บทที่ 2
สมดังใจ
กริ้ง... กริ้ง...
มือถือของอนัญญาดังขึ้น เธอตกใจสะดุ้งสุดตัว วันนี้เธอจะต้องไปพรีเซนต์งานกับอาจารย์เสียด้วย
อนัญญารีบกดรับสาย
(“คือ แบบ... แบบว่า ยะ ยายผักกาด แกตื่นหรือยัง”)
“ตื่นแล้วนี่ไง ตื่นตอนที่แกโทร. มาปลุกฉันนี่แหละ โอ๊ยตายแล้ว เมื่อคืนนี้ ฉันลืมตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้”
(“ถะ ถ้า บะ แบบนั้น กะ แกต้องรีบเลย รู้ไหมว่า ตอนนี้มันสายแล้ว”)
“กี่โมง”
(“สองโมงครึ่ง”)
“อีบ้า แล้วทำไมแกเพิ่งจะมาโทร. ตายแน่ ๆ ฉันต้องตายแน่ แล้วแบบนี้ฉันจะไปทันไหมเนี่ย”
(“ทะ ทันสิ ถ้าแกรีบ”)
“เอ่อ แค่นี้แหละ”
จากนั้นอนัญญาก็กระเด้งตัวออกมาจากที่นอน อาบน้ำแต่งตัวเหมือนวิ่งผ่าน โชคดีนะเมื่อคืนก่อนนอนเธอรีดเสื้อผ้าที่จะใส่เอาไว้เรียบร้อยแล้ว
เครื่องสำอางที่คิดว่าจะโปะลงใบหน้า เธอต้องกวาดมันลงไปในกระเป๋า สิ่งจำเป็นสำหรับการนำเสนอ โชคดีอีกนั่นแหละที่ทุกอย่างถูกจัดใส่อยู่ในเป้ของเธอเป็นที่เรียบร้อย
อนัญญาหยิบถุงเท้า และรองเท้าผ้าใบออกมาที่หน้าห้อง สวมมันพรืด โดยโยนถุงเท้าเอาไว้ที่กระเป๋าผ้าอีกใบที่ใช้ประจำ หัวหูยุ่งฟู คาดว่าต้องไปเสริมแต่งเอาข้างหน้า
เธอวิ่งตึง ๆ ไปตามทางเดิน อนัญญาเลี้ยวหัวตรงบันได เกือบจะชนเข้ากับใครบางคน อารียา ที่กำลังเดินขึ้นบันไดสวนขึ้นมา ทั้งคู่ตกใจใบหน้าผงะ แต่ก็ยังยิ้มให้กัน
“ขอโทษนะคะ รีบมากเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ” อารียารีบหลบทางให้
อนัญญาไม่มีเวลาเหลือแล้ว เธอรีบมาก ๆ สองเท้าแข่งกันซอยมุ่งไปที่ถนน โชคดีมีแท็กซี่ผ่านมาพอดี หญิงสาวตัดสินใจโบกเรียก พี่แท็กซี่ใจดีก็จอดรับ เธอบอกจุดมุ่งหมาย เขาก็รีบกดมิเตอร์ แล้วบึ่งออกไปทันที
“หนูสายแล้วค่ะ ไม่น่าตื่นสายเลย”
“สอบหรือ”
“ค่ะสอบ” พูดไป ค้นในกระเป๋าหาทั้งแป้งทั้งกระจกขึ้นมาส่องและหวีผม รวบมัดเป็นหางม้าอย่างลวก ๆ หาตลับแป้งได้ ก็ผัดแป้งบาง ๆ พร้อมกับทาลิปกลอส
‘แค่นี้ก็พอแล้วมั้ง โธ่! อยากจะสวยสักวัน ก็ไม่ได้สวย’ มองสบตาตัวเองในกระจกแบบเซ็ง ๆ
บนถนนตอนนี้ไม่ค่อยมีรถหนาแน่นทำให้แท็กซี่พาเธอไปยังจุดหมายใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาที อนัญญาจ่ายเงินตามมิเตอร์ รีบลง และออกตัววิ่งไปยังอาคารที่อยู่เบื้องหน้า
เมื่อไปถึงที่หน้าห้อง ทุกคนก็หันมามองเธอเป็นตาเดียว
“ยายติ่ง” เธอก้มตัวงอ หายใจหอบแฮก ๆ
“มะ มาทันเวลาพอดี มะ หมายเลขที่หนึ่งกำลังสอบอยู่”
“อ่อย... คิดว่าจะโดนจวกเสียแล้ว” ขยับเดินเข้าไปใกล้
“มะ มานั่งก่อน อ้าวนี่ นะ น้ำ”
“ขอบใจ” คว้าเอาขวดน้ำของเพื่อนมาดื่มไปหลายอึก
“ดะ ดีขึ้นหรือยัง”
“ดีแล้ว”
ตอนนี้ทุกคนกำลังเงียบเสียง เพราะต่างสนใจที่จะนำเสนอผลงานของตัวเอง ทั้งตระเตรียมและซ้อมคำพูด อนัญญาเองถอนหายใจออกมาอย่างโล่ง ๆ ชีวิตเธอมันเป็นแบบนี้ก็เพราะความสะเพร่าของตัวเอง เมื่อไรหนอ เธอจะเลิกนิสัยแบบนี้เสียที
อนัญญาได้เข้าไปหาอาจารย์เป็นคนที่เจ็ด เนื่องจากคิวที่ได้นั้น อาจารย์ได้กำหนดเอาไว้แล้ว
การนำเสนองานของอนัญญาผ่านพ้นไปได้ด้วยดี อาจารย์ที่วัดผลถึงกับเอ่ยปากชม
อนัญญาเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“ปะ เป็น ยังไงบ้าง” ปาติมาก็รีบถาม
“Done ผ่านสิ”
“จะ จริงนะ”
“อื้อ” ทั้งสองคนจับมือกันกระโดดโลดเต้น
“คุณปาติมาเชิญค่ะ”
“โชคดีนะยายติ่ง”
“จ้า...”
สี่ชั่วโมงต่อมา
“ชน” อนัญญายกแก้วเบียร์ของเธอขึ้นชนกับแก้วของปาติมา
“บะ แบบ แบบว่า มะ ไม่น่าเชื่อเลยเนอะ วะ ว่า เราสองคนจะสอบผ่าน ระ เรียนจบแล้ว”
“ใช่ เรียนจบแล้ว เราต้องฉลองกันไง แม่ง... โคตรดีใจเลยว่ะแก พ่อกับแม่ฉันที่อยู่บนฟ้าจะต้องดีใจกับฉันแน่ ๆ เลย”
เริ่มพูดอ้อแอ้ลิ้นพันกันแล้ว
“ชะ ช่าย... ตะ แต่ว่า กะ แก จะไป ทะ ทำงานที่ไหน”
ปาติมาเริ่มเข้าโหมดจริงจัง
“ฉะ ฉันรู้การใช้ชีวิตอยู่คนเดียวนะ มะ มันไม่ง่าย”
“เอ่อ... อันตรงนี้ยังไม่ได้คิด แต่ว่า แกน่ะไม่ต้องเครียดอยู่แล้วนี่ จบไป แกก็ต้องไปทำงานให้กับที่บ้าน”
“อะ อันนั้น มันแหงอยู่แล้ว ตะ แต่ ฉันเป็นห่วงแกนะโว้ย”
“นี่ยายติ่ง ฉันมันน่าห่วงตรงไหน เห็นไหม หนักแปดสิบเก้า สูงร้อยหกสิบ ความสามารถพิเศษคือทุ่มน้ำหนัก อ๊าก ๆ” หัวเราะชอบใจ ตอนนี้ความสุขที่สอบผ่านกำลังแบ่งบานอยู่เต็มหัวใจ
“กะ แกจะกลับไปอยู่ที่บ้านก่อนหรือ”
“อืม... คนเราก็ต้องกลับไปตั้งหลักชีวิตก่อนไหม แต่ฉันนะ มีเรื่องที่จะต้องทำอีกเยอะแยะเลยในวันข้างหน้า”
“ฉะ ฉันจะเอาใจช่วยแกนะผักกาด”
“รักแกจังว่ะ”
ทั้งสองโผเข้ากอดกันด้วยความอาลัย สี่ปีที่เรียนด้วยกัน แม้จะมาจากคนละจังหวัด เป็นสาวภูธรเหมือนกัน เลยเข้ากันได้ไม่ยาก
“อย่าลืมฉันนะยายติ่ง”
“กะ แกนั่นแหละที่อย่าลืมฉัน มะ มีอะไร กะ แกก็ต้องส่งข่าวตลอดไปนะ”
“แน่นอนอยู่แล้วชีวิตของฉันมีแกเป็นเพื่อนที่สนิทมาก ๆ”
“ติ่งเพื่อนรัก มะ ชน...”
เกร้ง... แก้วชนแก้ว ทั้งคู่เสียงหัวเราะเฮฮาดังลั่นอยู่ในห้องนอนของอนัญญา เบียร์หมดไปสามขวดเท่านั้น แต่ทำให้สองสาวเมาและนอนกลิ้งกันอยู่ในห้อง
การเรียนจบปริญญาตรี มันก็คือก้าวแรกของการที่คนคนหนึ่งจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นประกายแห่งขุมพลังของมนุษย์หนึ่งคนที่จะต้องไปผจญกับเรื่องราวอีกมากมายต่อไป เบื้องหน้าอุปสรรคและปัญหา หรือความสุขสมยังคงรอคอย ให้ทั้งสองสาวไปเผชิญกับมัน
การพบแล้วจากเป็นสัจธรรมของทุกคน
สองสาวในวันที่ต้องจากกัน มีคำร่ำลา มีน้ำตาแห่งมิตรภาพ และคำสัญญาที่ให้กันเอาไว้ เราสองคนจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป
