอกให้ออกไป หูหนวกรึไง!”

เสียงคำรามก้องที่มาพร้อมแรงสะบัดโดยไม่ทันคาดคิดนั้น ทำให้ถาดข้าวต้มในมือเธอหล่นแตกกระจายไปทั่ว และเพราะความตกใจนี่เองที่มันทำให้เธอเผลอขยับหนี ก่อนที่ความเจ็บจะเข้าจู่โจมทันที ที่เผลอเหยียบเศษแก้วชิ้นหนึ่งเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ

“โอ้ย!”

“บ้าเอ้ย! ทำไมถึงได้โง่แบบนี้ห๊ะ!” เขาว่าก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ ยิ่งได้เห็นเลือดสดๆ ที่เท้าของหล่อน ความโมโหก็ยิ่งสูงมากขึ้น เป็นอีกครั้งแล้วที่ผู้หญิงคนนี้ทดสอบความอดทนของเขา

“ฝะ…ฝนไม่เป็นไรค่ะ”

“เลือดออกขนาดนี้จะไม่เป็นไรได้ยังไง หุบปากแล้วอยู่เฉยๆ” เขาว่าก่อนจะช้อนอุ้มเธอขึ้น จากนั้นก็ตัดสินใจเดินไปหยิบกุญแจรถ เพื่อพาแม่คนชอบสร้างเรื่องไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

กระทั่งเมื่อมาถึงจุดหมาย เขาก็เป็นคนจัดการทุกอย่างให้จนเธอได้พบกับหมอ ที่เดินเข้ามาพร้อมกับบางสิ่งที่เธอแสนกลัว

“แผลลึกแบบนี้คงต้องเย็บนะครับ” กระทั่งเมื่อได้ยินคำบอกกล่าวของอีกฝ่าย คนที่ได้แต่สงบปากสงบคำมาตลอดการเดินทางถึงได้เริ่มต้นขยับตัว แต่ขยับหนีไปไปไม่เท่าไหร่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะถูกมือหนาของสามีคว้าตันแขนเอาไว้ไม่ให้หนี

“ยะ…เย็บเหรอคะ แค่ติดพลาสเตอร์ก็ได้ แผลแค่นี้เอง…”

“เย็บเลยครับ!” เป็นจอมราชที่เอ่ยขึ้นตัดบท ก่อนจะรั้งแม่ตัวดีให้หยุดดิ้น เพราะยิ่งหล่อนทำ แผลก็เหมือนจะยิ่งปริมากขึ้น

“ไม่เอานะคะ ฝนไม่เย็บ!” เธอกลัวเข็มมาก แค่เห็นไกลๆ ก็รู้สึกเหมือนจะเป็นลมแล้ว ถ้าถึงขั้นต้องเย็บเธอคงทนไม่ไหวแน่ๆ

“อย่าดื้อให้มันมากนักจะได้ไหมห๊ะ!” เขาว่าพร้อมขยับเข้ามากอดรัดคนดื้อเงียบให้แน่นขึ้น ก็พอจะรู้มาบ้างว่าหล่อนกลัวเข็ม แต่นี่มันไม่มีทางเลือก หมอว่ามาแบบไหนก็ต้องเป็นแบบนั้น

“ฮึก!” กระทั่งเมื่อหมอเริ่มเย็บ เสียงร้องเบาๆ จากคนในอ้อมแขนก็ดังขึ้นมาให้ได้ยินเป็นระยะ ไหนจะเนื้อตัวที่สั่นเทานี่อีก

“เจ็บนิดเดียว เงียบซะ อย่าร้อง!” เขาไม่ชอบคนเจ้าน้ำตา และเหมือนคนในอ้อมกอดเองก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดีเธอถึงได้พยายามซ่อนเสียงสะอื้นแม้จะทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็ยังฝืนพยายามทำมัน

“นิดเดียว…อดทนหน่อย”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel