บทที่ 3 งานมงคล (1/2)
งานมงคลสมรสมาถึงด้วยความรวดเร็ว บรรยากาศภายในจวนของตระกูลหลิวเต็มไปด้วยความชื่นมื่น ผ้าแดงและอักษรมงคลถูกประดับประดาอยู่รอบจวนด้วยความงดงามและใหญ่โต เจ้าสาวเป็นถึงบุตรีของอัครเสนาบดีแห่งจางเหอ ที่กำลังจะได้รับตำแหน่งชายาเอกของเสียนอ๋องในอีกไม่ช้านี้
นอกจากจะเป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตของหลิวเซี่ยนเหยาแล้ว มันยังเป็นวันที่เต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อนหลากหลายจนไม่อาจคาดเดา ความตื่นเต้นในงานมงคลกลับไม่ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางเลยแม้แต่น้อย ร่างบางในอาภรณ์เจ้าสาวสีแดงสด สวมมงกุฎหงส์นั่งอยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวขนาดใหญ่โตที่ได้รับการประดับตกแต่งอย่างหรูหราและสมฐานะของชายาเอก ขบวนเจ้าสาวที่ยิ่งใหญ่มุ่งหน้าออกจากจวนของผู้เป็นบิดาเพื่อเดินทางไปยังจวนเสียนอ๋อง ท่ามกลางเสียงโห่ร้องยินดีของบรรดาผู้คน และชาวบ้านที่ออกมาชะเง้อคอมองชื่นชมความงามของบุตรีขุนนางที่มีวาสนาได้เป็นถึงชายาของท่านอ๋องรูปงาม แต่ทว่าหลิวเซี่ยนเหยาแทบจะไม่มีความรู้สึกใดเลยนอกความความหนักและความอึดอัดจากเครื่องประดับที่หนักอึ้ง
นางนั่งเงียบ ๆ อยู่ภายในเกี้ยว รู้สึกถึงความเงียบเหงาภายในใจ หลังจากที่นางลืมตาตื่นขึ้นมาจนรู้ว่าได้ย้อนเวลากลับมาอีกครั้ง ทุกสิ่งรอบกายก็ดูเหมือนจะหมุนเร็วเกินไปสำหรับนาง
ฝ่ามือน้อยเอื้อมเปิดม่านหน้าต่างเกี้ยวเจ้าสาวเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ ดวงตากลมโตที่ถูกแต่งแต้มจนงดงามมองออกไปนอกบานหน้าต่าง ชื่นชมบรรยากาศสองฝั่งทางที่เต็มไปด้วยผู้คน ชายหญิงที่ยืนอยู่ข้างทางส่งเสียงโห่ร้องและตะโกนแสดงความยินดี ทว่าภายในหัวใจของนางกลับเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย และอยากจะให้เรื่องราวนี้จบ ๆ ลงไปเสียที
ในระหว่างนั้นสายตาของหลิวเซี่ยนเหยากลับไปหยุดที่ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวขบวนหนึ่งที่บังเอิญหลบขบวนของนางไปอย่างเงียบๆ ขบวนเจ้าสาวหลังนั้นไม่ได้งดงามอลังการเหมือนกับขบวนของนางที่ใหญ่โตและเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย
เกี้ยวหลังนั้นดูเงียบสงบและเล็กกว่าหลายส่วนนัก จนกระทั่งดวงตาคู่งามต้องสัมผัสกับตราสัญลักษณ์ของจวนเสียนอ๋องที่นางจดจำได้เป็นอย่างดี หลิวเซี่ยนเหยาก็รู้ดีว่าผู้ที่นั่งในเกี้ยวหลังนั้นคือ หลินหยู่เหมย สตรีที่นางไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เห็นในวันนี้
“พระองค์ยังคงให้หลินหยู่เหมยแต่งเข้าจวนวันเดียวกับหม่อมฉันเหมือนเดิมสินะเพคะ ท่านอ๋อง” นางได้แต่แค่นรอยยิ้มออกมา แต่หาได้มีความเสียใจอยู่ในสายตาคู่นั้นไม่
หลินหยู่เหมย เป็นบุตรีของเสนาบดีกรมโยธา ศักดิ์ของนางไม่ว่าอย่างไรก็เป็นได้เพียงแค่ชายารองของเสียนอ๋องเท่านั้น ชายาที่ฮ่องเต้เป็นผู้พระราชทานย่อมเป็นชายาเอกที่ไม่มีผู้ใดมาแทนที่ได้ ไม่ว่านางจะตายจาก หรือเขียนหนังสือหย่าร้าง
การที่เสียนอ๋องเลือกให้หลินหยู่เหมยแต่งเข้าจวน นั่นก็เพื่อจะหักหน้าของหลิวเซี่ยนเหยา และถือเป็นการบีบบังคับให้นางเป็นฝ่ายจรดพู่กันลงบนหนังสือหย่า แต่เพราะความดื้อดึงของตัวเองเมื่อครั้งก่อนที่นำพาให้หลิวเซี่ยนเหยาต้องพบกับความเจ็บปวด และจุดจบที่น่าอัปยศจนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดร้าวขึ้นมา เมื่อนึกถึงเรื่องราวในวันวาน
ถึงแม้ว่าหลินหยู่เหมยจะเป็นเพียงชายารอง แต่ก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นสตรีที่มีความสำคัญกับเสียนอ๋องไม่น้อยไปกว่าชายาเอกในห้องหอเช่นนาง
หลิวเซี่ยนเหยาไม่ได้รู้สึกสนุกสนานหรือภูมิใจในขบวนเจ้าสาวที่ใหญ่โตสมเกียรติของตัวเอง นางต้องการเพียงเข้าพิธีแต่งงานตามราชโองการ เพื่อให้เขาบีบบังคับให้นางหย่า โดยที่นางตัดสินใจแล้วว่าครานี้จะไม่ยอมให้ตัวเองต้องตกเป็นเครื่องมือของเสียนอ๋อง ให้เขารังแก
อีกต่อไป
นางใช้ความคิดอยู่นาน รู้ตัวอีกทีเกี้ยวเจ้าสาวก็เดินทางมาถึงจวนของเสียนอ๋องเสียแล้ว นางกำนัลสาวผู้หนึ่งเป็นฝ่ายมารับตัวของนางออกจากเกี้ยวเจ้าสาวเพื่อเข้าพิธีคำนับฟ้าดิน
ข้างกายของนางในยามนี้คือเสียนเจิ้นหลง หรือเสียนอ๋อง เขาอยู่ในอาภรณ์เจ้าบ่าวสีแดงปักลวดลายประณีตของกองภูษาเช่นเดียวกับนาง หลิวเซี่ยนเหยาอดไม่ได้ที่จะมองเขาผ่านผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงผืนบาง