บทที่ 3 ดวงวิญญาณออกจากร่าง
บทที่ 3
ดวงวิญญาณออกจากร่าง
ความอ่อนล้ากอปรกับความอบอุ่นของมือหนาทำให้หลิวเซียวหลินกำลังจะเคลิ้มหลับไปจริงๆ แต่แล้วนางก็หวนคิดไปถึงครอบครัวของนางที่จากมา และคงไม่มีโอกาสได้หวนกลับไปพบพวกเขาอีก
เพราะนางได้ตายจากโลกใบนั้นเสียแล้ว
พวกเขาคงเสียใจไม่น้อยเลยที่หลินเอ๋อร์ตัวแสบของพวกเขามาด่วนจากไปด้วยวัยเพียงยี่สิบสองปีเท่านั้น
คิดมาถึงตรงนี้แล้วหลิวเซียวหลินก็รู้สึกจุกตื้อไปทั้งลำคอ จนเผลอร้องไห้ออกมา หยาดน้ำใสไหลออกจากหางตาหยาดหยดลงบนแก้มนวล เฉินโหวใช้ปลายนิ้วไล้ไปตามนวลแก้มเพื่อเช็ดหยาดน้ำตาแผ่วเบา เข้าใจว่านางคงกำลังฝันร้ายจนร้องไห้ออกมา
‘ช่างน่าสงสารนัก เป็นข้าที่ผิดต่อเจ้า เป็นข้าที่ดูแลเจ้าไม่ดีพอ ต่อจากนี้ข้าจะไม่ยอมให้ใครมารังแกเจ้าอีกต่อไปแล้ว ฮูหยินของข้า...’
เฉินตงหยางหมายมั่นในใจด้วยความรู้สึกผิดที่ละเลยภรรยา เพราะคิดว่านางกลัวเขา เกลียดเขา เขาจึงหนีห่างไม่เข้าหา แต่นั่นกลับกลายเป็นตัวแปรทำให้คนในจวนโหวไม่ให้เกียรตินางในฐานะนายหญิง
ปี๊น!
โครม!
“ชะ...ช่วยด้วย!”
หลิวเซียวหลินเค้นเสียงสุดท้ายออกจากเรียวปากงามเคลือบลิปสติกสีแดงเบอร์กันดี เรือนกายอาบไปด้วยเลือดสีแดงชาดส่งผลให้เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกย้อมจนไม่เหลือสีเดิม ร่างบอบบางกระเด็นออกมาจากรถยนต์ที่ผสานงากับรถกระบะจนพังยับแทบไม่เหลือชิ้นดี
เจ็บ!
หวอ...
เสียงรถกู้ภัยและเสียงรถพยาบาลดังขึ้นเสียดแทงแก้วหูจนต้องนิ่วหน้า เสียงโหวกเหวกโวยวาย ผู้คนแปลกหน้าวิ่งวุ่นไปมาทำให้ดวงตายิ่งพร่าเลือน จนท้ายที่สุดสติที่เหลืออยู่น้อยนิดก็ดับวูบลง
เวลานั้นเองหลิวเซียวหลินรู้สึกราวกับว่าตนเองล่องลอยสูงขึ้น สูงขึ้น สูงขึ้น...จนกระทั่งปลายเท้าไม่ติดพื้น เธอก้มมองร่างตนเองที่กำลังถูกเจ้าหน้าที่นำร่างไม่ได้สติขึ้นรถพยาบาล
“วิญญาณ?...ฉันตายแล้วสินะ”
เซียวหลินก้มมองตนเอง เรือนกายโปร่งแสงบางเบา ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่ทุกข์ทรมาน เธอไม่ได้ร้องไห้ออกมาเพราะไม่ได้รู้สึกเสียใจ ไม่ได้รู้สึกติดค้างใดๆ ให้ต้องกังวลหรือเป็นห่วง
แม้หญิงสาวจะมีอายุเพียงยี่สิบสองปี แต่เธอก็เป็นสตรีที่ประสบความสำเร็จในชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย เพียงอายุเก้าปีเธอก็ชนะการประกวดร้องเพลงจากเวทีไอดอล กลายเป็นนักร้องเด็กสายพลังเสียงผู้ได้รับฉายาว่า ‘เสียงทองคำ’ ด้วยพลังเสียงนี้ทำให้เธอก้าวขึ้นสู่นักร้องมืออาชีพอย่างง่ายดาย
กอปรกับหลิวเซียวหลินมีใบหน้างดงาม ความนิยมของเธอยิ่งท่วมท้นถล่มทลาย เธอได้ถ่ายแบบเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณา มีชื่อเสียง เงินทอง มีแฟนคลับทั้งในและต่างประเทศมากมาย
และที่สำคัญเธอมีบิดาที่รักเธอยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก มีมารดาเลี้ยงใจดี มีพี่ชายแสนอ่อนโยนแม้เขาจะเป็นลูกติดของมารดาเลี้ยงแต่เขาก็รักและห่วงใยเธอดั่งเป็นน้องสาวแท้ๆ แล้วเธอยังมีน้องชายต่างมารดาตัวเล็กป้อมที่คอยตามติดเธอต้อยๆ อย่างน่ารักน่าชัง
ต่อให้ตายไปก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว...
แต่จะว่าไปมีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่มีก็คือ ‘คนรัก’ ให้ตายเถอะนี่เธอต้องตายทั้งที่ยังเวอร์จิ้นงั้นหรือ ช่างอัปยศเหลือเกิน โชคชะตาช่างใจร้ายเกินไปแล้วนะ
“จะให้ความงามฉันมาทำไม ถ้าฉันไม่ได้ใช้มันล่อลวงผู้ชายสักคน!”
หญิงสาวโวยวายโดยที่วิญญาณของเธอลอยตามร่างไร้สติของตนเองจนไปถึงโรงพยาบาล
‘หูเทียนห้าว’ พี่ชายซึ่งเป็นลูกติดของมารดาเลี้ยงมาถึงก่อนเป็นคนแรกเพราะเขาเป็นศัลยแพทย์มากฝีมืออยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้
“หลินเอ๋อร์! น้องไม่ต้องกังวล ไม่ว่ายังไงพี่ก็ต้องช่วยชีวิตน้องให้ได้ เชื่อใจพี่นะ!”
หูเทียนห้าวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเครียดสั่นเครือ ดวงตาแดงก่ำ กัดฟันกรอดจนสันกรามปูดโปน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะต้องผ่าตัดคนในครอบครัว
“พี่เทียน...”
หลิวเซียวหลินเจ็บตื้อไปทั้งหัวใจเมื่อเห็นพี่ชายร้องไห้ออกมา เติบโตมาด้วยกันแต่เธอไม่เคยเห็นด่านอ่อนแอของเขาเลยสักครั้ง
เพียงไม่นานร่างของหญิงสาวก็ถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วน ดวงวิญญาณของนางลอยมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัดเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ปริ่มว่าจะขาดใจของมารดาเลี้ยง
“หลินเอ๋อร์! หลินเอ๋อร์ลูกแม่! ได้โปรดอย่าเป็นอะไรเลยนะ”
คุณครูสาววัยกลางคนร้องไห้ออกมาจนตัวโยน เรือนกายทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นอย่างสิ้นไร้เรี่ยวแรง ในขณะที่ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงภูมิฐานกอดประคองเธอเอาไว้อย่างปลอบโยน กระนั้นใบหน้าของชายผู้นี้กลับเคร่งเครียดจนเส้นเลือดที่ข้างขมับปูดโปน
“หลินเอ๋อร์ต้องไม่เป็นอะไร ลูกเป็นเด็กดี สวรรค์ย่อมต้องเมตตาหลินเอ๋อร์”
ผู้เป็นบิดากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเทิ้มแหบพร่า ฉายชัดว่าพยายามเข้มแข็งไม่ร้องไห้ออกมา เพราะจะยิ่งทำให้ภรรยาเสียกำลังใจ
ดวงวิญญาณของหลิวเซียวหลินหยุดนิ่ง รู้สึกขมปร่าไปทั้งลำคอเมื่อเห็นว่าครอบครัวที่รักตนเสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้มากเพียงใด
คราแรกเธอคิดว่าตนเองไม่มีห่วง แต่พอเห็นน้ำตาของทุกคน หญิงสาวกลับรู้สึกสับสนไม่เป็นสุข หากเธอตายไปก็คงตายตาไม่หลับแน่
หญิงสาวลอยกลับเข้าไปในห้องผ่าตัด พยายามกระโดดกลับเข้าไปในร่างของตนเองอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนดวงวิญญาณของเธอกลับกระเด็นออกมาราวกับไม่อาจกลับเข้าร่างของตนเองได้
“ฉันคงต้องตายจริงๆ แล้วสินะ”
หลิวเซียวหลินปลงตกก้มหน้านิ่ง ได้แต่หวัง...ว่าเวลาจะช่วยเยียวยาหัวใจที่แสนบอบช้ำของครอบครัวให้กลับมาเข้มแข็งโดยเร็ว
จังหวะนั้นเองดวงวิญญาณของหลิวเซียวหลินก็ถูกกระชากออกไปจากจุดนั้นอย่างรวดเร็ว ทิ้งทุกสิ่งอย่างไว้เบื้องหลังอย่างไม่อาจหวนคืน
