บทที่ 5: เสียงปีกแห่งความตาย
เช้าวันใหม่ในชิงหยางเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ฟ้าหม่น...
สายลมเหม็นคาวเลือด...
และท้องถนนยังคงเต็มไปด้วยเศษซากแห่งความหวาดกลัว
แต่สำหรับลั่วอวิ๋น ชีวิตได้เคลื่อนไปไกลเกินกว่าจะเรียกคืนว่า "ปกติ"
เขาเดินออกจากหอนางโลมโดยไม่หันหลังกลับแม้แต่นิด
ปล่อยให้เสวี่ยเหมยนอนฟุบแนบพื้น เย็นชาจนราวกับกลายเป็นเพียงร่างไร้วิญญาณ
ที่ตลาดชายเมือง เสียงกระซิบแพร่สะพัดว่า
"ศรไร้เสียงกลับมาแล้ว"
"สงครามเงียบจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง"
แต่ในความจริง ไม่มีเสียงใดดังพอจะเตือนพวกเขา...
ว่าศัตรูที่แท้จริงไม่ได้มาในรูปลักษณ์ของอสูร
✦
ในตรอกลับเบื้องหลังตลาดหลัก
ลั่วอวิ๋นพบกับ “หน่วยข่าวกรองสายลับ” ที่เจ้าชายเซี่ยชิงจัดไว้ให้
แต่สิ่งที่เขาเห็นคือเศษซาก...
เศษเสื้อผ้าเปื้อนเลือด...
และเศษเนื้อที่ยังอบอุ่นอยู่
ทุกคนในหน่วยสายลับถูกสังหารหมู่
ไม่มีใครรอด...แม้แต่เด็กส่งสารวัยสิบสองปี
ลั่วอวิ๋นคุกเข่าลงข้างร่างเล็ก ๆ นั้น ใช้นิ้วไล้ตามบาดแผลที่ลากจากขมับไปถึงคอ
มันคือฝีมือของ "มีดสั้นปลายงอ" — อาวุธเฉพาะของหน่วยลับฝ่ายหลี่เหยียน
หลี่เหยียนรู้แล้วว่าเขามา
และเพื่อไม่ให้ลั่วอวิ๋นมีสายข่าวในเมือง
เขา "ทำลายทุกเบาะแสที่ยังหายใจได้"
✦
เสียงกระพือปีกดังขึ้นเหนือหลังคา
ลั่วอวิ๋นหันขวับพร้อมยกธนู
สิ่งที่ร่อนลงมากลางลานไม่ใช่นกธรรมดา...
มันคืออสูรนกกลายพันธุ์
ขนดำหนากลืนแสง ร่างยาวเท่ามนุษย์สองคน
ที่ขาทั้งสองข้างของมันมีตราสัญลักษณ์สีเลือดสด—สัญลักษณ์ของ “นักล่าแห่งปีกโลหิต” กลุ่มนักฆ่าชั้นสูงที่สุดของแคว้นซุนหลิง
นกอสูรส่งเสียงร้องแหลมจนก้อนหินเล็ก ๆ รอบตัวแตกกระจาย
ลั่วอวิ๋นต้องเคลื่อนไหวทันที ก่อนที่แรงสั่นสะเทือนจะทำลายประสาทการทรงตัวของเขา
ศรแรก...พลาด
ศรที่สอง...เฉียดปีก
ศรที่สาม...ปักเข้ากลางหัวใจ!
แต่ก่อนที่ร่างนกจะตกลงพื้น ร่างคนสามคนในเสื้อคลุมดำก็กระโจนออกจากมุมตึก พุ่งเข้าหาเขาพร้อมมีดสั้นปลายงอในมือ!
พวกมันไม่ได้มาฆ่าอย่างเดียว พวกมันมาทรมาน
ลั่วอวิ๋นหลบการแทงอย่างเฉียดฉิว แต่ร่างหนึ่งในนั้นก็เฉือนปลายแขนเขาได้
โลหิตสาดเป็นสายบนอากาศ
ความเจ็บแล่นขึ้นสมองทันควัน
แต่แทนที่เขาจะถอยหนี...
ลั่วอวิ๋นกลับ ยิ้มบาง ๆ
เขาเอาศรแทงทะลุฝ่ามือของนักล่าคนหนึ่งอย่างไร้เสียง
หมุนตัวรวบมีดปลายงอจากมือศัตรู และแทงสวนกลับด้วยท่ารวดเร็วจนปลายมีดทะลุโหนกแก้มของอีกคน
ไม่เกินสิบอึดใจ...ร่างทั้งสามก็ล้มลงเหมือนหุ่นเชิดขาดสาย
เลือดไหลนองพื้น ผสมกับหยาดน้ำค้างที่ยังคงไม่ระเหย
ลั่วอวิ๋นหายใจถี่เล็กน้อย แต่ไม่แม้แต่จะเช็ดเลือดบนใบหน้าตนเอง
เขาเดินไปยังร่างนักล่าคนสุดท้ายที่ยังมีลมหายใจ
นั่งยองลง...และเอื้อมมือขยุ้มผมอีกฝ่ายขึ้น
"ใครส่งเจ้ามา?" เขาถามด้วยเสียงเบา ๆ
ไม่มีคำตอบ...มีเพียงเสียงขากระอักเลือด
ลั่วอวิ๋นไม่ได้รอ
เขาดึงเข็มเงินเล่มเล็กจากซองเก็บข้างเอว
เสียบมันเข้ากลางจุดชีพจรบริเวณข้อมือของศัตรู—จุดที่ต่อกับหัวใจ
ศิลาวิชาโบราณ — เข็มสลายปราณ
มันทำให้หัวใจที่ยังเต้นอยู่ “ขยายตัว” จนแตกออกเองภายในสองร้อยอึดใจ
ศัตรูดิ้นพราดเหมือนถูกเผาทั้งเป็น
ลั่วอวิ๋นเฝ้ามองโดยไร้แววตาสงสาร
และก่อนที่มันจะตาย
ศัตรูสบตาเขาแล้วเปล่งเสียงสุดท้ายออกมาแผ่วเบา:
"องค์ชาย...องค์ชาย...ซุน..."
แล้วลมหายใจก็ดับวูบลง
ลั่วอวิ๋นยืนนิ่งอยู่กลางกองศพนานนับนาที
ใบหน้าไร้อารมณ์
เหมือนกำลังสืบทอด “จิตวิญญาณของนักล่า” จากศพเหล่านี้เข้าสู่ตัวเอง
เพราะในสนามรบแห่งนี้...มีเพียงผู้ที่โหดเหี้ยมกว่าจึงจะอยู่รอด