บทที่ 5 เปิดร้านวันแรก
บทที่ 5 เปิดร้านวันแรก
“นี่เธอหาได้จริงเหรอ จำนวนครบเสียด้วย” ชายคนนี้พูดออกมาอย่างตื่นเต้น ไม่คิดว่าหญิงสาวตรงหน้าจะสามารถหาของที่เขาต้องการได้จริง
“นี่คือจักรยานห้าสิบคันตามที่คุณลุงต้องการค่ะ” หญิงสาวบอกอย่างยิ้มแย้ม เรื่องหาสินค้าตอนนี้ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
“นี่เงินทั้งหมดลองนับดู” ชายคนนี้ส่งกระเป๋าเงินให้ตตามจำนวน หูจินหลินรับเงินมา ก่อนจะนับโดยไม่คิดว่านี่คือเรื่องผิดอะไร เมื่อเห็นว่าเงินครบตามจำนวนก็บอกอีกฝ่าย
“เงินครบค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” เธอกล่าวขอบคุณอีกครั้ง
“แล้วถ้าฉันต้องการสินค้าอีก ฉันจะหาเธอยังไง”
“ฉันอยู่ไม่ไกลแถมนี้หรอกคะ และจะพยายามเข้ามาในตลาดมืดบ่อยครั้ง” หูจินหลินยังไม่มั่นใจในความปลอดภัย เลยไม่กล้าที่จะบอกที่อยู่ตนเอง
ชายคนนี้เข้าใจดี เลยไม่ซักไซ้ คิดว่าหากมีวาสนาต่อกันคงจะพบกันอีก จักรยานห้ามสิบนี้ก็ไม่น้อยเลยทีเดียว
จากนั้นทั้งสองต่างก็แยกย้าย
หูจินหลินและเสี่ยวม่านยังคงเดินอยู่ในตลาดมืดพักหนึ่ง ทั้งสองยังได้ลูกค้าอีกหลายราย กว่าจะได้กลับบ้านก็มืดค่ำแล้ว
วันต่อมา...
หูจินหลินและเสี่ยวม่าน เข็นรถออกมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี ทั้งสองมาถึงก็รีบตั้งร้าน แล้วที่ตรงนี้เหล่าพ่อค้าแม่ค้าต่างก็อัธยาศัยดี พอเห็นว่าทั้งสองคนมาใหม่ก็มาช่วยอย่างเป็นกันเอง
“แม่ค้า เอาซาลาเปาสามลูก ขนมจีบสองลูก ราคาเท่าไร” ลูกค้าคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม ดูท่าแล้วน่าจะเป็นคนงานแถวนี้
“ซาลาเปาไส้เนื้อลูกละห้าเหมา ขนมจีบลูกละสองเหมาค่ะ ลูกค้าจะรับไหม” หูจินหลินตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม เธอมองว่าราคานี้ไม่แพง และจากที่สังเกตมา ร้านอื่นขายราคาประมาณนี้เหมือนกัน
“เอามาตามที่สั่งเลย ถ้าอร่อยจะมาซื้ออีก” ชายคนนี้บอก เพราะเขามาซื้อที่นี่นั้น เห็นว่าซาลาเปาลูกใหญ่ และราคาไม่ต่างจากที่อื่น แต่ถ้ารสชาติอร่อยคงต้องมากินทุกวันแล้ว
เมื่อมีลูกค้าคนที่หนึ่งมาซื้อ คนที่สองที่สามก็ตามมา จนทำให้ร้านของหูจินหลินขายดีมาก เวลาผ่านไปไม่นานทุกอย่างก็หมดเกลี้ยง
“วันนี้ขายดีเหมือนกันนะคะพี่” เสี่ยวม่านยิ้มอย่างยินดีเมื่อเห็นว่าวันนี้ขายของหมดเกลี้ยง
“ดีแล้วล่ะ หวังว่าพรุ่งนี้พวกเราจะขายดีอย่างนี้อีก” หญิงสาวยินดีเหมือนกันที่วันนี้ขายของหมด
“ต้องขายดีอยู่แล้ว พวกเธอทำอร่อย ฉันได้ยินลูกค้าพูดกัน อีกทั้งซาลาเปากับเกี๊ยวยังลูกใหญ่ ขายไม่ได้น่ะสิแปลก” ป้าจางที่ขายอาหารเช้าใกล้กันพูดด้วยรอยยิ้ม ตอนที่หลานสาวไปซื้อมากิน สองคนยังแถมมาให้ตั้งหลายลูก ทำให้เธอและสามีได้กินไปด้วย
“ขอบคุณค่ะป้า อย่างไรพวกเรากลับก่อนนะคะ พอดีว่ายังมีงานที่ต้องทำ” หูจินหลินยิ้มรับ ก่อนจะขอตัวเพราะตั้งใจจะกลับไปทำซาลาเปาและเกี๊ยวไว้ หากเสร็จเร็วจะได้ไปขายของที่ตลาดมืด ซึ่งเสี่ยวม่านเข้าใจดี จึงได้รีบเข็ญรถออกมา
ในขณะที่กำลังกลับเข้าบ้านนั้น เสี่ยวม่านก็พูดขึ้นมาว่า “พี่จินหลิน พี่จะลองไปตลาดมืดก่อนไหม แล้วค่อยกลับมาทำซาลาเปากับเกี๊ยว”
เมื่อวานเธอได้ไปที่ตลาดมืดตอนกลางคืนแต่ตอนกลางวันยังไม่รู้ว่าลูกค้าจะมีมากน้อยสักแค่ไหน เลยอยากจะลองไปเหมือนกัน
“ฉันคิดว่าเราไปตลาดมืดกันก่อนดีกว่า ส่วนซาลาเปากับเกี๊ยวค่อยกลับมาทำก็ได้ เราสองคนจะได้รู้อย่างไรว่าในตลาดมืดมีอะไรน่าสนใจบ้างช่วงกลางวัน” หูจินหลิน อยากรู้เหมือนกันว่าที่ตลาดมืดมีอะไรบ้าง เธอจะได้เอาสินค้ามาขายได้ถูก แล้วจะได้รู้ความต้องการของตลาดด้วย
เพราะตกลงกันได้แล้วทั้งสองคนก็ช่วยกันรีบเข็นรถกลับบ้าน เมื่อมาถึงบ้านแล้วก็รีบคว้าจักรยานและปั่นไปที่ตลาดมืดทันที
เมื่อมาถึงทั้งสองคนยังคงต้องบอกรหัสผ่านเหมือนเดิม แต่พอเข้ามาด้านในแล้ว ร้านค้ากับมีมากกว่าช่วงเย็น พวกที่ตั้งแผงลอยก็เยอะ ชาวบ้านที่เอาของฝากมาขายก็มากเหมือนกัน แม้จะมีตลาดนัดทั่วไปแต่ตลาดมืดก็ยังคงเป็นที่ต้องการของใครหลายคน
“รางวัลดูจะคึกคักกว่าตอนเย็นนะเสี่ยวม่าน” หูจินหลินรู้สึกตื่นตากับภาพที่เห็น เพราะในตลาดมืดเวลานี้ไม่ต่างกับตลาดทั่วไปเลย อีกทั้งของที่เอามาขายนั้น อย่างมากกว่าตลาดข้างนอกเสียอีก
“ใช่แล้วล่ะพี่จินหลิน ดูท่าแล้วเจ้าของตลาดนี้ต้องมีอิทธิพลมากแน่นอน ที่ดูร้านค้าแต่ละร้านสิ เหมือนจะทำถาวรเลยนะเนี่ย”
เสี่ยวม่านรู้สึกเห็นด้วย ในใจก็คิดว่าใครกันนะที่เป็นเจ้าของตลาดมืดแห่งนี้ เพราะการที่แต่ละร้านเปิดถาวร นั่นหมายความว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง เสี่ยวม่านเลยคิดว่าเจ้าของตลาดนี้ต้องมีอิทธิพลมาก จนเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่กล้ามาแตะต้อง
พอได้ยินเสี่ยวม่านพูดแบบนั้น หญิงสาวก็คิดตาม แล้วรู้สึกว่าพวกมีอิทธิพลที่ใช้เส้นสายไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็ย่อมมีเหมือนกัน
“นั่นสิ แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าเราสองคนไม่ควรที่จะมาพูดถึงเจ้าของตลาดเวลานี้” หูจินหลินพูดพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะกวาดสายตาหาลูกค้า เผื่อว่าวันนี้จะหาเงินได้มากกว่าเดิม
ทว่าสายตาเจอกับชายชราคนหนึ่ง ที่ดูท่าทางจะไม่ดีสักเท่าไร จึงได้รีบเดินเข้ามาหาและประคองไว้
“คุณตาเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ตาไม่เป็นอะไรหรอกแม่หนู แค่หน้ามืดไปสักหน่อยเท่านั้นเอง” ชายชรารีบโบกมือและพูดขึ้นมา
“แต่ฉันเห็นท่าทางของคุณตาไม่ค่อยดีเลยนะคะ ไปหาที่นั่งสักหน่อยไหม เผื่ออาการหน้ามืดจะดีขึ้น” หูจินหลินเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่ายไม่ค่อยดีสักเท่าไร จึงคะยั่นคะยอให้ไปนั่งพักเสียก่อน
“ขอบใจมากนะ” เพราะเห็นท่าทางหวังดีของอีกฝ่าย เขาเลยไม่อยากที่จะปฏิเสธ จึงปล่อยให้หญิงสาวทั้งสองคนประคองไปหาที่นั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่
เมื่อมาถึง หูจินหลินจึงพูดกับเสี่ยวม่านว่า “เสี่ยวม่าน คอยดูคุณตาตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะไปหาซื้ออะไรมาสักหน่อย คุณตาจะได้อาการดีขึ้น”
เสี่ยวม่านได้ยินอย่างนั้นก็เข้าใจทันที จึงรีบพยักหน้ารับ แล้วพูดตอบกลับว่า “ได้ค่ะพี่ เดี๋ยวฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณตาตรงนี้เอง”
“แม่หนูไม่ต้องไปหรอก ฉันไม่อยากรบกวนน่ะ แค่นี้ก็ดีขึ้นแล้ว…” ชายชรากำลังจะพูดต่อ ก็ถูกหูจินหลินห้ามไว้เสียก่อน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณตา อาการของคนตายนั้นคล้ายคนเป็นลมแดด เดี๋ยวฉันจะไปหาน้ำหวานมาให้ก่อน รอตรงนี้สักครู่นะคะ”
หญิงสาวไม่รอช้า เธอรีบเดินออกมาจากตรงนั้น แล้วหาที่ลับตาคน เพื่อที่จะพาตัวเองเข้าไปในมิติ แล้วรีบชงน้ำหวานออกมา
ไม่นานหูจินหลินก็กลับมาที่เดิม พร้อมกับส่งแก้วเก็บความเย็นที่ด้านในมีน้ำหวานให้กับชายชราที่เธอได้ช่วยไว้
“คุณตาลองดื่มน้ำหวานนี้ก่อนนะคะ อาการจะได้ดีขึ้น วันนี้ก็เอาไว้ดมตอนหน้ามืดวิงเวียน”
นอกจากน้ำหวานแล้วเธอยังเอายาดมออกมาให้ เพราะคิดว่าชายชราคนนี้จะต้องใช้
“ขอบใจมากนะ ว่าแต่พวกเธอสองคนมาทำไมที่นี่กันเหรอ ไม่รู้หรือไงว่าตลาดมืดมันเป็นสถานที่ที่อันตราย ดูแล้วทั้งสองคนอายุยังไม่มากเลย”
พอได้ดื่มน้ำหวานก็รู้สึกดีขึ้น แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทั้งสองคนนี้เข้ามาในตลาดมืดทำไมเลยได้เอ่ยเตือนออกมา
“เราสองคนก็เหมือนพ่อค้าแม่ค้าทั่วไปนั่นแหละค่ะ วันนี้ตั้งใจว่าจะมาหาลูกค้าสักหน่อย แต่ก็มาเจอคุณตาเสียก่อน แล้วคุณตามาที่นี่ทำไมเหรอคะ”
พอเห็นว่าชายชราคนนี้ไม่มีพิษมีภัย หูจินหลินจึงบอกว่าตนเองมาทำไมที่นี่
“ฉันก็มาหาสินค้าเหมือนกันนั่นแหละ แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ฉันต้องการคงจะไม่มีที่นี่ ว่าแต่เธอทั้งสองคนขายอะไรกันล่ะ ฉันจะได้อุดหนุนเป็นการตอบแทน”
ชายคนนี้ยิ้มอย่างเอ็นดูพอเจอคำถามของทั้งสองคน
หูจินหลินตอนนี้ตาเป็นประกายพอได้ยินว่าคุณตาท่านนี้มาหาสินค้าประเภทอะไร ก่อนจะถามออกมาอย่างดีใจ และคิดว่าวันนี้น่าจะได้เงินกลับบ้านเหมือนเดิม
“คุณตาพอจะบอกได้ไหมคะว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการนั้นคืออะไร”
“ที่ฉันต้องการตอนนี้เลยก็คือวิทยุ ทีวี แล้วก็เครื่องซักผ้า ที่ถามนี่พอจะหาให้ฉันได้ไหม ฉันลืมแนะนำตัวเอง เรียกฉันว่าเผิงซูเถอะ”
พอเห็นท่าทางกระตือรือร้นของหญิงสาว เขาก็รีบบอกถึงสิ่งที่ต้องการออกมา
“คุณตารอที่นี่สักครู่ได้ไหมคะ ฉันไม่แน่ใจว่าสินค้าที่คุณตาต้องการจะหาได้ครบตามจำนวนหรือเปล่า เสี่ยวม่านมากับฉันใหม่ได้ไหม เราลองไปคุยกับคนผู้นั้นดู”
หูจินหลินส่งสายตาให้กับเสี่ยวม่าน เพื่อที่จะไปคุยกันในเรื่องนี้ เพราะถ้าคุณตาคนนี้ต้องการในปริมาณที่มาก เธอจะมีปัญหาในการขนส่งทันที
