บทที่ 4: คืนแรกในหอนางโลม
เสียงพิณเบา ๆ คลอเคล้าไปกับกลิ่นน้ำมันหอมระเหยที่เจือด้วยดอกเหมยป่า บนเวทีไม้กลางหอหรูหรา หญิงสาวในชุดบางเบาร่ายรำช้า ๆ ท่ามกลางสายตาชาวเมืองที่ล้วนแต่มีอำนาจและเงินตรา
แต่ในห้องชั้นสองสุดหรูหลังม่านลูกไม้สีทอง...
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกำลังแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
ลั่วอวิ๋นนั่งอยู่บนโซฟาไม้ประดับมุก ปล่อยให้ไวน์รินเต็มถ้วยแต่ไม่ได้แตะมันแม้แต่นิด
เบื้องหน้าเขา...หญิงสาวนามว่า เสวี่ยเหมย ในชุดสีแดงเลือดก้าวเข้ามาอย่างเงียบเชียบ
เธอไม่เอ่ยทักทาย ไม่ก้มกราบเหมือนหญิงโลมทั่วไป
นัยน์ตาของเธอสบกับเขาอย่างตรงไปตรงมา...
เยือกเย็น...เจ็บปวด...และเต็มไปด้วย ความปรารถนาอันบิดเบี้ยว
“เจ้าต้องการข้อมูล...” เสียงเธอแหบพร่า
“และข้าต้องการ...ร่างกายเจ้าก่อนที่ข้าจะถูก ‘ทำลาย’ คืนนี้”
เสวี่ยเหมยโยนผ้าคลุมบางเบาลงพื้น เผยเรือนร่างอ่อนช้อยที่เต็มไปด้วยรอยสักดำ
แต่ละรอยคือ "ตราสาป" ที่จิ้นกงกงประทับไว้—บ่งบอกว่าเธอไม่ใช่แค่นางโลม แต่คือ "เครื่องมือสะกดอสูร"
เธอขึ้นคร่อมเขาอย่างไร้การลังเล
ริมฝีปากที่แตะลงมานั้นเต็มไปด้วยกลิ่นเลือดและความสิ้นหวัง
ลั่วอวิ๋นขืนตัวไว้ในคราแรก
แต่แล้ว...เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงสั่นไหวที่แท้จริงของหญิงตรงหน้า—การสั่นไหวของผู้ที่ไม่มีทางเลือก
มือเขาจับข้อมือเธอแน่น จิกจนเลือดซึม
“ข้าไม่ใช่ที่ระบายของเจ้า...” เสียงเขาเย็นเฉียบ
“แต่ถ้าเจ้าต้องการจริง ๆ...ข้าจะสลักตราใหม่ลงในวิญญาณของเจ้าเอง”
เขากระชากเสวี่ยเหมยแนบลงกับโซฟา แขนแข็งแรงตรึงเธอแน่น
ริมฝีปากบดขยี้เข้าหาอย่างไม่ปรานี—ไม่ใช่เพราะอารมณ์หวามไหว แต่เพื่อพิสูจน์อำนาจเหนืออีกฝ่าย
เสวี่ยเหมยครางแผ่ว ผสมระหว่างความเจ็บปวดและความสุขที่เธอเองก็แยกไม่ออก
ร่างกายของพวกเขาพัวพันกันในความมืด...เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องในห้องที่ปิดผนึกแน่นหนา
คืนนี้...ไม่มีใครเป็นผู้ชนะ
มีเพียงสองวิญญาณที่แตกสลาย กำลังประสานกันชั่วข้ามคืน
และในรุ่งเช้า
เสวี่ยเหมยจะมอบความลับแรกให้ลั่วอวิ๋น...
ความลับเกี่ยวกับ "รากกำเนิดของโครงการทหารอสูร" ที่จะพลิกทั้งแผ่นดิน