บทที่ 3
เหมือนเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง
“ป้าระรื่นขา หนูมาลาป้าค่ะ” อนัญญาก้มลงไปกราบที่แทบอกของคุณป้า แม้ไม่ใช่ญาติ ตั้งแต่จากลำปางบ้านเกิดเข้ากรุงเทพฯ มา หญิงสาวก็ปักหลักอยู่ที่นี่ มีปัญหาอะไร หรือต้องการความช่วยเหลือ ป้าระรื่นเจ้าของหอพักนี่แหละ ที่ให้คำปรึกษาได้ทุกอย่าง
“ผักกาดคงจะคิดถึงป้ามาก และคงจะคิดถึงที่นี่”
“คิดถึงเมื่อไหร่ก็แวะมาสิ ที่นี่ยังยินดีต้อนรับทุกคนเสมอ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอไหว้ป้าอีกครั้ง
“เอานี่ เหรียญนำโชค” ป้ายัดถุงผ้าสีทองที่ห่อบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ข้างใน
“หนูเปิดได้ไหมคะ”
“เปิดสิ ถ้าอยากจะเห็นข้างในนะ”
อนัญญาเปิดถุงผ้าเล็ก ๆ นั้นออก และหยิบพระองค์เล็กที่อยู่ข้างในออกมาดู
“เป็นปีที่ป้าแต่งงาน และเราใช้พระท่านเป็นของชำร่วยที่ให้กับแขกที่มาร่วมงาน เป็นสัญลักษณ์ว่า พระจะต้องคุ้มครองให้คู่ของเราอยู่เย็นเป็นสุข” การได้พูดถึงเรื่องราวในอดีตที่เป็นเวลาดี ๆ ทำให้ใบหน้าของป้าฉายสุข
“ป้ากับลุง เราสองคนอยู่กันโดยที่เราไม่เคยปริปากทะเลาะกัน ลุงเป็นคนใจเย็นมาก ๆ และทำให้ป้าต้องเปลี่ยนเป็นคนใจเย็นไปด้วย”
“ป้าขา หนูขอขัดหน่อย อยู่ด้วยกันยังไงไม่ให้ทะเลาะกัน ขนาดหนูกับเพื่อนสนิท เรายังมีถกเถียงกัน งอนกัน บางทีก็ไม่พูดกันไปตั้งหลายวัน”
“ความที่เรารักกันมากไง ลุงเขาขอป้าเอาไว้ในวันที่เขาขอป้าแต่งงาน เขาขอให้ป้าฟังเขาทุกเรื่อง และเขาจะฟังป้าทุกเรื่องด้วยเหมือนกัน คนเราไม่มีใครสมบูรณ์พร้อม คนทุกคนมีความบกพร่องกันทั้งนั้น ต้องอยู่ด้วยความเข้าใจกัน และที่แน่ ๆ ถ้ามีเรื่องไม่เข้าใจกัน ไม่พอใจกัน อย่าให้ข้ามวัน ต้องเคลียร์กันเสีย แต่ต้องเคลียร์ในตอนที่ทุกคนอารมณ์เย็นลง จะได้ไม่แตกหัก หรือสร้างรอยบาดแผลซ้ำรอยเดิมเข้าไปอีก”
“ป้าคะ ฟังดูก็ไม่ง่ายเลยนะคะ”
“ชีวิต และการใช้ชีวิตไม่มีอะไรง่ายหรอก เพียงแต่ให้เรามองแต่สิ่งดี ๆ ถ้าเจอปัญหาให้มองหาข้อดีก่อน แล้วเราจะเห็นทางออก”
“ค่ะ”
“แล้วนี่ ผักกาดจะกลับบ้านที่ลำปางหรือ”
“ค่ะ ว่าจะกลับไปอยู่บ้านสักพัก แล้วค่อยหางานทำ”
“ทำไมไม่หางานทำในกรุงเทพฯ นี่ล่ะ” ป้ามองเธออย่างเอ็นดู
“บ้านของพ่อกับแม่คงเหงามากเลยค่ะ หนูก็ไม่อยู่ที่บ้านมาสี่ปีแล้ว หนูจะไปปรับปรุงบ้านของพ่อของแม่ให้ดีขึ้น และจะไปอยู่ดูแลบ้านหลังน้อยนั้นสักพัก”
“อือ” ป้าทำหน้าเข้าใจ
“ป้าคะ หนูอยากจะถามป้าอีกสักเรื่อง”
“เรื่องไหนอีกล่ะ” ป้าหัวคิ้วชนกัน คงจะมีแต่อนัญญาที่มาชวนคุยนั่นคุยนี่อยู่เรื่อย ๆ ถ้าเธอไม่อยู่เสียคน ป้าระรื่นก็คงเหงา
“เรื่องของผักกาดเอง ที่เคยมาถามป้าครั้งที่แล้ว”
“เรื่องรักแรก”
“ใช่ค่ะ ป้าขา หนูควรไปตามหารักแรกของหนูไหม” พูดไป มองตาไปเหมือนขอกำลังใจ
ป้าระรื่นยกมือขึ้นมาลูบหัวของเธอ พลางจับปลายคางของเธอแล้วเขย่าเบา ๆ
“ผักกาดน่ะ ถ้าคนที่ไม่รู้จัก ดูภายนอกก็จะเห็นว่าเป็นคนไม่จริงจังอะไรเลย แต่แท้ที่จริงแล้ว เป็นคนที่มุ่งมั่นมาก ๆ เอาสิ อยากทำอะไรก็ทำ เหมือนที่ป้าเคยบอกเคยเล่าเรื่องของพี่นะ ถ้าผักกาดไม่ลงมือทำ ต้องค้างคาอยู่ในหัวใจไปตลอดชีวิต”
“ค่ะ” รอยยิ้มเผยออกมา แววตามุ่งมั่น
“แต่ถ้าเขาแต่งงานแล้ว”
“ฮ่า...” ป้าระรื่นถึงกับหัวเราะร่วน
“ไม่ยาก ผักกาดก็แค่เอ่ยคำอวยพร และขอให้เขากับภรรยาของเขารักกันไปนานแสนนาน”
อนัญญาถอนหายใจยาว ๆ ใบหน้าของหนุ่มน้อยตัวอ้วนกลมผิวดำลอยเข้ามา
‘หุ่นอย่างนายคงไม่มีใครเอาหรอกน่า อิ อิ’
“ป้าขา หนูลาแล้วนะ” กราบงาม ๆ ไปที่หน้าอกของป้าระรื่นอีกครั้ง
“โชคดีจ้ะ”
(“ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ
ขณะนี้เครื่องบินกำลังจะพาแล่นจอดที่สนามบินจังหวัดกระบี่ ขอให้ผู้โดยสารทุกท่านนั่งประจำอยู่กับที่ และคาดเข็มขัดนิรภัย ผมกัปตันวสันต์ ขอขอบคุณทุกท่านที่บินร่วมกับเรา ขอให้เที่ยวสนุก และในสถานการณ์โรคระบาดนี้ ขอให้ทุกคนจงรักษาสุขภาพและปลอดภัย”)
อนัญญามองไปข้างล่างเคยเห็นน้ำทะเลต้องกับแสงอาทิตย์ที่มีฟองคลื่นพราวระยิบระยับ ตอนนี้ในหัวใจของอนัญญารู้สึกตื่นเต้น เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาที่นี่ เธอกำลังจะมาตามหาเขา เพียวอิงครัต ผู้ชายคนนั้นที่ไม่เคยพบเจอกันอีกเลย แสนนาน เธอแค่มาตามหัวใจที่ตามติดเขามาเท่านั้นเอง และไม่อยากตายจากไปแบบไม่มีหัวใจของตัวเองคืน
บ้านของน้าบัวแก้ว ที่จังหวัดลำปาง เมื่อนานมากแล้ว
“ผักกาดอยู่ที่ไหนอะ ได้ข่าวว่าเรามาอยู่กับตายายหรือจ๊ะ” น้าสาวส่งเสียงดัง
เด็กหญิงตัวน้อย ๆ ผมยาวประบ่า หน้าตาสดใสน่ารักตามวัย ออกอาการตื่นเต้น วิ่งตึงตังเข้ามาในบ้าน
“สวัสดีค่ะน้าบัวแก้ว มีอะไรมาฝากผักกาดหรือเปล่าคะ พอผักกาดรู้ว่าน้าบัวแก้วจะมาอยู่ที่บ้านเรา ผักกาดก็รีบมาที่นี่เลยค่ะ และผักกาดจะมาอยู่จนกว่าน้าจะกลับด้วยค่ะ” เด็กสาวตัวน้อยวิ่งมากอดน้าสาวไว้ตัวกลม
“ตัวโตขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย แล้วก็สวยด้วย” น้าสาวจับใบหน้าของหลานสาว พิศมองไปมา ผักกาดยิ้มสดใสให้กับคุณน้า
“น้าบัวแก้วคะ ไหนล่ะคะของฝากของผักกาด” สาวน้อยทำตาหยีเอียงคอมอง
“น้าคิดเอาไว้แล้วเชียวว่า คำถามแรกจะต้องถามแบบนี้ มีสิของผักกาดนะเยอะกว่าเพื่อนเลย”
“อะไรบ้างคะ” สีหน้าตื่นเต้น
“ตุ๊กตา หม้อข้าวหม้อแกงสำหรับเล่นขายของ แล้วก็...” น้าสาวหยิบถุงแฟชั่นออกมาจากกระเป๋า
ผักกาดรีบเอาถุงนั้นมาถือ ก่อนจะหันไปยังโต๊ะใกล้ ๆ เทเอาของข้างในออกมา
“ว้าว สวยจังเลยค่ะ” เด็กสาวหยิบเอากิ๊บติดผมที่น้าสาวซื้อมาให้มาติดที่หัวของตัวเอง
“สีสวยจังเลย แบบนี้แหละค่ะที่ผักกาดอยากได้ ไม่เสียแรงเลยนะคะ ที่สั่งเอาไว้เมื่อครั้งก่อน เยี่ยม” ยกหัวแม่โป้งให้กับน้าสาวด้วย
“เรานี่ ไม่มีใครเกินจริง ๆ นะไอ้ผักกาด”
“ขอบคุณมากค่ะ” ไหว้น้าสาวอีกครั้งหนึ่ง
แล้วสายตาของเธอก็ไปเห็นเด็กชายรุ่นราวคราวเดียวกันยืนอยู่ข้างหลังน้าบัวแก้ว
“น้าคะ พาใครมาด้วยเหรอ” ปากก็ถาม ตาจ้องมองเด็กชายตัวอ้วน ๆ ดำ ๆ ยืนยิ้มจนเห็นฟันขาว
“อ๋อ เพียวมานี่ซิ” น้าบัวแก้วหันไปเรียกอิงครัต
“ผักกาดจ๊ะ คนนี้ชื่อเพียวนะ และเพียว สาวน้อยคนนี้ชื่อ ผักกาด ปิดเทอมเหมือนกัน น้าแก้วก็เลยพาเพียวมาเที่ยวด้วย”
“มาจากใต้เหรอจ๊ะ”
“ใช่จ้ะ เพียวมาจากกระบี่”
“ยินดีที่ได้รู้จัก”
ผักกาดยิ้มกว้างและยื่นมือไปตรงหน้าของเด็กชายตัวอ้วนผิวดำ
“เราชื่อผักกาดนะ เธอชื่ออะไรนะ” ถามอีกครั้ง ทำความรู้จัก
“เราชื่อเพียวครับ”
“เพียว กินเหล้าเพียว ๆ โดยไม่ต้องผสมโซดากับน้ำแข็งใช่ไหม”
ผู้ใหญ่ที่อยู่ตรงนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะเฮฮา ในความช่างพูดของเด็กสาว
ทั้งตาทั้งยายดีใจที่เห็นลูกสาวคนเล็กกลับมาเยี่ยมบ้าน
บัวแก้วแนะนำทุกคนว่า เด็กชายเพียวเป็นเด็กข้างบ้านของเธอ เธอเห็นว่าเขาไม่มีเพื่อนเล่นตอนปิดเทอม จึงพามาด้วย ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี หลังจากนั้นก็พูดคุยกันถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ไม่ได้เจอกันมานานแสนนาน
