ตอนที่ 3 สตรีที่ร้ายกาจ
จางเวยลี่รู้สึกต้องการความช่วยเหลือ อยากให้มีใคร ก็ได้มาช่วยพานางออกไปจากอ้อมแขนแกร่งราวกับหินผาตรงหน้าสักที หลี่อี้หานยังไม่ยอมหยุดจ้องหน้านาง สายตา ของเขาเต็มไปด้วยความชิงชังราวกับว่าอยากให้นางตายลง ไปต่อหน้าให้ได้
หลี่อี้หานหน้าตาหล่อเหลาเหมือนพระเอกซีรี่ย์จีนที่นางชอบดู จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากได้รูป ผิวสีน้ำผึ้ง นี่คงเกิดจากต้องไปตากแดดทำงานเป็นเวลานานๆ
พื้นเพครอบครัวของเขาผิวขาวกันทั้งนั้นเห็นได้จากซูฮวาที่มีผิวขาวจนซีด ถ้าหากเขาอ้วนขึ้นกว่านี้สักนิดก็จะดูสมชายชาตรีมากกว่าเดิม
“ท่านจะจ้องข้าอีกนานหรือไม่ ทำราวกับว่าไม่เคยเห็นข้ามาก่อน”
“ที่ข้าจ้องหน้าเจ้าไม่ใช่เพราะว่านึกพิศวาสอะไรเจ้าหรอก แค่ดูแผลที่ศีรษะเจ้าต่างหากอย่าได้เป็นกังวลไป” หลี่อี้หานสวนกลับมาทันควัน
เวยลี่พยายามประคองตัวเองให้ยืนให้มั่นคงก่อน ร่างของเธอเองก็ผอมและดูขาดสารอาหารไม่ต่างไปจากคนอื่นๆ หลี่อี้หานเองก็ผอมเกร็งไปทั้งตัวแต่ยังดูมีกล้ามเนื้อทำให้ดูแข็งแรงไปอีกแบบ
คนเราจะกินแต่ผักป่าและผักที่ขึ้นอยู่ตามท้องนาต้มให้อิ่มท้องตลอดไปคงไม่ได้กระมัง คิดแล้วเวยลี่ก็อดสงสารคนตรงหน้าและครอบครัวนี้ขึ้นมาไม่ได้
“เจ้า…ปล่อยข้าได้แล้ว ข้ายืนเองได้แล้ว” คราวนี้เขาถอยหลังไปสองก้าวแล้วไม่ได้ต่อว่าอะไรนางออกมา
“แผลของเจ้า…” เขาถามออกมาแค่นั้น
ตอนแรกอี้หานคิดว่าเรื่องที่เวยลี่ได้รับบาดเจ็บนั้นเป็นเรื่องที่นางกุขึ้นมา เพื่อเรียกร้องความสนใจเพราะว่านางชอบพูดปดอยู่เป็นประจำ จนเขาไม่สามารถจะแยกออกว่าสิ่งใดจริงหรือเท็จ แต่พอเขาได้เห็นกองเลือดกองใหญ่อยู่บนพื้นก็ถึงกับตกตะลึง
ความโกรธที่เขามีต่อนางจึงลดลงไปหลายส่วน เลือดนางออกมากถึงเพียงนั้น แม้จะรู้สึกเห็นใจแต่ลึกๆในใจของเขากลับมีความหวังเล็กๆอยากจะให้นางตายจากไป อยากเป็นอิสระจากสตรีที่เขาไม่ได้รักตรงหน้านี้
การแต่งงานครั้งนี้เขาไม่เคยเห็นชอบเลยสักนิด เวยลี่ รูปโฉมงดงามปานเทพเซียนก็จริงแต่นางก็ใจร้ายมากและชอบด่าทอเขาสูงๆต่ำๆ ไม่ว่าเขาจะพยายามทำเพื่อนางเพราะเห็นแก่ท่านผู้เฒ่าและมารดาเพียงใด นางก็ไม่เคยรู้สึกพอใจกับสิ่งที่เขาทำให้แม้เพียงสักครั้ง
วันนี้เขาจึงตัดสินใจพูดเรื่องหย่าเป็นครั้งแรก ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่านางหลงรักเขาหัวปักหัวปำขนาดไหน แต่เขาไม่สามารถทำใจให้ชอบนางได้ลงจริงๆ
ยิ่งรู้ว่านางปฏิบัติตัวแย่ๆกับน้องชาย น้องสาวและมารดาเขาอย่างไร เขาก็รู้สึกเจ็บปวดที่ต้องรับสตรีเช่นนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว
“เจ้าพักผ่อนให้หายดีก่อนแล้วเราค่อยมาคุยเรื่องหย่ากันทีหลัง”
“อื้อ ท่านออกไปเถิดข้าอยากพักผ่อนแล้ว”
อี้หานมองริมฝีปากสีซีดก่อนจะประคองนางไปนอนลงที่เตียง แค่เพียงครู่เดียวเวยลี่ก็เข้าสู่นิทราไปแล้ว
“นางเสียเลือดไปมากคงจะเพลีย” เขาคิดอยู่ในใจ
เขาหันไปมองไข่ต้ม 1 ใบบนโต๊ะไม้เก่าๆแล้วเขาก็ถอนหายใจออกมา จะว่านางผิดเสียฝ่ายเดียวก็ไม่ได้เพราะเขาเองก็ไม่สามารถดูแลนางให้ดีได้ บุรุษเช่นเขาไม่ควรแต่งภรรยาเข้ามาจริงๆ ทำให้สตรีที่น่าสงสารผู้นั้นต้องมาลำบากเปล่าๆ
อี้หานนั่งมองหน้าสตรีที่เขาแสนชังอยู่ครู่หนึ่ง หน้าตาเจ้าช่างงดงามแต่เหตุใดถึงได้มีจิตใจที่ชั่วร้ายนัก เขาได้แค่คิดกับตัวเองและถอนหายใจออกมา
จางหลีไห่เดินทางกลับบ้านที่อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งไปแล้ว ก่อนจากไปก็กำชับให้ซูฮวาต้มยาสมุนไพรให้เวยลี่ดื่มห้ามขาดตกบกพร่อง
เขามีหน้าที่ต้องไปตรวจดูอาการให้ฮูหยินหลินก่อน ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่ยอมทิ้งเวยลี่ให้อยู่ในการดูแลของอี้หานหรือซูฮวาเป็นแน่
“นางหลับไปอีกแล้วท่านแม่” อี้หานออกมาบอกมารดา
“ปล่อยให้นางนอนพักสักครู่ คืนนี้แม่จะเข้าไปเฝ้านางเอง”
“ท่านแม่หากนางขว้างปาข้าวของใส่ท่านอีก ท่านเรียกข้าทันทีข้าจะไม่ยอมให้นางทำพฤติกรรมแย่ๆใส่ท่านอีกแล้ว” อี้หานประกาศกร้าวออกมา
ซูฮวามองใบหน้าคมคายของลูกชายก็รู้สึกสงสารจับใจ เมื่อก่อนเขาเคยแต่จับพู่กันวาดเขียนเรียนตำรา ตอนนี้กลายเป็นคุณชายตกอับไม่มีสตรีที่ไหนอยากเหลียวแล บิดาก็พึ่งพาไม่ได้เนื่องจากยังคงฝังใจอยู่กับเหตุการณ์ในอดีต ทิ้งให้ลูกให้เมียต้องตกระกำลำบาก
“แม่จะเรียกลูกทันทีเลย ลูกวางใจได้” ซูฮวาเอ่ยแล้วยิ้มให้บุตรชายคนโต
ยามดึกสงัดเวยลี่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะได้กลิ่นยา ซูฮวายิ้มให้นางอย่างใจดี พร้อมกับนำไข่ต้มมาป้อนให้พร้อมกับข้าวต้มที่มีแต่น้ำใสๆแทบไม่เห็นเมล็ดข้าว
“เอ่อ ทะ ท่านแม่ข้าขอกินข้าวต้มพอ ส่วนไข่ท่านเอาไว้ให้น้องๆกินเถิด” เวยลี่พูดพลางยกยาสมุนไพรขึ้นดื่ม รสชาติไม่เลวเลยไม่ขมสักนิด ท่านตาของนางคงนำน้ำบ๊วยหมักใส่เข้ามาด้วยเพื่อทำให้รสชาติดียิ่งขึ้น
“เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ”ซูฮวายังคงไม่คลายสีหน้าสงสัย
“ท่านแม่เจ้าค่ะ” เวยลี่ตอบอีกครั้งหนึ่ง
“โอ้….” ดูเหมือนว่าซูฮวาจะพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง
พอเวยลี่ดื่มยาและข้าวต้มเสร็จแล้วก็ลุกเดินนำชามไปเก็บในห้องครัว นั่นเป็นครั้งแรกที่นางได้ออกมานอกห้อง
ความเป็นอยู่ด้านนอกคล้ายกับอาศัยอยู่ในเพิงร้าง หลังคาบ้านก็ไม่รู้จะกันแดดกันฝนไปได้อีกนานเท่าใด ทำท่าจะพังลงมาอยู่เต็มที
ห้องของนางคือสวรรค์สำหรับนรกบนดินแห่งนี้อย่างแท้จริง!
เวยลี่หยุดยืนอยู่ครู่หนึ่งเพราะนางรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมากกับภาพที่เห็น
ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น เจ้าของร่างเดิมตกหลุมรักและคลั่งไคล้หลี่อี้หานก็จริง แต่นางก็ไม่พอใจที่ครอบครัวของเขามีฐานะยากจน และเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเฉินเป่าหลิงตลอด
ความรักรึ? นี่มันความเห็นแก่ตัวชัดๆ นางคิดว่าหลี่อี้หานต้องหาทุกอย่างมาประเคนให้นาง เพื่อให้มีฐานะเทียบเท่ากับเฉินเป่าหลิง โดยที่ไม่สนใจเลยว่าครอบครัวของเขามีความเป็นอยู่ที่ยากลำบากขนาดไหน
เคยมีชายหนุ่มที่ฐานะดีกว่าหลายคนมองข้ามนิสัยแย่ๆมาทาบทามจางเวยลี่ แต่นางก็ไล่ตะเพิดไปหมด
รายล่าสุดที่มาเจรจา คือ เถ้าแก่หูร้านขายข้าว เขาต้องการรับนางไปเป็นอนุภรรยา เถ้าแก่หูอายุ 35 ปี แล้วห่างจากจางเวยลี่ที่อายุแค่ 18 ปี เกือบเท่าหนึ่ง นางจึงไม่รับข้อเสนอของเขาและเลือกที่จะแต่งงานกับอี้หานที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันมากกว่า
ข้าวสารเหลืออยู่ก้นหม้อ เครื่องปรุงต่างๆนั้นหมดไปนานแล้ว ไข่ไก่ก็มีอยู่ 2 ฟองคงจะเตรียมเอาไว้ให้นางและเพื่อรับหน้าท่านตาผู้ที่มีพระคุณสูงสุดของซูฮวาและสามี ก่อนกลับห้องเวยลี่เดินไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็ได้ยินเสียงของซูฮวาพูดกับเจ้าเจียว่า
“พี่สะใภ้ของเจ้ายกไข่ต้มฟองนี้ให้เจ้า รีบกินเสีย”
“ข้าไม่กินหรอกท่านแม่เก็บเอาไว้ให้อ้ายหนี่เถิด นางกำลังโต” จางเจ้าเจียเอ่ยอย่างรู้ความ
“พี่รอง คราวที่แล้วพี่สะใภ้ตีท่านจนเดินไม่ได้ไป 3 วัน นางให้ไข่ต้มท่านมาคงเพราะอยากจะขอโทษ ท่านก็กินเสียเถิด” เสียงเล็กๆตอบออกมาอย่างฉะฉาน
เวยลี่ยืนฟังอยู่ก็แทบอยากจะเอาหัวโขกพื้นให้ตายๆไปเสีย จางเวยลี่เอ๋ยเจ้ามันเป็นสตรีที่ช่างร้ายกาจจริงๆ! แม้กระทั่งเจ้าเจียที่อายุเพียง 9 ขวบนางก็ยังทำร้ายได้ลงคอ
พอคิดเช่นนั้นภาพที่นางเคยจับอ้ายหนี่วัย 6 ขวบมัดแล้วขังเอาไว้ในห้องนอนเนื่องจากรำคาญเสียงร้องของอ้ายหนี่ไม่ไหว วันนั้นซูฮวาต้องเข้าตัวเมืองไปขายผ้าเช็ดหน้ากว่าจะกลับก็เกือบเย็น อ้ายหนี่จึงไม่ได้กินอะไรทั้งวัน
ทั้งๆที่เวยลี่ก็อยู่และมีของกินเก็บสำรองไว้ กลับไม่มีน้ำใจที่จะแบ่งให้น้องสามีกินสักนิด ภาพที่เห็นทำให้นางปวดศีรษะอย่างรุนแรง ตอนนี้นางจำทุกอย่างที่เคยทำเอาไว้ได้แล้ว
โชคดีที่เวยลี่เพิ่งออกเรือนมาได้แค่เพียง 3 เดือนเหตุการณ์จึงไม่เลวร้ายไปมากกว่านี้..นางยังพอกู้สถานการณ์และภาพลักษณ์(ที่ไม่น่าจะเหลือแล้ว) กลับมาได้...กระมัง?
แล้วมันโชคร้ายอะไรของนางที่เกิดใหม่ต้องมารับช่วงต่อจากจางเวยลี่กันล่ะเนี่ย ???