บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ฉันคือหูจินลิน

บทที่ 3 ฉันคือหูจินลิน

ร่างที่กำลังนอนหลับ กลับฝันถึงเรื่องราวบางอย่าง ก่อนจะสะดุ้งตื่นอย่างตกใจ

“พี่จินหลิน พี่ฟื้นแล้ว” เสี่ยวม่านร้องเรียกอย่างดีใจเมื่อเห็นว่าหูจินหลินฟื้นแล้ว

“ใครคือ หูจินหลิน” หญิงสาวส่งเสียงออกมาอย่างงุนงง และไม่เข้าใจว่าใครกันคือหูจินหลิน

“พี่จินหลิน พี่เป็นอะไรคะ อย่าทำให้ฉันตกใจสิ หรือว่าสมองพี่ได้รับการกระทบกระเทือน”

พอเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงมองตนเองด้วยสายตาว่างเปล่า ก็ตกใจจนสติใกล้จะแตกแล้ว

แต่แล้วจู่ ๆ ร่างที่นอนบนเตียงเกิดปวดหัวกะทันหัน ก่อนจะมีภาพเรื่องราวต่าง ๆ ฉายชัดเข้ามา ทำให้รู้ว่านี่คือร่างของหญิงสาวที่ว่าชื่อ หูจินหลิน นางร้ายตัวประกอบในนิยายเรื่องหนึ่ง แต่เหมือนว่าเรื่องนี้จะจบแล้ว และนางร้ายคนนี้ก็เลือกที่จะทิ้งทุกอย่างแล้วหอบเงินสินสอดมาเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่

‘เธอช่างน่าสงสารเสียจริง หูจินหลิน’

ที่บอกว่าน่าสงสารก็เพราะร่างนี้ต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วเริ่มต้นใหม่ พอตั้งใจจะทำการค้ากับสาวใช้ กลับต้องมาตายเพราะตกใจจนหัวใจหยุดเต้น เลยทำให้ น้ำค้าง นักเขียนนิยายต้องเข้ามาอยู่ในร่างนี้แทน และถ้าจำไม่ผิด นิยายเรื่องนี้เพื่อนของเธอได้เขียนไว้ แต่แล้วทำไมจากความทรงจำเนื้อเรื่องถึงไม่เหมือนเดิมละ

พระเอกของเรื่องนี้ความจริงแล้ว ต้องเป็นหูจิ้นเฟิง พี่ชายของร่างนี้ แต่กลายเป็นว่าเขาต้องติดคุก แล้วนางเอกอย่างฟ่าวลี่เซียน ไปครองรักกับตัวร้ายของเรื่อง

‘ทำไมเนื้อเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบถึงไม่เหมือนกับที่ยัยวรรณเขียนล่ะ หรือว่ามีใครบางคนเข้ามาเปลี่ยนเนื้อเรื่อง’

นี่คือความคิดของน้ำค้าง ไม่ใช่ว่าไม่เคยอ่านเรื่องนี้ แต่เพราะอ่านมาแล้วเลยรู้ว่าเรื่องราวจากความทรงจำจากร่างนี้มันไม่เหมือนเดิม

แต่ไม่ว่าอย่างไร นิยายเรื่องนี้ก็จบลงแล้ว!!

‘ฉันคือหูจินหลินเหรอเนี่ย แต่ก็ช่างเถอะ ในเมื่อเรื่องจบแล้ว ต่อจากนี้ฉันขอเขียนยทเองก็แล้วกัน’

หญิงสาวได้แต่คิดในใจ ก่อนจะมองร่างของเสี่ยวม่านด้วยรอยยิ้ม ‘อย่างน้อยเธอก็มีคนเคียงข้างยามลำบาก’

“ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว เมื่อครู่นี้แค่สับสนเท่านั้น” หูจินหลินหันมายิ้มกับเสี่ยวม่านเพื่อให้อีกฝ่ายเบาใจลง

“พี่จินหลินไม่เป็นอะไรแน่นะคะ” เสี่ยวม่านยังคงไม่วางใจ เพราะสายตาก่อนหน้านี้ที่มองเธอ เหมือนคนไม่รู้จักกัน!

“ไม่เป็นอะไรแล้ว เธอละเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า” เธอยืนยันหนักแน่นพร้อมกับถามอย่างห่วงใย

“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ พวกเราโชคดีที่เจอนายท่านคนหนึ่งช่วยไว้ แต่ฉันยังไม่ได้ขอบคุณเขาก็หายไปแล้ว แต่พยาบาลแจ้งว่าเขาจ่ายเงินให้หมดแล้ว พี่จินหลินสามารถนอนพักที่โรงพยาบาลได้เลย”

เสี่ยวม่านหนักใจไม่น้อยเพราะรู้ดีว่าการที่อีกฝ่ายทำแบบนี้แล้วหายไป มันเหมือนการสร้างหนี้บุญคุณให้เธอและเจ้านายยังไงไม่รู้ แต่จะไปตอบแทนที่ไหนเธอก็ไม่สามารถตอบได้

พอได้ยินเสี่ยวม่านพูดอย่างนั้น หูจินหลินพยายามทบทวนความทรงจำ แต่กลับจำคนที่ช่วยเหลือไม่ได้ว่าเป็นใคร

“ช่างเถอะ วันหนึ่งหากพบเขา เราค่อยคืนเงิน แต่ตอนนี้เธอช่วยบอกพยาบาลได้ไหมว่าฉันต้องการกลับบ้าน ร่างกายไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”

หญิงสาวรู้ดีว่าร่างกายไม่ได้เป็นอะไร หากต้องนอนโรงพยาบาลก็เสียเวลาทำมาหากิน ในเมื่อเสี่ยวม่านบอกว่าหน้าปากซอยยังไม่มีใครขายซาลาเปา หากช้ากว่านี้แล้วมีคนอื่นมาขายเธอและเสี่ยวม่านต้องหางานใหม่อีก

“แน่ใจนะคะว่าไม่เป็นอะไรแล้ว” เสี่ยวม่านถามย้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ

“แน่ใจสิ เธอไปบอกพยาบาลเถอะ หากเรามัวชักช้า หน้าปากซอยที่เธอต้องการจะขายซาลาเปา คนอื่นอาจจะมาขายตัดหน้าแล้วก็ได้”

หูจินหลินหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด เพราะไม่อย่างนั้นแล้วเสี่ยวม่านคงไม่ฟังแล้วบังคับให้เธอนอนที่โรงพยาบาลต่อแน่

“ตกลงค่ะ” เมื่อเห็นความเด็ดเดี่ยวของหูจินหลิน เสี่ยวม่านจงตกลงที่จะไปบอกพยาบาลเพื่อขอกลับบ้านให้

พอเสี่ยวม่านไปแล้ว หญิงสาวจึงนั่งทบทวนเรื่องราว ทั้งหมดอีกครั้ง แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้เธอคงต้องเดินเรื่องเองในร่างของหูจินหลิน

‘หากฉันมีมิติเหมือนนางเอกนิยายเรื่องอื่น ๆ ก็คงจะดีไม่น้อยเลยล่ะ’

ขณะที่กำลังพูด สายตาก็ฌสะดุดเข้ากับกำไลหยกที่แขน เธอจำได้ว่าตอนฟื้นขึ้นมาไม่เห็นเจ้าสิ่งนี้มาก่อน

“กำไลหยกนี้มาจากไหนกัน ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่เป็นล่ะ” เธอพูดออกมาอย่างแปลกใจ ก่อนจะนึกบางอย่างได้

“หรือว่านี่คือทางเข้ามิติเหมือนนิยาย”

หากมีใครเห็นหรือได้ยินว่าเธอพูดอะไรคนเดียว ก็คงคิดว่าบ้าแน่นอน

ไม่รอช้า หูจินหลินจึงลองลูบไปที่กำไลสามครั้งแล้วนึกถึงมิติ ปรากฏว่าเธอเข้ามาได้จริง ๆ ซึ่งในนี้มีบ้านหลังหนึ่ง พร้อมกับห้างสรรพสินค้าที่มีทุกอย่างไม่ต่างจากห้างในยุคของเธอเลย

“มีแบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวอดตายแล้ว” หญิงสาวพูดอย่างดีใจ

ก่อนจะเดินสำรวจในมิติอีกสักพัก และคิดว่าเรื่องนี้ควรจะบอกเสี่ยวม่านดีไหม แต่เพราะเธอมีเพียงเสี่ยวม่านเท่านั้น หากไม่บอก แล้วการที่เอาของออกมาใช้หรือว่าเอาออกมาทำการค้ามันจะยุ่งยากเอาน่ะสิ เพราะทั้งสองอยู่ด้วยกัน

หลังจากที่คิดและทบทวนทุกอย่างแล้ว ก็ออกมาจากมิติ ไม่นานเสี่ยวม่านหลับเข้ามาในห้องพอดี โดยมีพยาบาลตามเข้ามาเพื่อถอดสายน้ำเกลือให้

“กลับบ้านได้เลยค่ะ แต่แน่ใจแล้วนะคะว่าจะไม่นอนพักสักหน่อย” พยาบาลสาวถามย้ำอีกครั้ง เธอได้รับคำสั่งมาว่าให้ดูแลหญิงสาวคนนี้เป็นอย่างดี

“ขอบคุณมากค่ะ อย่างไรฝากขอบคุณชายที่ช่วยฉันไว้ด้วยนะคะ” หญิงสาวฝากขอบคุณไปถึงคนที่ช่วยชีวิตไว้ด้วย

เมื่อจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเป็นชุดของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ก็ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วมุ่งหน้ากลับบ้านทันที

ส่วนทางด้านตระกูลหูตอนนี้เป็นบุคคลล้มละลายเรียบร้อยแล้ว แถมยังโดนนายท่านคนนั้นตามทวงเงินเพราะเจ้าสาวหนีไป แต่เพราะฟ่านลี่เซียนใช้เส้นสายของสามีช่วย เลยทำให้ไม่มีใครรู้ว่าหูจินหลินนั้นไปที่ไหน

ส่วนคฤหาสน์ก็ถูกยึดเพราะไม่สามารถใช้หนี้ได้ ตอนนี้ตระกูลหูเหลือเพียงร้านค้าร้านเดียวที่พอจะให้ประทังชีวิต

“ฉันไม่คิดมาก่อนว่าจินหลินจะกล้าทิ้งเราสองคนอย่างนี้” เฉิงเจียเหยียนไม่คิดว่าลูกสาวที่เธอคอยประคบประหงมและคอยตามใจจะกล้าทำเรื่องนี้

“เธออย่าพูดถึงนังลูกชั่วนี้อีกเลย ถ้าไม่ใช่เพราะมัน เราสองคนจะตกอยู่ในสภาพนี้หรือเปล่าละ”

หูเหว่ยจงพูดอย่างไม่พอใจและแค้นเคืองที่ลูกสาวหอบเงินหนีไป จนทำให้เขาต้องอับอายขนาดนี้ คฤหาสน์ก็โดนยึด ร้านค้าที่มีมากมายก็ไม่เหลือ แล้วยังต้องมานั่งขายของเองแบบนี้ แล้วร้านนี้ก็เล็กนิดเดียว กว่าจะกลับเข้าสังคมได้เขาคงตายพอดี

เฉิงเจียเหยียนพอฟังสามีพูด เธอก็เจ็บแค้นลูกสาวขึ้นมาอีกครั้ง หากไม่ใช่เพราะหูจินหลินหอบเงินหนีไป อย่างน้อยหล่อนและสามียังพอลืมตาอ้าปากได้อีกสักระยะ

สองสามีภรรยาเจ็บแค้นหูจินหลินที่เป็นลูกสาว แต่ลืมไปว่าการที่เธอทำแบบนั้นเพราะพวกเขาทั้งสองคน!!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel