ตอนที่ 6 เรียนรู้
พาร์ท เฟยหลง
ผมพานโมเข้ามาในโซนของออฟฟิศ เพื่อทำแผลที่หน้าที่มีไม่มากเพราะน้องเอาแขนบังหน้าเอาไว้ แต่รอยช้ำตามแขนและลำตัวคงเดาได้ไม่อยากว่าจะช้ำขนาด คิดแล้วก็อยากตามไปกระทืบหน้ามันสักที
ผมเดินจูงมือน้องมาถึงห้องทำงาน ส่วนคนอื่นก็แยกไปทำแผลให้น่านน้ำในห้องรับรอง
“นั่งตรงนี้” ผมบอกน้องเสียงเรียบ
นโมก้มหน้า คางชิตอกกัดริมฟรีปากเล็กน้อย หื้ออออ น่าฟัดชะมัดเลย น่าจูบปากที่น้องกัดไว้นั้นจริงๆเลย ปึง ผมว่างกล่องพยาบาลลงบนโต๊ ผมจงใจว่างเสียงดังแต่น้องก็ไม่ยอมเงยหน้ามามองหน้าผม ผมค่อยเอามือช้อนหน้าน้องขึ้นมา
“เจ็บมากไหม” ดูก็รู้ว่าเจ็บถามอะไรโง่ๆจริงๆ ไอ้เฟยเอ้ยยยยย
“เจ็บครับ” น้องช้อนตาขึ้นมามองผม สายตาอ้อนๆๆแบบนี้ทำผมดุไม่ลงเลยครับ ได้แต่นั่งลงทำแผลให้น้อง
“เฮียโกรธผมไหมครับ” น้องถามผมด้วยเสียงเบาหวิว เหมือนน้องกำลังพูดกับตัวตัวเอง
“ไม่นิ เฮียห่วงโมมากกว่า” ผมตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่กับทำให้น้องมองผมตาโต
“เออคือผมขอโทษน่ะครับที่ทำให้สนามรถแข่งของเฮียเกิดความวุ่นวาย” น้องบอกผม ก่อนจะค่อยเงยหน้าขึ้นมามองที่ผม ด้วยดวงตาที่ยังแดงจากการรัองไห้ นั้นนิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าน้องน่ารัก น่าแกล้งหน้าแดงลามไปถึงหูซึ่งน่าจะเกิดจากอาการเขินมากกว่า
เห็นแล้วผมก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้ ผมค่อยๆเลือนใบหน้าตัวเองก้มลงไปจูบที่หน้าผากน้อง เพื่อเป็นการปลอบโยนอย่างลืมตัว
ตัวนโมแข็งเป็นหินทันที คงเพราะน้องไม่ทันตั้งตัว ตาโตมองมาที่ผม ยกมือขึ้นจับหน้าผากตัวเองตำแหน่งที่โดนจูบ อาการตอกตะลึงของน้องทำให้ผมรู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรลงไป
“เออ คือ เฮีย” น้องพูดติดๆๆขัดๆๆ หน้าแดงจมูก หูแดงกว่าเก่าอีก
“เพี้ยง” ผมก้มไปเปาแผลที่ริมฝีปากน้องแก้เขินแล้วได้บอกไปว่า
“พรวิเศษน่ะ” น้องเอามือลูปหน้าผากแล้วพึมพำกับตัวเอง
“หน้าผากมีแผลเหรอว่ะ” นโมพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“เออเฮียขอเบอร์โทรศัพท์เราหน่อยสิ” ผมขอโทรศัพท์น้อง น้องปลดรหัสแล้วส่งมาให้ผม ผมแอดไลน์น้องพร้อมกับเพิ่มเบอร์โทรตัวเองลงไป
“ถ้ามีเหตุการณ์แบบวันนี้อีกโทรตามเฮียทันทีน่ะ” ผมบอกน้องด้วยความจริงใจ ผมอยากให้น้องนึกถึงผมเวลาที่น้องมีปัญหา น้องมองผมอึ้ง
“เฮียไม่อยากเห็นนโมเจ็บตัว”
“ถ้านโมไม่ติดอะไร เฮียก็อยากรู้จักนโมเพิ่มขึ้นน่ะ”
ประโยคยาวๆที่ผมแทบจะไม่เคยพูดกับใครนอกจากกับน้องถูกพูดขึ้นมา
ดูจากวันนี้ทำให้รู้ว่าน้องเป็นคนอารมณ์ร้อนคนหนึ่ง จากการที่ไม่ไว้หน้าใครพร้อมบวกเมื่อคนๆนั้นทำให้น้องรู้สึกไม่ดี
“ไปครับ เฮียไปส่งบ้าน” ผมบอกน้อง ก่อนจะช่วยพยุงนัองลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก
“ลืมกุเลย” น่านน้ำเอยขึ้นกับนโมที่ตอนนี้เหมือนน้องยังตั้งสติกับคำพูดผมไม่ได้
“ลืมเหี้ยไรล่ะ” น้องหันไปตอบเพื่อน
“แดะเฮียไปส่ง นโมเอง” ผมหันไปบอกเพื่อนน้อง
“มันเอารถมาครับ” น่านน้ำหันมาบอกผม
ผมกันมามองหน้าน้องแล้วก็เหมือนน้องจะนึกได้ว่าตัวเองเอารถมา
“เออ ใช่ครับผมเอารถมาแถมต้องไปส่งเพื่อนด้วยครับ” ผมเลยพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงอนุญาติ
“ถึงแล้วไลน์บอกเฮียด้วย” ผมยกมือขึ้นมาลูบหัวน้องด้วยความเอ็นดู
“ถึงแล้วทักมาน่ะครับ เด็กแสบ” ผมกดส่งข้อความความไปหา เพื่อนใหม่ในไลน์ที่ผมเพิ่งจะแอดเพื่อนไป และผมก็เพิีมน้องเป็นเพื่อนทุกช่องทางไม่ว่าจะเป็นเฟช ไลน์ แล้วก็ไอจี
น้องก้มมองโทรศัพท์แล้วเงยหน้ามองผม จากนั้นก็ยิ้มกว้างจนตาปิด
“โอ้ย” น้องร้องออกมาด้วยความเจ็บแผล คงจะลืมว่าเองมีแผลที่ปาก ผมส่ายหัวให้กับความเป็นน้อง ยิ่งมองก็ยิ่งน่ารัก
หึ ผมหัวเราะเล็กน้อย พร้อมกับพยักหน้าให้น้องกลับบ้านได้แล้ว ไม่อยากพูดอะไรเยอะ เพราะทุกคนกำลังมองมาที่เราอย่างสนใจ น้องกับเพื่อนๆเดินออกไปแล้วครับ
“ไปส่งเลยไหม” เสียงกวินแซวขึ้นหลังจากเด็กๆ เดินจากไป ผมหยักไหล่แล้วเดินเข้าไปทำงานต่อ ผมไม่รีบครับสำหรับนัองผมค่อยๆเรียนรู้กันไป ค่อยไปศึกษาอุปนิสัยของและกัน
“แปลกใจนะเนี้ยที่มึงสนใจเด็ก” กวินเดินตามผมเข้ามา
“เสือก” ผมว่ามันไม่จริงจังนัก
“ดีๆมึง น้องมันยังเด็ก” ภูไทยที่ตามมาติดๆนั่งลงบนโซฟาข้างๆกวินก่อนจะบอกผมด้วยสายตาจริงจัง
“กูไม่ได้เล่น” ผมตอบมันด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่ต่างกัน
“แล้วมึงจริงจัง” กวินถามถามพร้อมหรี่ตา มองมาที่ผม
“ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่าจริงจังแต่ไหน แต่กูไม่ได้เล่นๆแน่นอน”
“อีกอย่างกูไม่ใช่มึงกวินที่จะพอถูกใจก็ฟันเค้า พอเบื่อ ก็หาใหม่”
“เอ้า เหี้ยเฟย” มันด่าผมสวนกลับมา
“คู่นอน กับคู่ชีวิตมันต่างกันนะ” ภูไทมันคงห่วงความรู้สึกผม กับน้องเพราะถ้าเราดำเนินความสัมพันธ์ไปในระดับหนึ่งแล้ว มันเกิดไม่ใช่คงไม่คนใดก็คนหนึ่งต้องเสียใจแน่ๆ
“กูอยากค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้รีบร้อนอะไร” ผมตอบเพื่อนทั้งสองคน ผมถูกใจนโมอย่างบอกไม่ถูก ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางกายกันมาเกิด แค่เจอหน้าแล้วถูกใจน้องเลย เลยรู้สึกอย่กให้เวลานำพาความรู้สึกเราสองคนให้มั่นคงในกันและกัน
“ไม่ต้องห่วงกูหรอก กูรู้ตัวว่ากำลังทำอะไร” ผมบอกพวกมันก่อนที่จะก้มหน้าทำงาน
ไลน์ๆ
Namo : ถึงแล้วครับ
ข้อความที่ทำให้ผู้ชายอย่างผมเผลอยิ้มกับโทรศัพท์อย่างห้ามใจตัวเองไม่ได้.
