ตอนที่ 8 เริ่มค้าขาย
เวยลี่ลุกออกมาจากโต๊ะอาหาร 8 เซียนในห้องครัวแล้ว นางก็เดินไปนั่งที่โต๊ะไม้เก่าๆที่กลางบ้าน ซูฮวาพอจะมองออกว่านางมีเรื่องจะคุยจึงพานางไปคุยในห้อง
“ท่านแม่ข้ามีเรื่องอยากปรึกษาท่าน”
“จะ เจ้าว่ามาเถิด” ซูฮวารู้สึกวิตกว่าความสัมพันธ์ที่กำลังไปได้ด้วยดีจะพังทลายลงไป นางจึงเดินไปหยิบถุงไหมเงินที่เก็บเอาไว้อย่างดีในตู้ออกมายื่นให้เวยลี่
“นี่เป็นเงินทั้งหมดที่แม่มี เจ้าเอาไปเถิด”
“….”
“ท่านแม่ข้าไม่ได้ต้องการเงินท่าน ข้าอยากปรึกษาท่านเรื่องสร้างรั้วว่ามันใช้เงินเท่าใด”
ทันทีที่เวยลี่พูดจบซูฮวาก็มีท่าทีกระดากอายขึ้นมาอย่างชัดเจน เวยลี่ก็เข้าใจได้ทันทีว่าแม่สามีคิดอะไรอยู่ นางคงคิดว่าที่เวยลี่ทำดีกับทุกคนเพราะว่าอยากได้เงิน!
“ท่านแม่ที่ผ่านมาข้ารู้ตัวว่าประพฤติตัวไม่ดีกับพวกท่านมากมายนัก ชีวิตข้าเติบโตมาโดยไร้มารดาและบิดา ตั้งแต่จำความได้ข้าก็มีเพียงท่านตาที่คอยดูแลข้า ท่านตาจึงมอบทุกอย่างให้ข้าเพื่อทดแทนในสิ่งที่ข้าขาดไป”
“เป็นเพราะข้าขาดมารดาอบรมสั่งสอนจึงไม่รู้วิธีปฏิบัติตัวเป็นภรรยาที่ดี และยิ่งไม่รู้วิธีที่จะเป็นกุลสตรีที่ดีหรือลูกที่ดี ท่านแม่พอจะให้อภัยและให้โอกาสข้าได้แก้ไขตัวเองอีกครั้งได้หรือไม่เจ้าคะ” เวยลี่ก้มศีรษะลงเพื่อขอขมาซูฮวาจากใจจริง ถึงนางจะไม่ได้ทำอะไรผิดแต่นางมารับช่วงต่อจากเวยลี่นางก็ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เวยลี่ทำ
“เวยลี่” ซูฮวาเรียกชื่อนางเสียงสั่น
เวยลี่เงยหน้าขึ้นมองสตรีวัย 36 ปี ใบหน้าขาวๆของนางเต็มไปด้วยน้ำตา หลายปีมานี้นางคงแบกภาระทุกอย่างเอาไว้บนบ่ามาตลอด
ใบหน้าของซูฮวานั้นคล้ายกับใบหน้ามารดาของเวยลี่ในชาติก่อน 2-3 ส่วน นางจึงรู้สึกผูกพันกับสตรีตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
“ได้สิ แม่ขอโทษเจ้าด้วยที่ต้องพาเจ้ามาลำบากนะ ฮึก” เวยลี่เข้าไปกอดซูฮวาแล้วก็อดร้องไห้ออกมาไม่ได้ ภาพสองแม่ลูกกอดกันอยู่ข้างในทำให้คนที่มาพบเห็นน้ำตาไหลพรากตามๆกัน
เดิมทีฮุ่ยเจินจะพาสามีลู่หงซวนมาสั่งแป้งย่าง จึงให้เจ้าเจียเข้ามาตามซูฮวาให้ แต่ประตูห้องปิดไม่สนิท นางและสามีจึงได้ยินถ้อยคำที่คนทั้งสองพูดกันทุกคน
พอเห็นมารดาและพี่สะใภ้กอดกัน เจ้าเจียและอ้ายหนี่สองพี่น้องก็พากันกอดกันแล้วก็ร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจ
เวยลี่และซูฮวาเช็ดน้ำตาเสร็จก็เปิดประตูออกมา ตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้าคนสี่คนกอดกันกลมร้องไห้จนตาแดงเต็มไปหมด ใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าคนทั้งสี่จะสงบสติอารมณ์ได้
เวยลี่นำน้ำเต้าหู้ไปให้แขกที่มาใหม่ทดลองดื่มดู หัวหน้าหมู่บ้านลู่ชอบน้ำเต้าหู้มากดื่มไปคนเดียวถึง 3 แก้วแล้วถึงค่อยเริ่มเจรจาธุระกัน
เวยลี่ลุกขึ้นเตรียมจะพาพวกเด็กๆออกไปแต่ฮุ่ยเจินปรามเอาไว้ก่อน
“ไม่ใช่ความลับอะไรหรอกเจ้าอยู่ฟังด้วยกันก็ได้”
“เจ้าค่ะ” เวยลี่ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตามเดิม
“ข้าจะมาจ้างเวยลี่ทำแป้งย่างให้ข้านำไปฝากญาติที่ต่างอำเภอสักหน่อย เผื่อมีคนชอบใจแป้งย่างของพวกเจ้าแล้วอยากอุดหนุนข้าจะได้บอกว่าซื้อมาจากที่นี่”
“จริงเหรอเจ้าคะ ท่านต้องการกี่แผ่นดี ข้าจะได้เตรียมซื้อของ”
“ถ้าสัก…เอ่อ ประมาณ 300 แผ่นเจ้าทำคนเดียวไหวไหม?”
“หา!!!” ทุกคนในบ้านหลี่อุทานออกมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
“อีก 2 วันข้าจะออกเดินทาง นี่เป็นเงินค่ามัดจำ 300 อีแปะเจ้าลองนับดูก่อน”ลู่หงซวนนำเงินที่ร้อยเข้าด้วยกันไว้ออกมาวางบนโต๊ะหลายพวง
เจ้าเจียและอ้ายหนี่ตาโต ซูฮวาเองก็พลอยตื่นเต้นไปด้วยจนลืมนึกถึงว่าตอนนี้แป้งที่บ้านหมดแล้วต้องออกไปซื้อ…
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ข้าจะพยายามทำให้สุดฝีมือ แต่ข้า…”
“เจ้ามีปัญหาเรื่องอะไรบอกข้ามาได้ ข้าต้องดูแลความเรียบร้อยของทุกคนอยู่แล้ว”ลู่หงซวนพูดเสียงดังฟังชัด ซูฮวาได้ยินก็เลยถือโอกาสเปิดประเด็นสนทนาเอง
“พี่ลู่เมื่อคืนนี้บ้านข้ามีคนมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆบ้าน ท่านเองก็รู้ว่าบุรุษที่เป็นกำลังหลักของพวกเราไม่อยู่บ้าน เหลือกันลำพังแต่ข้าและเวยลี่ที่เป็นแต่เพียงอิสตรี เด็กสองคนนี้ก็ยังเล็กเกินไป”
“หึ หรือว่าจะเป็นไอ้พวกสองพี่น้องอันธพาลนั่นอีกหรือเปล่าที่ยังไม่วางมือ อยากจะได้บ้านเก่าของพวกมันคืน”
“ท่านลุงข้าอยากจะถามท่านว่าถ้าต้องสร้างรั้วแบบที่แน่นหนา เป็นกำแพงปูนท่านสามารถทำได้หรือไม่” เวยลี่ถามอย่างตรงไปตรงมาเพราะลู่หงซวนเป็นหัวหน้าหมู่บ้านและเป็นคนรับเหมาก่อสร้างบ้านอีกต่างหาก
“ได้แต่ค่าใช้จ่ายก็จะสูงขึ้นไปอีก”
“ข้าขอไปคำนวณก่อนแล้วพรุ่งนี้จะให้ฮุ่ยเจินมาแจ้งแก่พวกเจ้า”
คุยธุระเสร็จแล้วสองสามีภรรยาก็ขอตัวกลับไป ครอบครัวหลี่ก็วางแผนเรื่องการย่างแป้ง 300 ชิ้นกันอย่างสนุกสนาน
ความสุขค่อยๆคืบคลานเข้ามาปกคลุมที่บ้านตระกูลหลี่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำงานอย่างเป็นระบบ ต่อให้แป้งย่าง 500 แผ่นก็ดูจะไม่ใช่ปัญหา
ขั้นตอนการย่าง เวยลี่ไม่อาจให้คนอื่นทำแทนได้เนื่องจากนางต้องคุมไฟเอง แต่เจ้าเจียรับผิดชอบจะนำไปขายที่ตลาดในหมู่บ้านให้วันละ 30 แผ่น เวยลี่เลยทำแป้งย่างให้ไป 3 สูตร สูตรละ 10 แผ่นรวมเป็น 30 แผ่นพร้อมเขียนราคาลงไปที่ตระกร้าด้วยเผื่อเจ้าเจียลืม
“เจ้าเจีย พี่สะใภ้ใส้แป้งย่างชิ้นเล็กๆลงไปด้วย หากมีลูกค้าคนไหนสนใจแป้งย่างเจ้าก็ให้พวกเขาลองชิมดูได้” เวยลี่กำชับพร้อมใส่สมุดจดให้เจ้าเจียไปด้วยเผื่อมีใครสนใจสั่งซื้อแป้งย่างเพิ่ม จะได้นำไปส่งให้ลูกค้าภายในวันหลังได้
“แป้งย่างของพี่สะใภ้อร่อยมากต้องขายหมดแน่นอน” เจ้าเจียเอ่ยอย่างมั่นใจ
“คราวนี้แม่อยากไปด้วยเพราะจะไปหาซื้อผ้ามาตัดชุดให้เจ้า คราวที่แล้วร้านปิดจึงไม่ได้ซื้อ”
“ท่านแม่ข้าฝากซื้อเมล็ดผักหรือหากมีที่ใดขายต้นกล้าผัก ข้ารบกวนท่านซื้อมาให้ข้าด้วย เอาต้นพริก มะเขือ มะเขือเทศ ถั่วฝักยาว แตงกวา ผักกาด แตงโม
อ้อ ข้าคิดว่าเราควรปลูกต้นหอมเองด้วยจะได้เป็นการประหยัดทุน เราคงไม่สามารถขอต้นหอมจากบ้านป้าใหญ่ได้ตลอดไปหรอก”
ซูฮวากระพริบตาถี่ๆเนื่องจากลูกสะใภ้ที่ไม่เอาการเอางานของนาง นอกจากจะมีฝีมือทำครัวที่สุดยอดแล้ว นางยังทำสวนเป็นอีกรึ?
อี้หานของนางช่างโชคดีจริงๆที่ได้สตรีเช่นนี้มาเป็นภรรยา ถ้าวันใดเขากลับมาคงต้องจับมาสั่งสอนกันเสียหน่อย ให้เขารู้จักถนอมน้ำใจของเวยลี่ให้มาก
เวยลี่ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้นางได้รับความสำคัญในหัวใจของแม่สามีแล้ว อ้ายหนี่ตัวน้อยไม่ได้ตามมารดาและพี่ชายไป นางจึงเดินตามเวยลี่ไปถากหญ้าที่สวนหลังบ้าน
“อ้ายหนี่มานั่งตรงนี้สิ พี่สะใภ้ปูผ้ารองเอาไว้ให้เจ้านั่ง”
“เจ้าค่ะพี่สะใภ้” ท่าทางน่ารักของนางทำให้เวยลี่รู้สึกอยากมีลูกสาวขึ้นมา
“พี่สะใภ้แข็งแรงมาก ถอนต้นหญ้าคนเดียวหมดเลย”
“พี่จะเอาที่ดินตรงนี้มาทำสวนผัก ปลูกผักเอาไว้เยอะๆบ้านของเราจะได้มีผักกินตลอดไป”
“พ่อ แม่และพี่ใหญ่ปลูกผักไม่เป็นเช่นท่าน ข้าและพี่รองเลยต้องทนหิวมาตลอด แต่ยามนี้ข้าดีใจที่ท่านใจดีกับ
พวกเรา พี่สะใภ้จะใจดีกับพวกเราตลอดไปไหมเจ้าคะ”
อ้ายหนี่เดินมาเกาะชายผ้าของเวยลี่แล้วเงยหน้ามองนาง ดวงตาคู่กลมโตนั้นมีน้ำตารื้นขึ้นทำให้ดูทั้งน่าเอ็นดูและน่าสงสาร
“เด็กโง่พี่จะใจร้ายกับเจ้าลงได้อย่างไร อ้ายหนี่ของพี่ออกจะน่ารักถึงเพียงนี้” เวยลี่ก้มตัวลงมาสวมกอดสาวน้อยตรงหน้าด้วยความอ่อนโยน
นางตั้งปณิธานในใจว่าอยากทำให้อ้ายหนี่มีความสุขและอยากทำให้แก้มของอ้ายหนี่ยุ้ยเป็นซาลาเปาให้ได้
“อ้ายหนี่ชอบยามที่พี่สะใภ้ยิ้ม พี่สะใภ้สวยมาก”
“ฮ่าๆๆๆ” แววตาของอ้ายหนี่ดูจริงใจมากเสียจนนางต้องหัวเราะออกมาแก้เขิน
“เย็นนี้พี่สะใภ้จะทำของอร่อยๆให้เจ้ากิน” พูดเสร็จแล้วเวยลี่ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อจนเวลาล่วงเลยมาจนตะวันอยู่
บนศีรษะจึงพัก กลับเข้ามาเตรียมมื้อเที่ยงเพิ่มสักหน่อย
ในครัวมีต้มฟักเหลืออยู่ในหม้อและมีกระดูกหมูที่ซูฮวาซื้อมาเมื่อวาน เวยลี่จึงนำกระดูกหมูมาใส่ตุ๋นเพิ่มและปรุงรสใหม่
หากซูอวาและเจ้าเจียกลับมาจะได้ไม่ต้องทนหิวนาน ข้าวที่หุงเมื่อวานไม่มีเหลือเลยนางจึงต้องหุงใหม่เผื่อมื้อเย็นด้วย
