บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 แป้งย่าง

ซูฮวาเผลอหลับไปครู่หนึ่งแล้วก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนที่เจ้าเจียลุกจากที่นอน คืนนี้นางเข้ามานอนกับพวกเด็กๆ

ดูเหมือนเมื่อคืนนี้ “พวกนั้น”จะเข้ามาสำรวจบ้านของนางอีกแล้ว

“ท่านแม่เมื่อคืนข้าได้ยินเสียงคนเดินรอบๆบ้าน”

“ข้าก็ได้ยิน” อ้ายหนี่เสริมขึ้นมาอีกคน

ซูฮวาไม่รู้จะตอบลูกๆอย่างไรจึงได้แต่นิ่งอึ้ง แล้วพูดบ่ายเบี่ยงให้ทุกคนลุกขึ้นไปล้างหน้าเตรียมตัวเก็บผักป่าเพื่อนำไปทำกับข้าว อาหารมื้อค่ำเมื่อวานนี้ช่างมีรสชาติอร่อยล้ำราวกับว่านางฝันไป

ซูฮวาไม่มีฝีมือในการทำครัวเท่าใดนักเพราะไม่เคยฝึกฝนมาก่อน นางทำได้แต่อาหารง่ายๆจึงกลายเป็นอี้หานบุตรชายคนโตทำครัวเก่งกว่านางเสียอีก คิดแล้วก็รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

พอออกมาจากห้องนอนเจ้าเจียและอ้ายหนี่ก็วิ่งตรงไปที่ห้องครัวที่อยู่หลังบ้านทันที กลิ่นอะไรหอมเยี่ยงนี้ ในชีวิตของพวกเขาไม่เคยได้กลิ่นอะไรชวนให้ท้องหิวเช่นนี้มาก่อน

“พี่สะใภ้!!”เด็กทั้งสองคนตะโกนเรียกเวยลี่ออกมา

“ว่าอย่างไร พวกเจ้าตื่นสายกันนะวันนี้” เวยลี่เอ่ยปากแซว เจ้าเจียเอามือเกาศีรษะอย่างเขินอาย เขาตื่นสายจริงๆ ตายล่ะ!ผักป่าจะยังเหลือให้เก็บหรือเปล่า

“ข้าต้องรีบไปเก็บผักป่าก่อนพี่สะใภ้!” เจ้าเจียวิ่งไปหยิบตะกร้าไม้ไผ่สานมาสะพายหลังเตรียมตัวจะวิ่งไปเก็บผักป่า การเก็บผักป่านี่เป็นกิจวัตรประจำวันที่เขาทำเป็นประจำ

“เจ้าไม่ต้องรีบไปหรอก วันนี้พี่สะใภ้ของเจ้ามีของอร่อยให้กิน”ฮุ่ยเจินพูดขึ้นขณะกำลังปิดประตูหน้าบ้าน นางเดินกลับบ้านไปนำเงินมาซื้อแป้งย่างต้นหอมใส่ไข่แสนโอชะ

เวยลี่ให้ฮุ่ยเจินลองกินไป 1 แผ่นแต่ของอร่อยเช่นนั้น กินเท่าไรก็ไม่พอ นางจึงรู้สึกเกรงใจเลยสั่งให้เวยลี่ทำแป้งย่างเอาไว้ให้ 10 แผ่น นางจะเอาไปให้ลูกๆทั้ง 2 คนที่บ้านลองชิมด้วย

“เวยลี่เจ้าขายแป้งย่างใส่ต้นหอมและใส่ไข่นี่เท่าใด ข้าอยากซื้อ”

“พี่ฮุ่ยเจินท่านพูดอะไรเช่นนั้น คนกันเองทั้งนั้น” ซูฮวาเดินออกมาพอดีจึงรีบห้ามปราม

“จริงด้วยท่านป้า ต้นหอมนี่ก็เป็นของบ้านท่าน ข้าไม่กล้าคิดเงินท่านหรอก” เวยลี่อยากได้เงินก็จริงแต่ก็คงจะไม่เหมาะหากนางมองข้ามน้ำใจของสหายคนสนิทของซูฮวา ยิ่งฮุ่ยเจินเป็นถึงภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านนางต้องเกรงใจ

“แล้วแป้งกับไข่พวกเจ้าไม่ต้องใช้ตำลึงซื้อมารึ ข้าไม่เอาเปรียบพวกเจ้าหรอก บ้านเจ้ายังต้องเลี้ยงดูคนอีกหลายปาก แถมบ้านหลังนี้เองก็เก่ามากแล้วต้องใช้เงินอีกมากในการซ่อมแซม

ยามนี้บ้านข้าพอมีเงินอยู่บ้าง ข้าก็อยากช่วยเหลือพวกเจ้า หากพวกเจ้ายังดูถูกน้ำใจของข้า ข้าก็จะไม่มาหาพวกเจ้าอีก”

ฮุ่ยเจินก็แสร้งพูดไปอย่างนั้น สายตาของนางจ้องมองแป้งย่างในมือของเวยลี่ไม่วางตาจนเวยลี่ต้องส่งแป้งย่างไปให้นาง

“กร๊วม กร๊วม อร่อยๆๆ” ฮุ่ยเจินกล่าวซ้ำไปซ้ำมา เด็กน้อยทั้งสองเห็นป้าใหญ่เอาแต่พูดซ้ำๆเช่นนั้นก็รีบวิ่งไปล้างหน้า

“พวกเจ้าอย่ารีบวิ่งนัก ระวังหกล้ม” เด็กสองคนยังคงวิ่งไปไม่คิดชีวิต ไม่ฟังคำมารดา

“นี่เงิน 20 อีแปะ ข้าจะขอตัวกลับบ้านก่อน อีกครู่หนึ่งจะมานั่งคุยกับเจ้านะ” ฮุ่ยเจินพูดกับซูฮวา

ปกติพวกนางสองคนจะมานั่งคุยกันบริเวณกลางบ้านที่กว้างขวางมีเพียงโต๊ะไม้เก่าๆตั้งอยู่เท่านั้น แม้แต่ความยากจนนี้ก็มิได้เป็นอุปสรรคขัดขวางมิตรภาพที่งดงามของพวกนางได้

ในยามฮุ่ยเจินมีปัญหาซูฮวาก็มักจะคอยเป็นกำลังใจให้เสมอๆ พวกนางทั้งคู่ต่างก็เคยเป็นคุณหนูที่เคยมีฐานะ แต่ยามนี้กลับต้องมาตกอับ จึงเข้าอกเข้าใจกันเป็นอย่างดี

“เวยลี่” ซูฮวายิ้มขึ้นด้วยความยินดี นี่ลูกสะใภ้ของนางไม่จำเป็นต้องออกจากบ้านก็สามารถหาเงินได้หรือนี่

ขายแป้งย่าง 10 แผ่นชั่วพริบตาก็ได้เงินมา 20 อีแปะแล้ว ไม่ต้องลำบากนั่งหลังขดหลังแข็งปักผ้าเช็ดหน้าทั้งคืนได้แค่ 2 ผืนอย่างนาง

“ท่านแม่ท่านไปล้างหน้าเถิดแล้วมากินแป้งย่างกัน”เวยลี่เองก็ยิ้มให้ซูฮวาอย่างดีใจ

ท่าทางของเวยลี่คล่องแคล่วมากดูไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งเข้าครัววันแรก ซูฮวาลองหยิกแขนตัวเองอีกครั้งว่าไม่ได้ฝันไป ลูกสะใภ้ของนางกำลังเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี สวรรค์คงมีเมตตาต่อครอบครัวของนางแล้ว

ไม่ใช่ว่านางไม่สังเกตว่าเฉินเป่าหลิงนั้นแอบมีใจให้อี้หาน แต่เฉินเป่าหลิงมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีกว่าครอบครัวนางมาก แต่งงานกันไปก็จะโดนครอบครัวฝ่ายหญิงดูถูกเอาเปล่าๆ

เดิมทีตระกูลเฉินก็เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเช่นเดียวกับทุกคน แต่โชคดีที่ต้นตระกูลของตระกูลเฉินมีหัวทางด้านการค้า จึงเปิดภัตตาคารขึ้นจนมีชื่อเสียงโด่งดัง

เฉินเป่าหลิงเกิดมาจึงกลายเป็นคุณหนูจากอำนาจของเงินที่ตระกูลของนางสั่งสมเอาไว้

หลี่ซานเองก็ไม่ชอบเฉินเป่าหลิงเท่าใดนัก เขาบอกว่าเฉินเป่าหลิงเหมือนคุณหนูที่เอาแต่ใจ วันวันไม่ทำอะไร ใช้ชีวิตสุขสบายและเอาแต่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ซึ่งเวยลี่เองก็เลียนแบบพฤติกรรมของเฉินเป่าหลิงมาเป๊ะๆ แต่ต่างกันตรงที่เวยลี่ไม่มีตำลึงให้ผลาญมากนัก

พอทุกคนจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วก็มานั่งรับประทานแป้งย่างต้นหอม แป้งย่างใส่ไข่และแป้งย่างที่ใส่ทั้งต้นหอมและใส่ทั้งไข่

เวยลี่ต้องการดูว่าแป้งย่างชนิดใดที่เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน นางเป็นคนทำอาหารจึงอยากรู้ปฏิกิริยาของทุกคนที่ได้ชิมฝีมือนาง

“ข้าเลือกไม่ได้” อ้ายหนี่ยกมือน้อยๆของนางมากุมขมับพลางส่ายหัว

“ข้าชอบทุกอันเลย” เจ้าเจียทำสีหน้ากลัดกลุ้ม

“แม่ว่าแม่ชอบแป้งย่างใส่ทั้งต้นหอมและใส่ไข่” ซูฮวาเอ่ยเสียงเบาอย่างไม่แน่ใจ เหตุเพราะแป้งย่าง 3 ชนิดนี้ดูเหมือนจะมีเครื่องปรุงพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ ดึงรสชาติของต้นหอมหรือไข่ให้ออกมาลงตัวอย่างพอดี รสชาติจึงกลมกล่อมยิ่งนัก

“ท่านแม่ว่าถ้าข้าทำขายจะมีคนซื้อหรือไม่”

“แม่ว่ามีแน่นอน แต่เจ้าจะขายอันละเท่าใด”

ต่อให้มีคนอื่นทำแป้งย่างเหมือนกันขายในท้องตลาด นางมั่นใจว่าแป้งย่างของเวยลี่ก็อร่อยที่สุดอยู่ดี

“ถ้าแป้งย่างต้นหอมแผ่นละ 1 อีแปะ แป้งย่างต้นหอมใส่ไข่แผ่นละ 2 อีแปะถ้าเป็นแป้งย่างใส่ทั้งต้นหอมและไข่แผ่นละ 3 อีแปะ”

ครอบครัวหลี่นิ่งอึ้งเพราะราคาที่เวยลี่ตั้งนั้นแพงกว่าแป้งย่างที่คนทั่วไปขาย 2-3 เท่า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาด้วยเกรงว่าเวยลี่จะเสียกำลังใจ

“พวกท่านลองกินคู่กับน้ำเต้าหู้ด้วยสิ อร่อยและอิ่มท้อง ถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้นี้มีประโยชน์มากท่านแม่ เจ้าเจียและอ้ายหนี่ยังเด็กน้ำเต้าหู้นี้ช่วยบำรุงสมองทำให้ความจำดี ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง

ส่วนข้อดีสำหรับท่านแม่และข้าคือช่วยบำรุงกระดูก ปรับการไหลเวียนโลหิตในร่างกายและทำให้ไม่แก่ด้วยเจ้าค่ะ”

“ข้อดีมากถึงเพียงนั้นเลย” ซูฮวายกแก้วใส่ของเหลวหน้าตาประหลาดลองมาดื่มดู ครั้งแรกนางต้องกลั้นใจดื่มเพราะกลิ่นของน้ำเต้าหู้นี่ไม่คุ้นเอาเสียเลย

“อื้อ รสชาติดี” ในที่สุดซูฮวาก็พูดออกมา

พวกเด็กๆเลยเปิดใจลองดื่มดูก็รู้สึกว่ารสชาติหวานอร่อยกว่าที่คิดมาก อร่อยจนแทบกัดลิ้นเมื่อนำมากินคู่กับแป้งย่าง มื้อนี้ทุกคนกินแป้งย่างเกือบ 20 แผ่นถึงรู้สึกว่ากินต่อไม่ไหวแล้ว

ที่นี่ไม่มีนมวัวสำหรับพวกเขา เวยลี่เลยอยากหาอะไรมาทดแทนเป็นสารอาหารที่ถูกและหาได้ง่าย ถั่วเหลืองมีโปรตีนสูงแถมยังไม่ต้องกลัวแพ้เหมือนนมวัวอีกต่างหาก มองภาพแม่ลูกยิ้มกันอย่างมีความสุข เวยลี่ก็รู้สึกมีความสุขไปกับภาพตรงหน้าด้วยเช่นกัน

หากขายแป้งย่างต้นทุนไม่สูง อีกทั้งยังได้กำไรดีอีกต่างหาก เวยลี่วางแผนไว้ว่าจะให้เจ้าเจียเป็นคนไปขายที่ตลาดในหมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกล

หากเวยลี่นำแป้งย่างไปขายเองในช่วงที่สามีไม่อยู่ เกรงว่าจะถูกชาวบ้านเอาไปครหานินทาว่านางคบชู้สู่ชายได้

ยุคสมัยนี้เคร่งครัดเรื่องพวกนี้มาก สิทธิของสตรีนั้นไม่ได้เท่าเทียมบุรุษ ยิ่งร่างเดิมของนางนิสัยไม่ค่อยดีก็ต้องระวังตัวเอาไว้ก่อน

พอลองคิดทบทวนดูโชคดีที่เวยลี่คนเก่าเป็นคนชอบอยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปสุงสิงกับใคร เรื่องความร้ายกาจของนาง

จึงรู้กันอยู่แต่เฉพาะกับครอบครัวหลี่และคนสนิท

แต่พวกคนร้ายที่มาคราวนั้นเหมือนไม่ได้มาขโมยของเลย คล้ายกับว่าพวกเขาตั้งใจมาทำร้ายนางโดยตรง เอ ในนิยายเรื่องเก่าเวยลี่ก็ไม่ได้มีศัตรูที่ไหน นอกจากเฉินเป่าหลิงนางเอกที่เป็นแม่ดอกบัวขาวของเรื่อง...

ถึงแม้วันนี้ยังไม่รู้ว่าใครลอบทำร้ายนางแต่ในวันหน้าคนร้ายก็ต้องเผยตัว และถ้ามีวันนั้นเมื่อไร เวยลี่จะเป็นคนลากคอมันไปรับโทษให้จงได้!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel