นางร้ายตัวประกอบคนนี้ไม่ขอมีชีวิตแบบเดิม

79.0K · จบแล้ว
Deeda K.
34
บท
3.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

แนะนำเรื่อง หูจินหลิน ลูกสาวจากตระกูลหูโกรธแค้นครอบครัวที่ให้เธอแต่งงานกับชายแก่คราวพ่อ จนทำให้ตัดสินใจหลบหนีออกมาพร้อมกับเงินก้อนโต แต่ไม่คิดว่าเส้นทางที่วาดไว้จะสะดุด เพราะถูกโจรปล้น จนทำให้เธอหมดลมหายใจ น้ำค้าง นักเขียนสาว ทะลุติเข้ามาอยู่ในร่างนี้มึนงง เมื่อรับรู้เรื่องราวทั้งหมด จึงรู้ว่านี่เป็นเพียงนิยายเรื่องหนึ่งเท่านั้น แถมรู้อีกว่านิยายเรื่องนี้จบแล้ว แล้วเธอจะทำอย่างไร เมื่อเนื้อหาในนิยายมาถึงบทสิ้นสุด อย่างนี้คงต้องเลือกทางเดินเป้นของตัวเอง ถ้าจะให้กลับไปแต่งงานกับคนแก่คราวพ่อแล้วยังวิตถารแบบนั้นคงไม่ไหว หญิงสาวจะเลือกเดินเส้นทางไหน ติดตามในนิยายเรื่องนี้เลยค่ะ

นิยายจีนโบราณข้ามมิติเศรษฐีคนธรรมดายุค80พึ่งพาตัวเอง

บทที่ 1 ตัดสินใจหนีออกจากบ้าน

บทที่ 1 ตัดสินใจหนีออกจากบ้าน

หูจินหลิน ลูกสาวของตระกูลหู เป็นเพียงนางร้ายตัวประกอบของนิยายเรื่องหนึ่งท่านั้น จากชีวิตที่เคยสุขสบายแต่แล้ววันหนึ่งครอบครัวเกิดล้มละลาย มีหนี้สินท่วมตัว อีกทั้งพี่ชายเพียงคนเดียวยังติดคุก เมื่อหาทางออกไม่ได้

สุดท้ายแล้วพ่อละแม่ตัดสินใจขายเธอให้กับคนมีอิทธิพลทางภาคเหนือ แต่ชายคนนั้นอายุคราวพ่อ อีกทั้งยังวิตถารเรื่องบนเตียง

ข่าวที่หูจินหลินได้รับมาทำให้เธอตัดสินใจหนีออกจากบ้าน โดยให้สาวใช้คนสนิทเอากระเป๋าเสื้อผ้าออกไปให้ก่อน ส่วนของมีค่าเธอจะแอบเอาออกไปเอง

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ค่ำคืนหนึ่งก่อนวันแต่งงานไม่กี่วัน หญิงสาวตัดสินใจหนีออกจากบ้านพร้อมกับเงินสินสอดที่ฝ่ายเจ้าบ่าวเพิ่งเอามา แล้วพ่อกับแม่ยังไม่ทันเอาไปใช้หนี้

“เสี่ยวม่าน เรียบร้อยหรือยัง” หูจินหลินเรียกสาวใช้เสียงเบาเพราะกลัวว่าจะมีคนได้ยิน

“กระเป๋าเสื้อผ้าของคุณหนูและของฉัน เอาไปฝากกับร้านค้าที่สถานีรถไฟแล้วค่ะ แล้วของคุณหนูเตรียมพร้อมหรือยังคะ” เสี่ยวม่านหวังว่าเรื่องในคืนนี้คงจะเรียบร้อยแต่โดยดี และตั้งใจจะหนีไปพร้อมกับเจ้านายสาว อย่างน้อยเธอก็ไม่มีครอบครัวอยู่ที่นี่

“แล้วนี่เธอจะไปพร้อมฉันเลยเหรอ” หูจินหลินเห็นการแต่งตัวของสาวใช้เหมือนกับจะเดินทางไปที่ไหนสักแห่งเลยถามออกมา

“ฉันจะไปกับคุณหนูด้วยค่ะ ฉันคิดดูแล้ว หากคุณหนูไปคนเดียวคงไม่สะดวก แล้วถ้านายท่านกับคุณนายรู้ว่าคุณหนูหายไปคงต้องมาซักกับฉันแน่เลยค่ะ ฉันเลยตัดสินใจไปพร้อมกับคุณหนูดีกว่า”

“แต่ฉันไม่มีเงินจ้างเธอหรอกนะ เพราะเงินนี้เมื่อซื้อบ้านแล้ว ไม่รู้ว่าเงินที่เหลือจะพอใช้กี่เดือน แบบนี้เธอยังคิดจะไปกับฉันอีกเหรอ” หญิงสาวถามย้ำอีกครั้ง การที่มีเสี่ยวม่านไปด้วยย่อมดีกว่าเดินทางคนเดียวแน่นอน

“ไม่เป็นไรค่ะคุณหนู ฉันไม่มีปัญหาเรื่องนี้ ขอแค่มีที่พัก มีข้าวกินก็พอแล้ว ฉันเองก็พอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง ไปตายกับดาบหน้าเถอะค่ะคุณหนู”

เสี่ยวม่านยืนยันหนักแน่น เธอไม่สนใจว่าไปแล้วจะเป็นอย่างไร ไปแล้วคุณหนูจะให้เงินเดือนหรือเปล่า ขอแค่ได้ตามเจ้านายสาวคนนี้ไปด้วยก็พอ

“เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้นเราไปตายเอาดาบหน้าด้วยกัน” หูจินหลินยิ้มให้สาวใช้อย่างยินดี

จากนั้นทั้งสองแอบย่อมออกจากบ้านพร้อมเงินสินสอดจำนวนไม่น้อย หูจินหลินตั้งใจว่าเช้านี้จะแวะเอาเงินเข้าธนาคารก่อนแล้วค่อยเดินทาง หรือไม่ก็ค่อยแวะเมืองถัดไปเพื่อฝากเงิน จะได้ไม่มีใครตามเธอได้

พอถึงเช้าวันต่อมา หูจินหลินก็จัดการฝากเงินเข้าธนาคารเกือบทั้งหมด และเหลือไว้ที่ตัวไม่กี่ร้อยหยวน ก่อนจะซื้อตั๋วรถไฟลงไปทางใต้เพื่อหาที่อยู่ใหม่ หากไม่มีอะไรเธอก็อยากลงหลักปักฐานที่นั่น

และกว่าตระกูลหูจะรู้ว่าเงินหายไปพร้อมกับหูจินหลินก็เข้าสู่ช่วงบ่ายของวันแล้ว ทำให้สองสามีภรรยาล้มทั้งยืน แต่ไม่ได้ห่วงลูกสาวแต่เสียดายเงินทั้งหมดที่เสียไป

หลายวันต่อมา...

หูจินหลินมาถึงเมืองเฉิงอี้ หญิงสาวจึงตัดสินใจซื้อบ้านหลังเล็ก แต่มีพื้นที่พอสมควร เนื่องจากเสี่ยวในตั้งใจว่ากว่าจะหางานทำใหม่ได้ น่าจะปลูกผักขายก่อน อย่างน้อยก็เอามาทำอาหารกินได้

บ้านหลังนี้มีสามห้องนอน หนึ่งห้องรับแขก และหนึ่งห้องน้ำ โดยมีครัวอยู่ด้านหลัง

หลังจากซื้อบ้านเรียบร้อยแล้ว ทางสำนักงานก็จะทำเรื่องย้ายทะเบียนบ้านให้ และต่อให้หญิงสาวจะใช้แซ่หูเหมือนเดิม แต่ก็ยากที่จะตามหา เพราะเมืองนี้คนใช้แซ่หูมีหลายแห่งเลยล่ะ

“ในที่สุดก็ซื้อบ้านได้แล้ว เงินก็ยังเหลือ เธอคิดว่าเราจะทำอะไรกันดีล่ะเสี่ยวม่าน” หญิงสาวถามสาวใช้คนสนิทที่เปรียบเสมือนญาติเพียงหนึ่งเดียว

“คุณหนูอยากจะทำงานหรือว่าอยากจะทำการค้าละคะ” เสี่ยวม่านไม่เข้าใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เจ้านายสาวสมองกลับหรืออย่างไร ถึงอยากจะหาอะไรทำ

“เธอไม่ต้องมองฉันอย่างนั้น หากฉันต้องการเอาชีวิตรอด ฉันต้องหางานทำและอยู่ให้ได้ ตอนนี้ฉันไม่ใช่คุณหนูจากตระกูลหูอีกแล้ว ฉันเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาที่พลัดถิ่นมาเท่านั้น หากฉันยังเย่อหยิ่งเหมือนเดิมคงจะอดตาย”

หูจินหลินคิดแบบนี้ตั้งแต่ตอนเดินทางมาแล้ว เธอพยายามสลัดคราบแบบเดิมทิ้งไป

“ก่อนอื่น เราสองคนต้องไปหาซื้อเสื้อผ้าแบบสาวชาวบ้านธรรมดามาใส่ ว่าแต่เธอมีชุดให้ฉันยืมสักหน่อยไหม ฉันมีแต่ชุดแบบเดิม ๆ ของสาวชนชั้นสูง”

หญิงสาวคิดว่าหากจะอยู่โดยไม่หวาดระแวงว่าจะถูกตามล่า เธอจะต้องปรับปลี่ยนทุกอย่าง เพื่อให้เป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น

“ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน ว่าแต่คุณหนูหิวหรือยัง”

“เรื่องนี้เหมือนกัน ต่อไปอย่าเรียกฉันว่าคุณหนู แต่เรียกฉันว่าพี่จินหลิน เข้าใจไหม ถ้าไม่อยากให้คนสงสัยเธอต้องเรียกฉันแบบนั้น แล้วถ้าเกิดใครถามก็บอกเราเป็นญาติกัน” หากเสี่ยวม่านยังคงเรียกเธอว่าคุณหนูมันคงดูไม่ดีสักเท่าไร

เสี่ยวม่านได้ฟังและคิดตาม ก่อนจะพยักหน้าให้อย่างเข้าใจ แล้วตอบกลับอย่างจริงจัง

“ได้คะพี่จินหลิน”

จากนั้นทั้งสองจึงออกจากบ้าน ก่อนไปก็ล็อกประตูอย่างแน่นหนา แล้วเดินมุ่งหน้าไปยังถนนแหล่งการค้าของที่นี่

“ไม่คิดว่าเมืองนี้จะมีคนพลุกพล่านขนาดนี้นะ”

หญิงสาวมองสองข้างทางที่มีของขาย ซึ่งไม่ต่างจากเมืองใหญ่เลย ดูจะมีมากกว่าเสียด้วย นี่สินะที่เขาบอกว่าเมืองทางใต้การค้าเจริญรุ่งเรือง แล้วดีที่เมืองนี้ตระกูลหูไม่เคยมาทำการค้า เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะซวยมีใครหาเจอเข้าสักวัน

“ที่นี่เป็นแหล่งการค้าแห่งใหญ่ ผู้คนและพ่อค้าแม่ค้าจึงมาอยู่ที่นี่กันมากค่ะ นั่นไงคะร้านขายเสื้อผ้า พี่จินหลินลองเข้าไปดูสักหน่อยไหม” เสี่ยวม่านได้หาข้อมูลของเมืองนี้มาก่อนแล้ว เลยสามารถตอบเจ้านายได้

“อย่างนั้นเราลองไปดูเถอะ เสร็จแล้วค่อยหาร้านอาหารกินกัน กลับไปคงจะเหนื่อยพอดี แต่ก็แวะดูที่นอนและของตกแต่งบ้านสักหน่อย เราสองคนไม่มีของพวกนี้ติดตัวมาเลย รวมถึงเครื่องครัวต่าง ๆ ด้วย” หูจินหลินบอกถึงเรื่องที่จะต้องทำต่อจากซื้อเสื้อผ้า

และเมื่อเข้ามาในร้าน ก็ได้เลือกไปหลายชุดรวมถึงซื้อให้เสี่ยวม่านด้วย ถามว่าหมดเงินเยอะไหม ก็พอสมควร

จากนั้นก็ไปหาอะไรกินให้อิ่มท้อง เมื่ออิ่มแล้วก็เดินหาซื้อของที่ต้องการเข้าบ้าน โดยการจ้างรถรับจ้างเอาของไปส่ง เพราะหญิงสาวสองคนถือไปเองไม่ไหว