บทที่ 3
‘ผลของการใช้ยาเกินขนาด อาจทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ หรือบางคนอาจเกิดปัญหาองคชาตแข็งตัวอย่างผิดปกติ หากปล่อยไว้เกินยี่สิบสี่ชั่วโมง โอกาสเกิดเซลล์เนื้อเยื่อตายและองคชาตกลายเป็นพังผืดถาวร ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะนกเขาไม่ขันและการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้สูงถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับคนที่ใช้ยาตัวนี้เป็นอย่างมาก’
ทุกประโยคที่นักข่าวเอ่ยมานั้นดังก้องอยู่ในหัวของคิริฮาระ ส่งผลให้ชายหนุ่มยิ่งจิตตก เพราะอาการของเขาตอนนี้บ่งชี้ไปตามเนื้อข่าวเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์
ถ้าเขาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศขึ้นมาจริงๆ จะทำยังไง
แล้วถ้าเขาองคชาตแข็งค้างอยู่แบบนี้มันต้องไม่ดีแน่ ยังไงเขาก็ต้องหาทางรักษาตัวเอง ซึ่งมีเวลาแค่ยี่สิบสี่ชั่วโมงเท่านั้นเขาถึงจะรอด เขาต้องหาย ต้องหายเท่านั้น
“บอกพี่มาเรนว่านายไปทำอะไรมา” คิริฮาระมองหน้าก้องภพนิ่ง ก่อนจะคว้าผ้าขนหนูขึ้นมาผูกเป็นปมปกปิดร่างกายไว้บางส่วน แล้วยอมสารภาพออกไปว่าเพราะอะไรเขาถึงได้มีอาการเช่นนี้
นั่นทำให้ก้องภพถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ โกรธก็โกรธที่คิริฮาระทำอะไรไม่ปรึกษา แต่ระเบิดอารมณ์ใส่ไปตอนนี้ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรดีขึ้น
“ผะ...ผมต้องทำยังไงดี”
“ไปหาหมอ” ก้องภพเอ่ยบอกขึ้น เพราะดูเหมือนการไปหาหมอคือทางออกเดียวของคิริฮาระในตอนนี้
“ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าข่าวนี้รั่วไหลออกไปถึงหูบุคคลที่สามแล้วลามไปจนถึงหูนักข่าว ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่พี่” คิริฮาระไม่ยอมให้ตัวเองเสียหน้าเป็นอันขาด ต้องไม่ให้ใครรู้ว่าเขามีอาการอะไร รวมถึงเรื่องที่เอาแอบใช้ยาไวอากร้าเถื่อนก็ห้ามแพร่งพรายเป็นอันขาด
“แล้วจะทำยังไง อาการของนายมันต้องหาหมอ”
“หาหมอ ใช่หาหมอ แต่ต้องไม่ใช่หมอที่นี่เด็ดขาด” คิริฮาระลนลาน
“แล้วจะไปหาหมอที่ไหน”
“ที่ไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่ที่นี่พี่”
“ที่ไหนก็ได้งั้นเหรอ” ก้องภพนั่งครุ่นคิด วินาทีนี้ยังไงก็ต้องรักษาชื่อเสียงของชายหนุ่มเอาไว้ก่อน เพราะหากคิริฮาระถูกสั่งพักงานขึ้นมา ลามไปจนถึงเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไป ย่อมไม่มีผลดีทั้งต่อตัวคิริฮาระรวมถึงเขาด้วย ร่วมหัวจมท้ายกันมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงก็คงต้องช่วยให้ถึงที่สุด
“ครับ”
“งั้นคงมีทางเดียว คือบินไปรักษาที่เมืองไทย”
“พี่รู้จักหมอเก่งๆ ใช่ไหม”
“ก็พอรู้” ใบหน้าของคุณหมอที่ว่าผุดขึ้นมาในหัวของก้องภพทันที
“แล้วเราจะจัดการงานที่นี่ยังไงครับ”
“นายยื่นเรื่องขอพักร้อนได้นี่ เอาเป็นว่านายรอพี่อยู่ที่นี่”
“แล้วพี่จะไปไหน”
“เข้าบริษัทยื่นเรื่องขอลาพักร้อนให้นาย”
“พี่คิดว่าผมจะลาพักร้อนได้นานเท่าไหร่” คิริฮาระเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล
“สองสามเดือน”
“นานแบบนั้นบอสจะให้ลาหรือครับ”
“นายทำเงินให้เขามาตั้งมาก ถ้าไม่ยอมให้ลาพักก็ลาออกมันไปเลย”
“พี่ก้อง”
“พี่จะพยายามพูดให้ ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด พรุ่งนี้เราจะบินไปเมืองไทยกัน”
“พรุ่งนี้ไม่ได้พี่ ต้องบินทันที เพราะผมมีเวลารักษาแค่ 24 ชั่วโมง ไม่งั้นผมจะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศไปตลอดชีวิต” คิริฮาระเอ่ยบอกด้วยความกลัวและกังวล เพราะตัวเองก็หาข้อมูลเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้นมาบ้าง
“พี่จะรีบกลับมา” ก้องภพตบบ่าของคิริฮาระหนักๆ แล้วก้มหน้าลงต่ำมองไปยังท่อนล่างของพระเอกหนุ่มที่ตอนนี้มีผ้าขนหนูปกปิดไว้อยู่ จากนั้นก็กลับออกไปจากที่พัก เพื่อตรงเข้าบริษัททันที
เครื่องบินลำใหญ่กำลังลงจอดที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ หนึ่งในผู้โดยสารของสายการบินนี้คือคิริฮาระและก้องภพ ทันทีที่ได้รับการอนุมัติให้คิริฮาระสามารถลาพักร้อนได้เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งข้อตกลงที่ก้องภพยื่นไปนั้นมีหรือที่บอสจะกล้าปฏิเสธ
เพราะตลอดเวลาที่คิริฮาระลาพักร้อนชายหนุ่มจะไม่ขอรับเงินเดือนใดๆ ทั้งสิ้น และสัญญาที่จะหมดลงก็จะต่อไปอีกสามปีโดยไม่เพิ่มค่าตัว บวกกับหนังสต็อคที่ คิริฮาระถ่ายเก็บไว้มีมากพอ ทางต้นสังกัดจึงเซ็นอนุมัติ แต่ก็ยังมีข้อแม้ว่าทันทีที่วันพักร้อนหมด คิริฮาระต้องกลับมาทำงานซึ่งเป็นโปรเจคใหญ่ที่ทางเอเจนซี่ได้เลือก คิริฮาระเป็นพระเอกทันที ซึ่งก้องภพก็รับปาก นั่นทำให้ทั้งคู่บินด่วนกลับเมืองไทยโดยเที่ยวบินที่หาได้โดยไม่เกี่ยงเรื่องค่าโดยสารที่แพงหูฉี่แม้แต่น้อย
“นายเดินไหวไหม”
“ไหวครับไหว” คิริฮาระฝืนตอบ เพราะตอนนี้องคชาตของชายหนุ่มก็ยังคงโด่ไม่รู้ล้มแต่อย่างใด และมันก็ผงาดท้าทายมาตั้งแต่น่านฟ้าญี่ปุ่นจนถึงน่านฟ้าไทย
“เราจะไปหาหมอกันเลยใช่ไหมครับ” คนใจร้อนเอ่ยถาม เพราะอยากรักษาอาการบ้าๆ ของตัวเองให้เร็วที่สุด
“ใช่...ไปตอนนี้เลย” ก้องภพเอ่ยบอก จากนั้นก็รีบพาคิริฮาระไปยังโรงพยาบาลทันที โดยให้พระเอกหนุ่มใส่แมสปิดปากรวมถึงสวมแว่นกันแดดไว้ตลอดเวลาด้วย ในขณะที่ก้องภพเองก็ทำเช่นเดียวกัน เพราะไม่อยากให้เรื่องนี้หลุดออกไป ไม่งั้นทั้งงานและเงินคงได้ปลิวหาย แถมคิริฮาระยังจะถูกสื่อเล่นงานเรื่องใช้ยาเถื่อนพ่วงมาด้วย
“ผมขอหมอผู้ชายนะพี่”
“ไม่ได้ เพราะหมอที่พี่นัดไว้เป็นผู้หญิง”
“งั้นผมขอเปลี่ยนตอนนี้เลย” คิริฮาระเอ่ยบอกอย่างเอาแต่ใจ
“นายอยากให้เรื่องนี้มันหลุดออกไปถึงบุคคลอื่นหรือไง”
“แล้วพี่มั่นใจได้ยังไงว่าหมอคนที่ผมจะไปพบจะเก็บความลับได้”
“ได้สิ เพราะเธอเป็นญาติของพี่เอง และที่สำคัญเธอเก่งเรื่องนี้มากด้วย รักษานายหายได้แน่ๆ” ก้องภพเอ่ยให้คิริฮาระคลายความกังวล
“แต่ผม…”
“เวลานี้พี่ว่านายไม่มีตัวเลือกให้เลือกมากเท่าไหร่นะเรน ขืนไปหาหมอคนอื่นคิวจะว่างหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะนี่คือโรคเฉพาะทาง อีกอย่างก็ใกล้จะครบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วไม่ใช่หรือไง” คำพูดของก้องภพทำเอาคิริฮาระแย้งไม่ได้ นั่นทำให้เขาจำยอมต้องรักษากับหมอผู้หญิงที่ทางผู้จัดการส่วนตัวได้เลือกไว้ให้
“เชิญคุณคิริฮาระค่ะ”
“ไป...หมอเรียกแล้ว”
“ครับ” คิริฮาระเอ่ยรับ ก่อนจะพาตัวเองลุกจากเก้าอี้อย่างยากลำบาก ท่าทางการเดินแบบขาถ่างๆ ของชายหนุ่มเป็นที่สนใจของคนไข้รายอื่นๆ ไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นคิริฮาระก็ไม่มีเวลาไปให้ความสนใจ
ก้องภพทนไม่ไหวจึงเข้ามาช่วยพยุงและคงเข้าไปนั่งฟังขณะหมอตรวจอาการของคิริฮาระด้วย และเมื่อเข้าไปในห้องตรวจได้ก็พยายามจะนั่ง แต่กลับถูกคุณหมอที่ตอนนี้นั่งก้มหน้าตรวจแฟ้มประวัติคนไข้อยู่เอ่ยถามขึ้น ด้วยโทนเสียงอบอุ่นและดูห่วงใยคนไข้คนนี้เป็นอย่างมาก
“คนไข้นั่งไหวไหมคะ”
“ไม่ค่อยครับหมอ” คิริฮาระเอ่ยตอบ เพราะในตอนนี้การนั่งดูเหมือนจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขาไปเสียแล้ว
“ถ้างั้นยืนก่อนก็ได้ค่ะ” คุณหมอเอ่ยบอกขึ้น ก่อนจะละสายตาจากแฟ้มประวัติเพื่อมองตรงไปยังคนไข้ของเธอ ที่มาพร้อมคนรู้จักอย่างก้องภพ
