บทที่ 2 สมรสพระราชทาน (1/2)
บรรยากาศภายในเรือนรับรองของจวนของอัครเสนาบดี
หลิวเจี้ยนอู่เต็มไปด้วยความเงียบสงบและเต็มไปด้วยสมาชิกของตระกูลหลิว ทุกคนต่างคุกเข่าด้วยความเคารพ เพื่อรอเถียนกงกงตัวแทนอัญเชิญราชโองการของฮ่องเต้มามอบแก่ตระกูลหลิว ร่างท้วมของกงกงในวัยชราก้าวเข้ามาด้วยความเงียบสงบ ภายในมือนั้นถือม้วน
ราชโองการที่ถูกปิดผนึกด้วยตราประทับลัญจกรของฮ่องเต้ สีแดงบนม้วนราชโองการนั้นดูเด่นชัด
เมื่อเถียนกงกงหยุดยืนอยู่ตรงกลางของเรือนรับรอง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังม้วนกระดาษด้วยใจจดจ่อ รอคอยคำประกาศที่สำคัญอันเป็นเกียรติยศที่สุดในตระกูลและในชีวิตของคุณหนูหลิวเซี่ยนเหยา
เถียนกงกงยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบงัน ก่อนจะยกม้วนราชโองการขึ้นอ่านด้วยเสียงดัง เพื่อให้ทุกคนได้ยินโดยทั่วกัน
“ตระกูลหลิว ตอบรับบัญชา อาณัติแห่งโอรสสวรรค์”
เถียนกงกงเปรยขึ้น ก่อนที่ทุกคนในบริเวณนั้นจะก้มหน้าลงบนฝ่ามือเพื่อน้อมรับฟังคำบัญชา
“บุตรีตระกูลหลิว หลิวเซี่ยนเหยา สตรีโฉมงามผู้เพียบพร้อมด้วยรูปลักษณ์และกิริยา อีกทั้งยังเปี่ยมด้วยพรสวรรค์มากมาย ทั้งร้องรำ เขียนอ่าน วาดปักวิจิตร เป็นสตรีที่งามเลิศล้ำ ฉลาดเฉลียว เราปลาบปลื้มใจนัก ด้วย เสียนเจิ้นหลง หรือเสียนอ๋อง พระโอรสลำดับที่เก้า ถึงวัยที่จะต้องเข้าวิวาห์ จึงต้องเลือกสตรีที่เหมาะสม ด้วยบุตรีตระกูลหลิวยังมิได้ออกเรือน อีกทั้งยังเป็นที่ประจักษ์เหมาะสมกับเสียนอ๋อง ใคร่ส่งเสริมวาสนา จึงพระราชทานสมรสให้ทั้งคู่เข้าวิวาห์ในอีกสามวัน...จบราชโองการ”
เสียงของเถียนกงกงก้องในเรือน ทุกคนต่างหยุดหายใจไปชั่วขณะ ราวกับว่าเวลาหยุดนิ่งไปชั่วครู่ หลิวเซี่ยนเหยารู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจเต้นแรงกว่าปกติ มือของนางเกือบจะสั่นเมื่อได้ยินถ้อยคำนั้นขึ้นมาอีกครั้ง เป็นความรู้สึกหลากหลายที่ผุดขึ้นภายในใจของนาง
“อัครเสนาบดีหลิว รับราชโองการเถอะ” เถียนกงกงยื่นม้วนราชการโองการให้แก่ผู้นำตระกูล
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
‘สมรสพระราชทาน...’ คำนี้ทำให้นางนึกถึงวันแรกที่ได้รับ
ราชโองการ ในตอนนั้นนางรู้สึกดีใจจนไม่อาจปิดบังได้ นางมีความสุขจนเอ่อล้นออกมาเมื่อได้รู้ว่าจะต้องเข้าพิธีแต่งงานกับเขา ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าผู้เป็นบิดาได้เอ่ยคำเตือนแล้วว่า เสียนอ๋องผู้นี้มีสตรีที่เขารักอยู่แล้ว แต่ทว่าคำเตือนนั้นไม่สามารถทำให้นางหวั่นไหว นางยังคงตั้งใจจะแต่งงานกับเขาอยู่ดี แม้ว่าในใจจะรู้ว่ามันอาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่ความรู้สึกในวันนั้นมันช่างสดใส และทำให้หัวใจของนางพองโตเสียยิ่งนัก
แต่ในยามนี้ วันที่นางได้ผ่านพ้นเรื่องร้ายเหล่านั้นมา ความรู้สึกที่เคยมีนั้นกลับไม่เหมือนเดิม หลิวเซี่ยนเหยาเงยหน้าขึ้นจากพื้น
หลิวเจี้ยนอู่ อัครเสนาบดีผู้เป็นบิดา คุกเข่าอยู่ข้าง ๆ สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉย ราวกับว่าข่าวดีที่เกิดขึ้นหาได้ทำให้รู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อย
“ขอให้พวกท่านเตรียมตัวสำหรับการจัดงานสมรสใหญ่ ตามราชโองการของฝ่าบาทต่อไปด้วย เสนาบดีหลิว เอาไว้เจอกันในวังนะขอรับ”เสียงของเถียนกงกงดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเดินจากไป
หลิวเซี่ยนเหยาได้ยินแล้วก็รู้สึกเหมือนทุกสิ่งรอบตัวกำลังหมุนไปอย่างช้า ๆ โดยที่นางไม่มีท่าทางแห่งความดีอกดีใจเลยแม้แต่น้อย เพราะนางรู้ดีว่าหลังจากที่ก้าวเท้าเข้าสู่จวนของเสียนอ๋อง นางจะมีชีวิตเช่นไรในขณะที่นางยังคงยืนนิ่ง และไม่รู้ว่าจะตอบสนองกับข่าวดีอย่างไร ความรู้สึกที่เคยเต็มไปด้วยความดีใจกลับกลายเป็นความว่างเปล่าจนเฉื่อยชา
“เหยาเอ๋อร์...” เสียงของบิดาดังขึ้นเบา ๆ ท่ามกลางความเงียบ หลังจากที่ทุกคนในตระกูลทยอยกันเดินออกไป
หลิวเจี้ยนอู่มองบุตรสาวที่ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉย แต่แววตาที่มองบุตรีเพียงคนเดียวกลับเต็มไปด้วยความห่วงใย
“เจ้าค่ะ ท่านพ่อ”