บทที่ 4
และทันทีที่คิริฮาระเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดๆ ชายหนุ่มก็ถึงกับเกิดอาการทรงตัวไม่อยู่มากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
อาการเเข้งขาอ่อนเล่นงานจนเกิดอาการเซเล็กน้อย สวนทางกับองคชาตที่ยังโด่ยังไม่รู้ล้ม
“ไหวไหมเรน” ก้องภพเห็นจังหวะที่คิริฮาระเซ ได้เอ่ยถามขึ้นอย่างเห็นห่วง
“ไหวครับพี่”
“หมอว่าพาคนไข้ไปนอนบนเตียงก่อนน่าจะดีกว่าค่ะ” พุดตานเอ่ยบอก เพราะเกรงว่าการยืนนานๆ จะยิ่งทำให้คนไข้ของเธอเกิดความเจ็บปวดไปมากกว่าที่เป็นอยู่
“ดีครับหมอ” คนที่เอ่ยบอกคือก้องภพ ในขณะที่ คิริฮาระได้แต่ยืนนิ่งราวกับถูกผีหลอก โดยที่ไม่ได้ ละสายตาไปจากใบหน้าของคุณหมอตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
คุณหมอที่คิริฮาระมองเห็นป้ายชื่อตรงโต๊ะว่าพญ.พุดตาน เกียรติโยธิน
พุดตาน คือชื่อที่คิริฮาระหลีกเลี่ยงอยากได้ยินมากที่สุด ไม่ได้เลี่ยงเพราะรังเกียจแต่เลี่ยงเพราะรู้สึกผิด เนื่องจากเขาเคยทำไม่ดีกับเธอมาก่อน
แต่ทว่าตอนนี้ เวลานี้เขากลับต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อขอให้เธอรักษาอาการป่วยบ้าๆ ที่เกิดจากความสะเพร่าของตัวเอง คิดแล้วก็อยากพุ่งเอาหัวโขกกำแพงให้ตายเสียตอนนี้
พุดตานในตอนนั้นเป็นเด็กรักเรียนที่ตอนนี้ได้กลายมาเป็นคุณหมอย่างที่ใฝ่ฝัน ในขณะที่เขาคือรุ่นพี่ที่ป๊อบที่สุดในโรงเรียนและเคยหักอกเธอมาแล้วอย่างไม่ใยดี พอคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องในอดีต บวกกับเรื่องอับอายที่เกิดขึ้นกับตัวเองในขณะนี้ก็ทำให้คิริฮาระอายยิ่งกว่าอาย
โปรแกรมป้องกันตัวเองจึงเกิดขึ้นทันที ไม่ว่ายังไงเขาต้องไม่ให้เธอรู้เด็ดขาดว่าแท้จริงแล้วคิริฮาระก็คืออัตถ์ เป็นตายร้ายดียังไงก็ต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เวลาผ่านมาสิบกว่าปีเข้าไปแล้ว ไม่แน่ว่าตอนนี้พุดตานอาจลืมเรื่องในวันนั้นไปแล้วก็ได้
“คุณพยาบาลช่วยญาติพยุงคนไข้หน่อยค่ะ”
“ค่ะคุณหมอ” พยาบาลสาวผู้ช่วยของพุดตานเอ่ยรับแล้วเข้าไปช่วยพยุงคิริฮาระอีกแรง การได้นอนบนเตียงช่วยลดอาการปวดร้าวที่องคชาตของชายหนุ่มได้มากกว่าตอนยืน เพราะขณะยืนมันทั้งปวดและเกร็งจนก้าวขาแทบไม่ออก
“หมอขอซักประวัติคร่าวๆ ก่อนนะคะ จะได้รู้ว่าควรเริ่มรักษาที่ตรงไหน” เมื่อคิริฮาระนอนลงบนเตียงแล้ว พุดตานก็ถือแฟ้มประวัติเขาเข้ามายืนอยู่ข้างๆ โดยปลายเตียงมีพยาบาลและก้องภพยืนอยู่ด้วย
คุณหมอสาวเพ่งสายตามองคนไข้คนนี้ของเธออย่างสนใจ เพราะเมื่อเข้ามาในห้องตรวจแล้วคิริฮาระก็ถอดแว่นกันแดดออกให้เหลือเพียงแมสเท่านั้น
แววตาของเขาทำไมถึงดูคุ้นเหลือเกิน ไหนจะไฝตรงหางคิ้วซ้ายนั่นอีก ทำไมถึงได้อยู่ตำแหน่งเดียวกันกับของผู้ชายคนนั้นไม่มีผิด โครงหน้า ส่วนสูง อะไรก็คล้าย แต่ชื่อกับนามสกุลกลับไม่เหมือนกันแม้แต่น้อย หรือเธอจะเจอคนที่บังเอิญหน้าเหมือนอัตถ์เข้า
ซึ่งพุดตานขอให้เป็นแบบนั้น เพราะเธอสาปส่งผู้ชายชั่วๆ อย่างอัตถ์ไปแล้ว ว่าขอให้ต่างคนต่างอยู่ อย่าได้เจอะอย่าได้เจอกันอีกเลยในชาตินี้ ผู้ชายที่กล้าเหยียบย่ำความรักของเธออย่างไม่ใยดี แถมยังผลักไสราวกับเธอเป็นอะไรที่แสนน่ารังเกียจ
“ผมจะหายใช่ไหมครับคุณหมอ” คิริฮาระเอ่ยถามขึ้น ทั้งๆ ที่เขายังคงรู้สึกละอายกับเรื่องในอดีต แต่มันก็ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว หวังว่าพุดตานจะไม่เก็บมาใส่ใจ
“หมอจะรักษาให้เต็มที่นะคะ จากประวัติที่ได้มาคนไข้เกิดอาการแบบนี้ใกล้ยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว อืม...หมอขอตรวจองคชาตก่อนดีกว่า” พุดตานพยักหน้าให้พยาบาลเข้ามาช่วยถอดกางเกงของคนไข้ที่ชื่อว่าคิริฮาระออก เพราะเธออยากเห็นลักษณะขององคชาตเวลานี้ เพื่อจะได้ประเมินและหาทางรักษาอย่างด่วนที่สุด
เสียงม่านที่ถูกลากมาปิดเพื่อบังสายตาดังขึ้น คนในม่านตอนนี้จึงมีคิริฮาระ พยาบาลผู้ช่วยของพุดตานและก้องภพ ในขณะที่พุดตานออกไปเตรียมตัว โดยคิริฮาระเองก็ได้ยกสะโพกขึ้นเพื่อช่วยให้พยาบาลผู้ช่วยสามารถถอดกางเกงของเขาออกได้สะดวกอีกแรง
หากเป็นสถานการณ์ปกติ การถอดกางเกงลักษณะนี้คงเกิดกิจกรรมเข้าจังหวะสิบแปดบวกเป็นแน่ แต่ทว่าเวลานี้คิริฮาระกลับไม่มีแรงพอจะไปคิดถึงเรื่องพวกนั้น รวมถึงแม้จะอายอยู่บ้างแต่ก็ต้องข่มความรู้สึกไว้ ความอยากหายมันสูงกว่าความอายหลายสิบเท่า
หลังจากสวมถุงมือเสร็จพุดตานก็เปิดม่านเข้ามาพร้อมกับยืนอยู่ในตำแหน่งเดิม สายตาของคุณหมอคนสวยเพ่งมองไปยังองคชาตของคนไข้ ไม่ได้มีอาการประหม่าตื่นเต้นให้เห็น เพราะนี่ไม่ใช่องคชาตเพศชายอันแรกที่พุดตานได้เห็น แต่หากย้อนกลับไปเป็นนักศึกษาแพทย์เธอคงหน้าแดงก่ำ ทำตัวไม่ถูกไปนานแล้ว
ผิดกับคิริฮาระที่รู้สึกร้อนไปทั้งตัว ยิ่งรู้ว่าพุดตานกำลังเพ่งมององคชาตของตัวเขาอยู่ก็ยิ่งร้อน ทั้งๆ ที่นี่มันก็เป็นแค่หนึ่งขั้นตอนของการรักษาก็เท่านั้น
“อาจจะเจ็บหน่อยนะคะ” พุดตานเอ่ยบอกแล้วยื่นมือไปสัมผัสองคชาตของคนไข้ แม้จะแผ่วเบาเพียงปลายนิ้วแต่ทว่านั่นกลับสร้างความเจ็บปวดให้คิริฮาระเป็นอย่างมาก จนเขาเกิดอาการกระตุกเกร็งในบางจังหวะ
“โอ๊ย...เจ็บครับเจ็บ” คิริฮาระนิ่วหน้าบ่งบอกความเจ็บ คิ้วหนาได้รูปขมวดเข้าหากันทันที แม้จะไม่เห็นสีหน้าของเขาชัดๆ เพราะมีแมสปิดอยู่ แต่พุดตานก็รับรู้ได้ว่าเขาเจ็บ
เธอจึงดึงมือกลับทันทีพร้อมซักประวัติส่วนตัวของคนไข้ไปด้วย โดยยังให้คิริฮาระนอนอยู่บนเตียง เพื่อจะได้นำมาวิเคราะห์หาสาเหตุ ซึ่งขณะนั้นพยาบาลผู้ช่วยก็ดึงผ้าขึ้นมาคลุมตัวให้คนไข้
แต่คิริฮาระกลับบ่ายเบี่ยงพูดถึงการใช้ยา นั่นทำให้ก้องภพหงุดหงิด ซึ่งการปกปิดข้อมูลส่วนตัวของชายหนุ่มกลับส่งผลต่อการคิดหาวิธีการรักษาอาการของเขาเป็นอย่างมาก เพราะตอนนี้ทุกอย่างมันต้องแข่งกับเวลา แต่ถึงอย่างนั้นคุณหมอคนสวยก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“หมอจะส่งคนไข้ไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดนะคะ รวมถึงขอทำอัลตราซาวด์ด้วยเพราะหมออยากเห็นการไหลเวียนของเลือดในองคชาตว่ามีจุดไหนบกพร่องหรือเปล่า”
“ครับหมอ” คิริฮาระเอ่ยรับด้วยใบหน้าที่ยังเก็บอาการเจ็บไว้ จากนั้นเขาก็ถูกพาตัวไปตรวจร่างกายและทำอัลตราซาวด์ทันที โดยมีก้องภพตามไปด้วย แต่ก็แวบกลับมาคุยกับพุดตาน
“ตาล”
“สวัสดีค่ะพี่ก้อง ขอโทษทีนะคะที่ตอนเจอไม่ได้ทักทาย”
“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจว่าตาลกำลังทำงาน”
“พี่ก้องดูเครียดๆ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ หรือว่ากังวลเรื่องอาการป่วยของคุณคิริฮาระ”
“ใช่...เรนจะหายใช่ไหม” คำถามของก้องภพทำให้พุดตานถอนหายใจออกมา เพราะตอนนี้เธอก็กำลังเครียดจนต้องโทรไปขอคำปรึกษาจากอาจารย์หมอที่เคารพแล้วเล่าอาการของคิริฮาระให้อีกฝ่ายฟัง แต่การจะฟันธงว่าองคชาติของคิริฮาระผิดปกติที่ตรงไหนนั้น อาจจะต้องรอให้ผลอัลตราซาวน์มาถึงมือเสียก่อน
