ตอนที่ 10 โดนรุกที่
“เวยลี่ได้เงินขายแป้งย่างวันนี้มาแล้ว 100 อีแปะเจ้าลองนับดูสิ” ซูฮวาถือพวงตำลึงมาให้เวยลี่ที่กำลังนำดอกไม้จัดใส่แจกันอยู่
“ท่านแม่ตอนนี้ก็ถือว่ามีเงินจากการขายแป้งย่าง 150 อีแปะแล้ว เงินมัดจำครึ่งหนึ่งได้ 720 อีแปะ…รวมแล้วไม่กี่วันมานี้พวกเราจะหาเงินได้เกือบ 1 ตำลึงแล้วท่านแม่!”
เวยลี่เข้าไปจับซูฮวากอดแล้วกระโดดด้วยความดีใจ ซูฮวาเองก็พลอยกระโดดไปกับนาง
เดิมทีเวยลี่ตั้งใจว่าจะนำเมล็ดแตงโมไปหยอดลงหลุมที่เตรียมไว้ที่สวนหลังบ้าน แต่ดูแล้วน่าจะไม่ทันจึงเตรียมมื้อเย็นก่อนเป็นต้มฟักที่เหลือ ผัดถั่วงอกใส่เต้าหู้และหมูสับ ไส้หมูที่เจ้าเจียนำมาก็นำไปดับคาวด้วยขี้เถ้า ล้างน้ำออกแล้วนำไปหมักเกลือ
ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลงแล้วไม่ต้องห่วงว่าอาหารต่างๆจะเน่าเสียง่าย นำไส้หมูหมักเกลือแล้วนำไปตากแดดถือเป็นการถนอมอาหารอย่างหนึ่ง
การถนอมอาหารทำให้สามารถเก็บอาหารไว้ทำกับข้าวได้อีกหลายมื้อ ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาทำสักพักก็เสร็จ
จากนั้นเวยลี่นำถั่วเขียวมาต้มน้ำตาลเป็นรางวัลให้ทุกคนที่ช่วยกันทำงานอย่างแข็งขัน
“เจ้าไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวแม่ไปตามพวกเด็กๆก่อน”
“เจ้าค่ะ”
ก่อนอาบน้ำเวยลี่เข้าไปเก็บกวาดทำความสะอาดฝุ่น และจัดข้าวของในห้องให้เป็นระเบียบ ถึงค่อยอาบน้ำทีเดียว นางกะเวลาเอาไว้ว่าน่าจะทันเวลาพวกเด็กๆกลับมาพอดี
ห้องนอนของนางกว้างพอดีที่จะสร้างห้องน้ำข้างใน แต่ที่บ้านยังมีเรื่องให้ต้องใช้เงินอีกเยอะ เวยลี่จึงไม่อยากเห็นแก่ตัวเอาเงินมาใช้ในเรื่องที่ยังไม่จำเป็น ตอนนี้นางอยากให้รั้วสร้างเสร็จเร็วๆมากกว่า
“พี่สะใภ้ท่านแม่ให้มาตามท่านไปกินข้าวเจ้าค่ะ”
“ได้เดี๋ยวพี่ตามไปอ้ายหนี่” อ้ายหนี่ตัวน้อยยิ้มรับแล้วเดินกลับไปบอกท่านแม่
เวยลี่นำภาพที่นางวาดรูปแบบประตูรั้วที่ต้องการไปให้ซูฮวาดูเป็นแบบเอาไว้บอกช่างที่จะมาทำรั้วให้
เวยลี่ออกแบบไว้ 2 อย่าง รั้วปูนทึบสูงประมาณครึ่งจั้งแล้วอีกครึ่งจั้งใช้โครงเหล็กและไม้แผ่นสำหรับตีปิดโครงเหล็กให้สวยงาม
ด้านรั้วแปลงผักหลังบ้านนางตั้งใจว่าจะให้ฝังเสาปูน แล้วขึงด้วยลวดหนามแต่เกรงว่าค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้นไปอีก จึงตัดสินใจให้ทำเป็นรั้วไม้ไปก่อนจะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย เวยลี่ไม่อยากให้ซูฮวาต้องเป็นกังวล
เวยลี่ลงรายละเอียดออกแบบให้ช่างว่าต้องตีไม้ออกมาในลักษณะใดจึงจะสวย ตามที่นางเคยเห็นในปัจจุบัน ไม่รู้ว่าพวกเขาจะทำให้นางได้หรือไม่
“เจ้ามาแล้วทำไมถึงมาช้านัก”
“ท่านแม่ข้านำภาพรั้วที่ต้องการมาให้ท่านดู ท่านอยากแก้ไขตรงจุดไหนหรือไม่”
“นี่เจ้าวาดรูปเองเหรอ สวยงามยิ่งนัก” ซูฮวามองดูภาพวาดในมือแล้วรู้สึกทึ่งยิ่งนัก
เวยลี่ดูเหมือนจะมีความสามารถที่นางไม่รู้อยู่อีกมาก ฝีมือวาดภาพของเวยลี่สวยกว่าภาพวาดราคาแพง ที่บิดาของนางซื้อมาในสมัยที่ยังอยู่ตระกูลซูอีกต่างหาก
“ข้าก็แค่ลองวาดเท่านั้นเอง”
“แม่ไม่มีอะไรจะปรับหรอก บริเวณที่เป็นไม้ให้ช่างตีช่องให้ไม่ห่างจนเกินไปแบบนี้ดีแล้ว เผื่อมีใครอยากจะปีนเข้ามาจะได้ไม่สามารถเข้ามาได้โดยง่าย”
“ถ้าท่านแม่ไม่มีอะไรแก้ไขพวกเรากินข้าวกันเถอะ”
“เต้าหู้นี่ให้สัมผัสที่ดีมากๆนุ่มลิ้นยิ่งนัก เอามาทำผัดถั่วงอกแล้วอร่อยเหลือเกินพี่สะใภ้” เจ้าเจียชมออกมาจากใจจริง
“ข้าก็ชอบมาก ไม่ได้กินเนื้อหมูมานานมากจนแทบจะจำรสชาติหมูไม่ได้แล้ว” อ้ายหนี่ก้มหน้ากินผัดถั่วงอกข้างหน้าด้วยท่าทางเหมือนจอมตะกละตัวน้อยๆ
ซูฮวามองท่าทางของเด็กๆแล้วก็รู้สึกจุกข้างในอก ที่ผ่านมาครอบครัวของนางลำบากมากจริงๆ ดูจากที่สมาชิกทุกคนในบ้านผ่ายผอมกันจนแก้มตอบหมด
“ต่อไปพี่จะทำให้ทุกคนในบ้านมีเนื้อหมูกินกันทุกวันเลยดีไหม”
“ดีขอรับ/ดีเจ้าค่ะ”พวกเขาตอบเสียงประสานกัน
อาหารมื้อนี้เป็นที่ถูกใจของทุกคน จนเวยลี่นำถั่วเขียวต้มน้ำตาลมาให้เด็กๆชิมคนละถ้วยน้อยๆ พวกเขาชอบมากจนแทบจะลืมหน้าตาของเต้าหู้ก่อนหน้านี้ไปเลย
เด็กกับของหวานเป็นของคู่กันอยู่แล้ว ถ้าหากมีเวลาว่างเวยลี่อยากจะลองทำขนมเค้กง่ายๆให้พวกเขาได้ลิ้มลองดู
“พวกเจ้าอย่ากินมูมมามขนาดนี้ต่อหน้าพี่สะใภ้ รักษามารยาทบ้าง เดี๋ยวพี่สะใภ้จะหาว่าแม่ไม่เคยอบรมสั่งสอนพวกเจ้านะ”
ซูฮวาพยายามอดทนจะไม่ตำหนิลูกๆแล้ว แต่หน้าของสองพี่น้องนี่แทบจะจุ่มลงไปในถ้วยอยู่แล้ว จึงต้องห้ามปรามกันบ้าง
“ถั่วต้มน้ำตาลนี่อร่อยที่สุดในโลก!”เจ้าเจียประกาศออกมา
“ฮ่าๆๆ เอาไว้พี่สะใภ้ทำให้เจ้ากินใหม่ แต่ก่อนนอนต้องไปบ้วนปากก่อนนะเพราะว่ามันหวาน”
“ได้ขอรับ/ได้เจ้าค่ะ” พวกเด็กๆรับคำอย่างว่าง่าย
“ท่านแม่ท่านซื้อแป้งขาว น้ำมัน เกลือ ต้นหอมและไข่มาให้ข้า ข้ายังไม่ได้ให้เงินท่านเลย”
ซูฮวาให้เจ้าเจียซื้อของมาให้เวยลี่เพิ่มอีกเป็นเท่าตัว นางคงกลัวว่าของที่ซื้อมาเมื่อเช้าจะไม่เพียงพอ
“ทั้งหมดไม่ถึง 30 อีแปะเจ้าไม่ต้องให้แม่หรอก พวกเขารู้จักแม่ก็เลยลดให้มาเป็นพิเศษแม่เลยซื้อมาเยอะหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นข้าให้ท่าน 3 ก้วนเจ้าค่ะ” เงิน 3 ก้วนก็คือเงิน 300 อีแปะ
เวยลี่อยากขอบคุณที่ซูฮวาเมตตานาง และถ้าไม่ได้การสนับสนุนจากฮุ่ยเจินสหายสนิทของแม่สามี นางก็คงไม่มั่นใจที่จะทำแป้งย่างขายเพราะเกรงว่าจะมีปัญหากับผู้อื่น
แต่ถ้าหัวหน้าหมู่บ้านออกหน้าสนับสนุนแล้ว คนอื่นก็คงทำอะไรนางไม่ได้โดยง่ายอย่างแน่นอน
อีกอย่างหนึ่งคือเวยลี่อยากสอนเด็กทั้งสองคนให้เป็นคนกตัญญูรู้จักตอบแทนคุณมารดา จึงนำเงินรายได้ที่หามาได้ส่วนหนึ่งมอบให้ซูฮวาให้พวกเขาดูเป็นแบบอย่าง
“ท่านแม่ ท่านถือว่าเป็นแม่ของข้าแล้วนะเจ้าคะ” เวยลี่ยิ้มกว้างให้มารดาต่างสายเลือดที่นางรักและผูกพันเหมือนกับเป็นมารดาของนางจริงๆ
“ขะ ขอบใจมากลูกสาวแม่”ซูฮวาก้มหน้าตอบเงียบๆ น้ำตาไหลอาบแก้มขาว
เวยลี่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นแล้วเดินไปแช่ถั่วเหลืองจำนวนมาก การลองทำเต้าหู้ขายก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่นางต้องการ
หากขายไม่ได้ก็เก็บเอาไว้กินในครอบครัว แล้วน้ำเต้าหู้ทุกคนในบ้านก็ต้องดื่มทุกวันอีกด้วย
เจ้าเจียและอ้ายหนี่มีความสุขมาก พวกเขาได้กินอิ่มมา 2 วันแล้ว ถึงแม้ภายในใจจะยังไม่ลืมเลือนความยากลำบากและภาพความร้ายกาจที่ผ่านมาของพี่สะใภ้
แต่ก็เปิดใจให้นางเป็นที่เรียบร้อย อ้ายหนี่ยังเด็กกว่าจึงลืมได้รวดเร็วกว่าเจ้าเจีย นางจึงทำดีต่อผู้ที่ดีกับนาง
“หวังว่าท่านจะดีต่อพวกเราตลอดไปนะพี่สะใภ้” เจ้าเจียนอนพึมพำออกมาแล้วก็หลับไป
เขาไม่อยากให้พี่สะใภ้กลับไปเป็นคนใจร้ายดังเดิมจึงเก็บเอาเรื่องราวเก่าๆมานอนครุ่นคิด จนกระทั่งหลับไปด้วยความง่วง
เช้าวันถัดมา
เวยลี่หลับสนิททั้งคืนจึงตื่นแต่เช้ามาเตรียมทำแป้งย่าง ซูฮวาเองก็ตื่นแล้ว เนื่องจากต้องเตรียมทำแป้งย่างจำนวนมากเวยลี่จึงปล่อยให้ซูฮวาเป็นคนเตรียมมื้อเช้าแทน
ผ่านไป 2 เค่อแป้งย่างต้นหอมและใส่ไข่ทั้ง 40 แผ่นตามคำสั่งซื้อก็เสร็จ เว่ยลี่แถมแป้งย่างต้นหอมไปอีก 2 แผ่นเหมือนเช่นเคย
วันนี้นางเพิ่มจำนวนแป้งย่างที่ขายรายวันขึ้นเป็นอย่างละ 40 แผ่น
“แม่ทำน้ำเต้าหู้เสร็จแล้ว กับข้าวมื้อนี้มีผัดมะเขือใส่ไข่เจ้าว่าพอหรือไม่เวยลี่”
“พอเจ้าค่ะ ข้าทำแป้งย่างต้นหอมใส่ไข่เพิ่มให้พวกท่านคนละ 3 แผ่นด้วยน่าจะกินอิ่มพอดี”
เจ้าเจียเดินก้มหน้ามานั่งร่วมโต๊ะอาหารพร้อมกับทุกคน เช้านี้เขาไม่กล้าสบตาพี่สะใภ้เนื่องจากยังรู้สึกผิดอยู่ภายในใจ เขาจึงมุ่งมั่นอยู่กับอาหารตรงหน้าไม่เหมือนกับอ้ายหนี่ที่กินไปยิ้มไปและหัวเราะร่าเริง
“เจ้าเจีย พี่สะใภ้มีอะไรจะให้”
“?”
เจ้าเจียที่กำลังจะถือตะกร้าออกไปขายของหยุดชะงักแล้วหันมามองตามเสียงเรียก
“เงิน 20 อีแปะนี่พี่ให้เจ้าเอาไปซื้อขนมนะ”
“พี่สะใภ้!”
“ต่อไปชีวิตของพวกเราจะมีแต่ดีขึ้น พี่สัญญา”
“ขอบคุณขอรับพี่สะใภ้ ข้าจะตั้งใจขายแป้งย่างให้ดี” เจ้าเจียพูดออกมาด้วยความตื้นตันใจ
เงินจำนวนนี้ถึงแม้จะไม่มากแต่หากเป็นเมื่อก่อนก็พอเลี้ยงครอบครัวเขาได้ไปครึ่งเดือน เจ้าเจียจึงนำเงินที่เวยลี่ให้มาเก็บเป็นอย่างดี
วันนี้ซูฮวาไม่ได้ตามไปด้วยเพราะรอคุยกับช่างที่จะมาประเมินค่าใช้จ่ายในการสร้างรั้วจากพื้นที่จริง คงจะไม่เหมาะสมถ้าให้เวยลี่และอ้ายหนี่อยู่บ้านเพียงลำพัง
ไม่นานนักจางเฉินหัวหน้าช่างที่คุ้นเคยกันดีกับฮุ่ยเจินก็เข้ามาที่บ้านตระกูลหลี่ ทุกคนเดินตามไปเพื่อคาดคะเนค่าใช้จ่ายและวัดที่ดินของตระกูลหลี่ว่ามีอาณาเขตจากตรงไหนถึงตรงไหน
ตามโฉนดที่ตกลงซื้อเป็นตัวบ้านที่อาศัยอยู่และมีที่ดินบริเวณบ้านอีก 4 หมู่แต่ที่ดินนี้กลับเหลือเป็นพื้นที่ว่างเปล่าแค่ 3 หมู่ อีก 1 หมู่ถูกบ้านตระกูลจูยึดเอาไปทำคอกหมู ซูฮวารู้เข้าก็โกรธจนตัวสั่น
นางและครอบครัวเป็นคนต่างถิ่นโดนคนเจ้าถิ่นเอาเปรียบก็ย่อมรู้สึกโกรธเป็นธรรมดา แต่คนที่โกรธมากกว่านางดูเหมือนจะเป็นฮุ่ยเจิน
“ข้าจะไปคุยกับจูเหลียงให้รู้เรื่อง”ฮุ่ยเจินประกาศก่อนจะเดินตรงไป
“ช้าก่อนท่านป้าใหญ่ ข้าว่าเรื่องแบบนี้ให้ท่านลุงลู่เป็นผู้เจรจาน่าจะเหมาะสมกว่าเจ้าค่ะ” เวยลี่ท้วงติง
จางเฉินหันหน้ามามองเวยลี่ด้วยความรู้สึกนับถือเล็กน้อย ดูท่าสาวน้อยตรงหน้าจะไม่ได้มีดีแค่ความงามอย่างเดียว ผิดกับข่าวลือที่ว่านางรูปโฉมงดงามแต่ไร้สติปัญญา มีกิริยามารยาทที่หยาบช้า ชอบด่าทอคนอื่นไปทั่ว
