
บทย่อ
ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดและเถ้าถ่านของสงครามที่ไม่สิ้นสุด ทหารของแคว้นซุนหลิงผงาดขึ้นด้วย "พลังอสูร" กลายพันธุ์จากร่างมนุษย์ พวกมันแข็งแกร่ง ดุร้าย และไม่รู้จักตาย ลั่วอวิ๋น อดีตแม่ทัพเอกแห่งแคว้นต้าอวี้ ถูกกล่าวหาว่าทรยศและถูกกวาดล้างทั้งตระกูล เขาหายสาบสูญไปแปดปี ก่อนจะกลับมาอีกครั้งพร้อม “ธนูปีศาจ” ที่สร้างจากกระดูกของสหายผู้ตาย... ไม่มีคำว่าความยุติธรรม มีเพียงคำว่า "ศรหนึ่ง ปลิดใจคน" และเบื้องหลังสงครามครั้งนี้ มีบางสิ่งที่ “ชั่วยิ่งกว่าอสูร” ซ่อนอยู่ในวังหลวง…
บทที่ 1: ศรจากความเงียบ
เสียงลมหนาวพัดกรูเข้าในรอยแยกของเขาแมงทึบ ทะลวงลงในเส้นเลือดของผู้คนที่เหลืออยู่ในหมู่บ้านชายแดนอย่างไม่ปรานี กลิ่นเลือดคาวคลุ้งปะปนกับเขม่าควันยังไม่จางจากซากศพที่กองรวมกันอยู่กลางลานหินเย็นเฉียบ
ชายแก่หลังค่อมที่เหลือเพียงแขนข้างเดียวพึมพำบทสวดให้กับคนตาย ริมฝีปากแตกแห้ง และดวงตาขุ่นมัวเต็มไปด้วยหยาดน้ำใส “…เทพฟ้า โปรดรับดวงวิญญาณของพวกเขา…โปรดช่วยข้า…อย่าให้มันกลับมา…”
"มัน" ที่เขากล่าวถึง คือ "สิ่งที่ไม่ควรมีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์"
มันมีร่างคล้ายคน แต่ใหญ่กว่าสองเท่า ผิวสีคล้ำดำสะท้อนแสง เปลือกตาสีแดงเลือด ไร้รูม่านตา มันไม่พูด แต่แค่คำรามครั้งเดียวก็ทำให้เด็กคนหนึ่งเลือดออกหูจนสิ้นใจ
มันไม่ใช่มนุษย์ และแน่นอนว่าไม่ใช่สัตว์ป่า มันคือ “ทหารอสูร”
สิ่งมีชีวิตที่สร้างจากความละโมบของมนุษย์ผู้ถืออำนาจ
เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งเดินเข้าใกล้ ซึมลึกในทุกจังหวะคล้ายศพที่ยังมีชีวิต ใบมีดธนูสีดำสะท้อนแสงจันทร์ เข็มเงินในปลายศรเย็นเยียบเกินกว่าจินตนาการของนักรบธรรมดา
“เขามาแล้ว...” เด็กหนุ่มคนหนึ่งพึมพำขณะยืนกุมหน้าอกอยู่หลังซากไม้พัง เขาเคยได้ยินชื่อ “ศรไร้เสียง” จากคำบอกเล่าของทหารรับจ้าง—ผู้ที่ใช้ธนูเพียงดอกเดียวทะลวงจุดตายของแม่ทัพฝ่ายตรงข้ามจนร่างระเบิดเป็นเสี่ยง
ลั่วอวิ๋น เดินมาช้า ๆ เสื้อคลุมสีเทาคลุมทั้งร่าง ใต้ผ้าพันแผลสีหม่นที่พันข้อมือข้างหนึ่งมีรอยเลือดซึมออกมา
เขาเงยหน้ามองซากหมู่บ้านอย่างไร้อารมณ์ ราวกับผ่านเรื่องนี้มานับร้อยครั้งแล้ว
"ศัตรูยังอยู่แถบไหน?" เขาถามเสียงต่ำ ใบหน้าไม่มีแม้แต่รอยแสดงความโกรธหรือเศร้า
ชายแก่ที่เหลือแขนข้างเดียวสั่นเทา แต่ก็ยกนิ้วชี้ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ "ภูเขาลูกนั้น...หุบเหวมรณา...พวกมันตั้งค่ายอยู่ในถ้ำ...กลิ่นเลือดโชยมาแม้กระทั่งกลางวันแสกๆ"
ลั่วอวิ๋นพยักหน้าแผ่วเบา ก่อนเดินผ่านชายแก่ไปช้า ๆ ไม่แม้แต่จะหันกลับไปขอบคุณ
เขาไม่ใช่คนดี เขาไม่ใช่ผู้พิทักษ์ เขาแค่...มีสัญญาว่าจ้างจะต้องสะสาง
ภารกิจนี้ไม่ได้เกี่ยวกับคุณธรรมใด ๆ แต่มันคือเงินรางวัล และเบาะแสของ “จิ้นกงกง” ขันทีใหญ่ที่หายตัวไปพร้อมข้อมูลเกี่ยวกับ “ต้นแบบการทดลอง” ของทหารอสูร
และเขาต้องการมัน...
ภูเขามรณาไม่สูงนัก แต่รากไม้ตายเกรอะกรังปกคลุมพื้นทางเดินทุกก้าว เมื่อก้าวเหยียบแต่ละครั้ง เสียงกระดูกแห้งกรอบใต้ฝ่าเท้าดังขึ้นราวกับจงใจให้ “บางสิ่ง” รู้ว่าเขามาแล้ว
ลั่วอวิ๋นหยุดหน้าโพรงถ้ำ ดึงลูกธนูออกจากซองหลัง แสงจันทร์กระทบใบมีดจนเกิดประกายวูบหนึ่ง
เขาหลับตาแนบหน้าผากกับปลายลูกธนู
“…สำหรับหยางซิน…สำหรับหลานเหอ…และสำหรับตัวข้าเอง…”
จากนั้น เขาขยับเท้าก้าวเข้าไปในความมืด
เสียงกรีดร้องของชายหนุ่มดังกึกก้องพร้อมเสียงเนื้อฉีกกระชาก ร่างเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยรอยผ่าตัดนอนดิ้นพล่านใต้มือของสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง มันกดแขนขาเขาไว้ด้วยกรงเล็บหนา ก่อนจะก้มหน้าไปดูดบางสิ่งจากกระดูกสันหลังของเหยื่อ
ลั่วอวิ๋นแทรกตัวเข้ามาในความมืด เห็นฉากตรงหน้าแล้วกลับไม่มีแม้แต่รอยย่นบนใบหน้า
เขาเพียงค่อย ๆ ง้างสายธนู
และในจังหวะที่หัวของอสูรหันมา...
ฟึ่บ!
เสียงไม่มีจริง แต่ผลลัพธ์กลับดังกว่าฟ้าร้อง ศรทะลุเบ้าตาขวา เข้าไปยังสมองของมัน—ร่างของมันแข็งค้าง ก่อนระเบิดออกจากภายในราวกับมีเปลวเพลิงแผดเผาทุกเซลล์ในวินาทีเดียว
ชายที่นอนดิ้นหยุดขยับ หายใจแผ่วอย่างหมดแรง
ลั่วอวิ๋นเดินเข้าไปช้า ๆ ใช้ขอบรองเท้าปัดเศษเนื้อจากใบหน้าเหยื่อก่อนพูดว่า “เจ้ารอด…เพราะข้ายังมีศรเหลือ”
เมื่อออกจากถ้ำ ลั่วอวิ๋นเดินไปยังยอดเขา มองลงมาที่แนวทัพของแคว้นซุนหลิงในระยะไกล
พรุ่งนี้ เขาจะเดินเข้าไปกลางค่าย
คนอื่นอาจกลัว...แต่เขารู้ว่าแม่ทัพหลี่เหยียนจะอยู่ที่นั่น และเขาจะปล่อย "ศรจากความเงียบ" เข้าใจกลางหัวใจมัน เพื่อทวงแค้นจากศึกเมื่อแปดปีก่อน
และบางที...หานอวี้อาจรอเขาอยู่ที่นั่นเช่นกัน
