บทที่ 5
เมื่อคืนฉันฝันร้าย!
ฉันฝันว่าตัวเองกำลังจะสารภาพรักกับเจ้าชาย แต่แล้วก็มีปีศาจหน้าตาน่าเกลียดมาขัดขวางการสารภาพรักของฉัน หนำซ้ำมันยังจับฉันได้จองจำที่ภูเขาหิมะอีกต่างหาก นี่ต้องยกความดีความชอบให้นาฬิกาเรือนหรูราคาแพงที่ฉันซื้อมาจากปารีสเมื่อฤดูร้อนปีก่อนที่ส่งเสียงดังขึ้น ไม่งั้นล่ะก็...ฉันคงต้องเข้าพิธีแต่งงานกับไอ้ปีศาจร้ายนั่นแหงๆ
แต่แล้วฉันก็ค้นพบว่าเรื่องในความฝันกำลังจะเป็นจริงในอีกไม่ช้านี้เมื่อจู่ๆ ก็มีรถจากัวน์สีดำสนิทของใครบางคนมา จอดขวางประตูคฤหาสน์หลังงามของฉันเอาไว้ในเช้าวันใหม่ที่สดใส
“อะ..เอ่อคือเอารถออกไม่ได้ครับคุณหนู” ลุงแช่มคนขับรถประจำตระกูลที่อยู่มาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ทวดของฉันพูดขึ้นก่อนจะส่งยิ้มแหยๆ มาให้ เพราะคุณพ่อกับคุณแม่มีธุรกิจค้าเพรชทั่วโลกท่านเลยไม่ค่อยอยู่บ้านให้ฉัน ลูกสาวเพียงคนเดียวได้เห็นหน้าเท่าไหร่นัก เลยไม่แปลกอะไรที่เวลาอยู่บ้านฉันจะมีนิสัยเอาแต่ใจมากกว่าที่อื่นๆ
“คิดว่าฉันมองไม่เห็นรึไง เปิดประตูสิ!”
“คะ..ครับๆ” ลุงแช่มขานรับอย่างว่าง่ายก่อนจะรีบลงจากที่นั่งคนขัยมาเปิดประตูรถให้ฉันอย่างว่องไว
ใครกันช่างไร้มารยาท กล้าดียังไงมาจอดรถขวางหน้าบ้านคนอื่นแบบนี้ ฉันสบถด่าในใจก่อนจะเร่งฝีเท้าไปที่ประตูรั้วเหล็กสีทองในทันที แต่ยังเดินไปไม่ถึงไหนกระจกรถคันหรูก็ถูกลดลงทำให้ฉันสามารถมองเห็นใบหน้าของได้ปีศาจร้ายในความฝันอย่างชัดเจนเต็มสองตา
“นาย!!”
“ขึ้นรถสิ”
“ว่าไงนะ! นี่นายมาทำอะไรที่นี่รู้จักบ้านของฉันได้ยังไง”ฉันเอ่ยถามเสียงเย็น แต่สิ่งที่ตอบกลับมาคือการกระทำที่ไร้มารยาท
เจ้าบ้าซานต้า!
หมอนั่นหยิบเอาจดหมายรักของฉันขึ้นมาพัดไปมาอย่างใจเย็นราวกับว่ามันคือเศษกระดาษแค่แผ่นนึงก็ไม่ปาน แต่สำหรับฉันมันคือสมบัติล้ำค่า ที่มีค่ามากมายมหาศาลเชียวนะย่ะเจ้าบ้า!
“นายต้องการอะไรจากฉันอีก!”
“ขึ้นรถ เราจะไปโรงเรียนพร้อมกัน และอย่าให้ต้องพูดซ้ำฉันไม่ชอบพูดอะไรหลายๆ ครั้ง” ฉันเชิดหน้าขึ้นฟ้าอย่างเหลืออดก่อนจะเดินกลับไปที่รถลีมูซีนของตัวเองอีกครั้งและหยิบกระเป๋านักเรียนออกมา
“แล้วตอนเย็นนี้จะให้ลุงไปรับไหมครับคุณหนู”
“ไปสิ! ถ้าลุงไม่ไปรับแล้วจะให้ฉันใช้ประตูไปไหนก็ได้ของโดเรมอนกลับบ้านรึไง!!”ฉันยังไม่วายหันไปปล่อยระเบิดลูกใหญ่ใส่ลุงแช่มก่อนจะเดินออกจากคฤหาสน์ไปที่รถจากัวน์ของซานต้าอย่างจำใจ
ปัง!
“ได้จดหมายคืนเมื่อไหร่...นายเจอดีแน่ๆ”
“ช่างเป็นคำขู่ที่น่ากลัวจริงๆ” หมอนั่นหัวเราะชอบใจก่อนจะออกรถไปเบื้องหน้าด้วยความเร็วสูงจนฉันต้องรีบคว้าเอาเข็มขัดนิรภัยมาคาดอย่างรวดเร็วเพราะความกลัวตาย ถ้าจะรีบไปตายก็ไปคนเดียวสิเจ้าบ้า มาลากฉันไปด้วยทำไมเล่า!
เมื่อคืนหลังจากลากฉันออกมาจากที่บ้านนั้นได้เขาก็ทิ้งฉันเอาไว้หน้าบ้านให้ไอ้พวกผู้ชายขี้เมามันแทะโลมอย่างสนุกสนานส่วนตัวเขาเองก็หายหัวไปอย่างหน้าด้านๆ เป็นผู้ชายที่ใช้ไม่ได้เอาซะเลย
ไอ้พ่อคนแสนเลวววว!
หลังจากนั่งหน้ามุ้ยไม่พูดไม่จาอยู่สักพักรถของซานต้าก็ค่อยๆ เลี้ยวโฉบเข้าโรงเรียนอย่างรวดเร็ว เล่นทำเอาฝุ่นตลบตามหลังไปทั่วบริเวณ ส่งผลให้นักเรียนที่กำลังยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่ต่างกันวิ่งหนีตานกันอลม่าน
นิสัยแย่ๆ แบบนี้อะไรทำให้เขาได้รับรางวัลขวัญใจพวกชมรมหนังสือพิมพ์ก็ไม่รู้สิ ฉันเพิ่งสืบค้นประวัติคร่าวๆ แต่เล่ายาวของเขาเมื่อคืนนี้มาและต้องตกใจมากเมื่อพบว่าหมอนี่สามารถควบคุมชมรมหนังสือพิมพ์ได้ด้วยปากเปล่า
ไม่ว่าเขาจะทำอะไรเลวๆ กับใครเอาไว้โลกก็ไม่มีวันรู้งั้นสิ
ทีฉันแค่เดินสะดุดกอหญ้าล้มหน้าคะหมำก็กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งได้แล้ว โลกนี้มันช่างไม่ยุติธรรมเอาซะเลย
“ตกลงจะเรียนหนังสืออยู่ในรถนั่นรึไง ลงมาสิ!”เพราะเสียงกวนๆ ดังขึ้นทำให้ฉันเลิกพูดกับตัวเองก่อนจะไปส่งค้อนให้ซานต้าหนึ่งที
“เรื่องของฉัน!”
“เรื่องของฉันด้วย ถ้าเธอไม่ลงมาฉันจะล็อกรถได้ไง”จริงของเขาแหะ คนที่ผิดคือฉันนี่น่า เมื่อคิดได้เช่นนั้นฉันจึงค่อยๆ หันซ้ายแลขวามองดูว่าทางโล่งรึเปล่าก่อนจะค่อยๆ ก้าวขาออกจากรถอย่างรวดเร็ว
“กลัวเป็นข่าวคู่กับฉันขนาดนั้นเลยรึไง ทั้งๆ ที่ผู้หญิงทั้งโรงเรียนอยากยืนอยู่จุดที่เธอกำลังยืนจะตายชัก” หลงตัวเองเกินไปแล้วอีตาบ้าเอ้ย!
“ถ้าเลือกได้ฉันจะยอมเป็นหนึ่งในล้านที่ยืนให้ไกลจากปีศาจร้ายอย่างนาย หมดธุระแล้วใช่ไหมฉันจะได้ขึ้นเรียน!” พูดจบฉันก็หมุนตัวเตรียมจะก้าวขาจากไปเพราะเกรงว่าเกิดมีใครมาเห็นฉันอยู่กับหมอนี่อีกมีหวังชีวิตคงต้องลาขากจากคำว่า ‘สงบสุข’ แหงๆ ก็แฟนคลับของหมอนี่น่ากลัวจะตายชัก!
“เดี๋ยวก่อน!” และเพราะเสียงเรียกที่ดังตามหลังมาติดๆ ทำให้ฉันต้องรีบหันกลับไปหาซานต้าอย่างรวดเร็วเพราะความกลัว ซะเมื่อไหร่กันเล่า! พอได้ยินเสียงเรียกฉันก็รีบก้าวขาฉับๆ เดินหนีเขาอย่างว่องไวแต่ยังไปไม่ได้ถึงไหนต้นแรงก็กลับถูกกระชากเอาไว้อีกจนได้...
“คราวนี้อะไรอีก อ๊ะ!” เพราะความหงุดหงิดทำให้ฉันรีบหันกลับไปหาเขาเร็วไปหน่อยจนลืมดูไปเลยว่าหมอนั่นยืนอยู่ใกล้แค่ไหน ผลที่ได้น่ะเหรอ…จมูกของเราทั้งคู่กำลังเเนบชิดสนิทกันอยู่นี่ไงล่ะ!
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนที่เราทั้งคู่หยุดชะงักอยู่ท่านี้จนกระทั่งเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นนั่นแหละเลยทำให้สติที่สูญสลายหายไปของฉันกลับเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง
แชะๆๆๆ
เสียงที่ว่านี่มันคุ้นๆ แหะ รู้สึกว่าฉันเคยได้ยินเสียงแบบมาหลายครั้งเลยล่ะ มันคือเสียงรัวชัตเตอร์ที่ทำให้ชีวิตฉันพินาศมาครั้งแล้วครั้งเล่านั่นเอง...
“ว้าวๆๆ ภาพนี้ต้องทำให้ชมรมของผมโด่งดังไปทั่วแน่ๆ ขอบคุณนะครับรุ่นพี่” เสียงเลวๆ ของไอ้แว่นดังขึ้นก่อนมันจะชูกล้องถ่ายรูปในมือมาให้ฉันด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“กะ...แก!!”
“ว่าแต่...รุ่นพี่ซานต้าใช้เวทมนต์ของของขลังอะไรครับเนี่ยถึงได้คว้าใจองค์หญิงเมบีของพวกเราไปครอง” ฉันได้แต่ถลึงตามองบุคคลที่สามตรงหน้าด้วยความเครียดแค้น
ไอ้แว่น! หรือทุกคนรู้จักกันในนาม ‘ไอ้จอมสอดแนมประจำโรงเรียน’ ไอ้หมอนี่เป็นผู้ชายโง่ๆ ที่มีดีกรีเป็นถึงหัวหน้าชมรมหนังสือพิมพ์บัดซบนั่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลับหรือเรื่องอะไรก็ตามแต่ไอ้บ้านี่จะตามไปเสาะแสวงหาคำตอบให้ได้ก่อนจะจัดการตีพิมพ์ประจานคนๆ นั้นจนเป็นข่าวดังไปทั่ว
มีผู้คนมากมายที่ต้องย้ายออกจากโรงเรียนเพราะทนรับกับข่าวของตัวเองไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันไอ้เจ้าบ้านี่กลับโด่งดังจนได้รับการยกย่องสรรเสริญ ประสาทชะมัด!
“ไม่มีความเห็น” ซานต้าตอบกลับไปด้วยคำพูดเฉยๆ ก่อนจะเดินจากไปโดยที่ไม่ทำอะไรสักอย่าง
“นะ...นี่! ใจคอนายจะปล่อยให้บ้านี่ทำรูปของเราไปประจานให้โลกรู้รึไงห๊ะ!!”
“แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง”
“ฆ่ามัน!” ซานต้าหันมามองหน้าตาอีกครั้งด้วยสายตาที่ไม่เชื่อหูตัวเอง แน่ล่ะ ฉันเป็นคนพูดออกไปเองแท้ๆ ยังไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน
“มันจะดีเหรอครับองค์หญิง...ถ้าฆ่าผมพวกรุ่นพี่ทั้งสองก็จะต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยขึ้นมาทันที เพราะผมบอกกับทุกคนในชมรมว่าจะมาหาข่าวพวกพี่สองคนนะครับเนี่ย” เกลียดๆๆๆๆๆ ไม่มีคำไหนจะมาอธิบายความรู้สึกนี้ได้อีกแล้ว
“แกจะเอาเท่าไหร่! สำหรับไอ้รูปบ้าๆ นั่น!!”
“เงินผมไม่อยากได้หรอกครับ อันที่จริงองค์หญิงไม่ต้องกลัวตกเป็นข่าวขนาดนั้นก็ได้ เพราะว่า....”
“……”
“ข่าวของรุ่นพี่กับองค์หญิงอันที่จริง...มันระบาดไปทั่วโรงเรียนแล้วล่ะครับ หึๆๆๆ”พูดอะไรงงๆ ไอ้แว่นก็เดินจากไปโดยที่ฉันไม่สามารถทำอะไรมันได้อีกตามเคย
“ไอ้บ้านั่นมันต้องมีปัญหาเกี่ยวกับสมองแน่ๆ”ฉันบ่นพึมพำในลำคอก่อนจะเดินเชิดหน้าชนไหล่อีตาบ้าซานต้าตามหลังไอ้แว่นมาติดๆ ว่าแต่วันนี้มีใครมาแจกผ้าอนามัยฟรีรึไงเนี่ย
ทำไมผู้คนมากมายถึงได้มาสุมหัวกันอยู่ที่บอร์ดโรงเรียนเยอะแยะมากมายขนาดนี้ ตอนแรกฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่นักหรอกจนกระทั่งเริ่มมีผู้หญิงสองสามคนยืนกระซิบกระซาบพร้อมกับชี้นิ้วมาที่ฉันนั่นแหละฉันถึงได้ตงิดๆ ในใจ
หวังว่ามันคงจะไม่ใช่....
“ฮึกๆ ทำไมครับ! ทำไมเมบีถึงทำกับแจ็คแบบนี้ คนใจร้ายยยย~”เสียงที่โหยหวนของเจ้าบ้าแจ็คยิ่งทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาอีกเท่าตัว เกิดอะไรขึ้น....ฉันเผลอไปฆ่าใครตายรึไง
“ฉันทำอะไรนายห๊ะไอ้บ้า!”
“ฮึกๆ เมบีทำ...เมบีทำ แงงงง~” วันนี้เห็นทีคงจะไม่รู้เรื่องกันแน่ๆ ฉันละความสนใจจากไอ้บ้าตรงหน้าก่อนจะมุ่งหน้าเดินเข้าหาบอร์ดโรงเรียนทันที
